"ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรกับ เหตุการณ์ครั้งที่ผ่านๆ มา ก็ต้องตอบว่ายังรู้สึกเสียใจเสมอ ความบาดหมางการแบ่งแยกฝั่ง ฝ่าย ทำให้เราต้องยืนอยู่เพื่อปกป้องคนฝ่ายเราให้รอดพ้นจากความเจ็บปวด ความเป็นความตาย แต่เมื่อท้ายที่สุดเรากลายเป็นผู้พ่ายแพ้และสูญเสียพี่น้อง สูญเสียความชอบธรรม เราก็ต้องเจ็บปวดเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ...ผ่านมาหลายปี ความรู้สึกทั้งหมดไม่เคยลืมเลือน แต่ไม่แค้น ไม่โกรธ ไม่กลับมาฝังใจ ปล่อยความทุกข์ไว้เบื้องหลัง แล้วก้าวไปข้างหน้าดีกว่า"
คุณปอย ตรีชฎา ศรีธาดา ผู้ประกาศข่าวและพิธีกร TV 24 สถานีประชาชน พิธีกรรายการตรงไปตรงมา กับ รศ.พิเศษ ดร.อดิศร เพียงเกษ เพิ่งได้ออกอากาศหลัง กสทช. ปิดรายการไป 15 วันหลังออกอากาศได้เพียง 3 วัน ต้องปิดสถานีถาวรพร้อมกับคำสั่งของ กสทช.
โด่งดังสุดกู่สมัยรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่งแท่นพิธีกรข่าวเช้า "ประชาชนข่าว" เรตติ้งสูงแซงหน้าทุกสำนักเมื่อช่วงปี 2554 - 2555 ..และถึงแม้วันนี้พรรคเพื่อไทยจะลดบทบาทลงไป เรตติ้งสถานีไม่พุ่งแรงเหมือนเมื่อก่อน แต่เธอยังปักหลักทำงานอยู่ที่เดิมด้วยอุดมการณ์ และในวันนี้ เวลา 24.00 น. TV 24 กำลังจะปิดตัวลงถาวร
...
"เอาจริงๆ คือ ปอยไม่ได้คิดจะมาฟาดฟันกับใคร เราทำงานในหน้าที่พิธีกร แต่เหตุการณ์หลายๆ อย่างมันสร้างอุดมการณ์ให้ปอย กลายเป็นมีที่ยืนในสังคม มีความโดดเด่นขึ้นมาในฝั่งรัฐบาลทักษิณ วันที่ปอยมีชื่อเสียงดังสุดขีด ก็มีหลายๆ สำนักข่าวมาจีบไปทำงานด้วย ในสมองไม่เคยลังเล และเลือกว่าเราต้องยืนอยู่จุดเดิม จะสูงจะต่ำอย่างไร เราก็ต้องทำงานเพื่อประชาชนอยู่จุดนี้ที่เดิม..."
ภายหลังเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย เธอยังล้มลุกคลุกคลาน และ "พ่ายแพ้" ไปพร้อมๆ กับพรรคการเมืองฝั่งชินวัตร หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องถอดใจ หรือหนีหายเปลี่ยนข้าง ไปให้ไกล ไปทำงานสถานีอื่น ช่องอื่น ที่มันไม่ต้องมีตราประทับหน้าผากว่าเป็นพวกเลือกข้างทางการเมือง
"ทุกวันนี้ก็มีความสุขดีค่ะ ไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องดิ้นรนเพื่อตัวเอง รู้สึกว่าต้องดิ้นรนเพื่อส่วนรวมมากกว่า ..คำว่าดิ้นรนในความคิดของปอย ไม่ใช่ดิ้นรนดึงดันฟาดฟันเอาเป็นเอาตายนะคะ ดิ้นรนในที่นี้คือ ยืนอยู่จุดเดิมเพื่อพิสูจน์ความจริง และเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยแบบสันติ ไม่ได้เอาประชาธิปไตยมาอ้างเพื่อพรรคการเมือง หรือเพื่อผลประโยชน์ของใคร แต่เมื่อที่ผ่านมา เราไม่ได้มีอำนาจพอที่จะชี้ทิศทางบ้านเมืองได้เราก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ไม่คิดดึงดันใดๆ"
ในห้วง 3 ปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองต่างๆ มีความซบเซา ไร้บทบาทภายใต้การปกครองโดยอำนาจของทหาร กระทั่งมาปีนี้ กระแสอยากเลือกตั้ง ทิศทางของทุกๆ พรรค กลับกลายเป็นเห็นพ้องต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย ประหนึ่งปรองดองกันแล้ว หรือเพราะรวมตัวตั้งหลักเรียกอำนาจคืนจากทหารกันแน่
"จะบอกว่าปรองดอง คงไม่ใช่ จะบอกว่ารวมตัวก็คงไม่ใช่อีกนั่นแหละ 555 อุดมการณ์ของใครของมัน ซึ่งปอยมีอุดมการณ์ในใจ คือยืนอยู่ตรงนี้เพื่อประชาธิปไตย มาตั้งแต่แรกเริ่ม ส่วนอุดมการณ์ของคนอื่นเป็นอย่างไรลองไปศึกษาความเป็นมากันเอง ...เรื่องทุกอย่างมันเนิ่นนานมาจนถึงวันนี้ จะให้ไปนั่งฟาดฟันกับคู่ปรับเก่า ก็เหมือนเราถอยหลังลงคลอง หรือจะให้ไปนั่งสมน้ำหน้าชะตากรรมของเขา ก็ดูเหมือนเราไม่มีมนุษยธรรมเอาซะเลย เราเดินหน้าทำตามอุดมการณ์ของเราดีกว่า"
...
ส่วนกระแสข่าวที่ผ่านมา หลายคนรู้จักเธอดีในฐานะคนใกล้ชิดตระกูลชินวัตร ในวันนี้เธอให้สัมภาษณ์กับเราทิ้งท้ายไว้ว่า..
"ไม่เห็นจะรู้สึกเลยว่าตัวเองใกล้ชิด ปอยว่าเป็นเรื่องที่คิดกันไปเองมากกว่า ถามว่าเคยเจอท่านทั้ง 2 คนมั้ย ต้องเคยเจออยู่แล้ว ถ้าไม่เคยเจอคงไม่มีใครเอามาพูดกันขนาดนี้ .. ก็ขอบคุณนะคะ ที่ให้เกียรติปอยเป็นถึงลูกรักอดีตนายกรัฐมนตรีในประเทศไทยถึง 2 ท่าน ก็จะขอน้อมรับไว้... "
รู้สึกอย่างไรบ้างที่วันนี้ จะไม่ได้กลับมาจัดรายการที่ช่องนี้อีก? รู้สึกเศร้าใจนะ คิดถึงวันเก่าๆ คิดถึงเพื่อนร่วมงาน คิดถึงหัวหน้าทุกๆ ท่าน ถึงตอนนี้เราก็ต้องเดินต่อตามวิถีชีวิตของเราต่อไป
Exclusive By Kanpinat