กทม.เป็นงานที่เปิดโลกทัศน์
เมื่อวันที่ 11 เม.ย.61 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เปลี่ยนตัวรองผู้ว่าฯ กทม.เป็นครั้งที่ 2 จาก พล.ต.อ.ชินทัต มีศุข เป็นนายสกลธี ภัททิยกุล อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยให้รับงานดับเพลิงกู้ภัยและเทศกิจเป็นหลัก
ถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ในการดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. “รายงานวันจันทร์” จะไปพูดคุยกับนายสกลธีถึงการทำงานและการสานต่อนโยบายผู้ว่าฯ กทม.
---------------
ถาม-การทำงานใน 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
สกลธี-ตั้งแต่เข้ามารับงานได้ประชุมติดตามงานและลงพื้นที่มาโดยตลอด โดยเฉพาะงานจัดระเบียบจุดผ่อนผัน ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ระบุว่าจุดใดที่มีการยกเลิกจุดผ่อนผันไปแล้ว ห้ามกลับมาขายอีกเด็ดขาด ส่วนจุดที่ยังไม่มีการยกเลิกให้เข้าไปจัดระเบียบให้เรียบร้อยก่อน กรณีผู้ค้าหน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว เป็นจุดนอกเหนือจากที่ได้กล่าวมาข้างต้น เนื่องจากไม่ได้เป็นที่สาธารณะ เป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขณะนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะมีผู้ค้าที่ไม่พอใจบ้าง แต่โดยรวมถือว่าเรียบร้อย “ผมมาจากฝ่ายการเมือง การลงพื้นที่จะเหมือนนักการเมือง คือ พยายามแก้ไขปัญหาให้เร็ว หวังทำงานเชิงรุก เวลาไปไหนในหัวจะคิดถึงเรื่องงานตลอด และสังเกตดูบริเวณไหนไม่เรียบร้อย หรือมีปัญหาอะไรบ้าง ”
...
ถาม-มีแนวทางการทำงานอย่างไร
สกลธี-ตนเป็นคนทำงานเร็ว และคาดหวังให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานเหมือนกัน ทั้งนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาคงไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ถ้าไม่มีความสุข หรือสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้งานมีไม่เพียงพอ ตนจะพยายามประสานให้ เช่น สปภ.ขอเครื่องช่วยหายใจสำหรับใช้ในการผจญเพลิง ซึ่งที่ผ่านมาขอไม่เคยได้ ตนจะพยายามให้ได้ภายในงบปี 2562 หรือสำนักเทศกิจ เรื่องเงินค่าล่วงเวลา ก็จะพยายามให้ได้ตามความเหมาะสม รวมถึงการหมุนเวียนข้าราชการ การอยู่ที่เดิมนาน มีผลเสียคือหากเจอคนไม่ดี อาจจะไปสร้างอิทธิพลได้ หลังจากนี้อาจจะใช้ระบบหมุนเวียนย้ายเจ้าหน้าที่เทศกิจ ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดหลักเกณฑ์
ถาม-มีกระแสข่าวว่าการมาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ เป็นการมาฝึกงานเพื่อเตรียมตัวลงเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป
สกลธี-ยอมรับว่าได้เรียนรู้ทุกวัน แม้ว่าจะเคยเป็นข้าราชการมา 3 ปี เป็นนักการเมืองมา 10 กว่าปี แต่งานบริหารแทบจะไม่เคยทำ ซึ่ง งาน กทม.ถือเป็นงานที่เปิดโลกทัศน์ให้ตนได้มาศึกษาหลายอย่าง ทั้งเรื่องงบประมาณ งานบริหารบุคลากร การดูปัญหาที่หลากหลายมิติของ กทม. ซึ่งเป็นประโยชน์มากในอนาคตต่อไปแม้ว่าตนจะไปทำอะไรก็ตาม แต่จะลงสมัคร ส.ส.หรือไม่ยังไม่ตัดสินใจ ปัจจุบันอยากทำหน้าที่นี้ให้เต็มที่ที่สุด.