จับแล้วหญิงไทย ตัวชักใยบงการอุ้มนักธุรกิจสาวชาวจีน เรียกค่าไถ่ 10 ล้านบาท พร้อมทำร้ายร่างกายสาวจีนระหว่างกักขัง เจ้าตัวยังปฏิเสธ อ้าง ถูกกลั่นแกล้ง พาตัวมาแค่ต้องการตกลงหนี้สินธุรกิจ


พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แถลงจับกุม นางสาววรรษิการ เติมธนาภัทร หรือ แอนนา ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย และร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ตามหมายศาลจังหวัดสมุทรปราการ นอกจากนี้ยังได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 6 คน โดยทั้งหมดร่วมกันก่อเหตุอุ้มเรียกค่าไถ่นักธุรกิจสาวชาวจีนเป็นเงิน 15 ล้านบาท ภายในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา

พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาที่จับกุมได้ให้การซัดทอดว่า นางสาววรรษิการ ว่า เป็นผู้สั่งการทั้งหมด ขณะที่จากคำให้การของเหยื่อ ระบุว่า รู้จักกับ 1 ในคนจีนที่ลักพาตัวมา เนื่องจากทำธุรกิจร่วมกัน และขณะที่ถูกคุมขังอยู่ได้ถูกนางสาววรรษิการ ทำร้ายร่างกาย 

...

อย่างไรก็ตามคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 11 คน ถูกจับกุมแล้ว 6 คน ได้แก่ นายประสิทธิ์ ดิษฐจินดา, นายสมบัติ กาเพ็ชร, นายนิพนธ์ วีระศร, ว่าที่ ร.ต.สำรวย ทิมแก้ว, เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และนางสาววรรษิการ เติมธนาภัทร ส่วนชาวจีนอีก 4 คน คือ นายซุน ดองเหลียง (Mr.Dongliang Sun), นายซุน เหวินฉี (Mr.Wenqu Sun), นางสาวไค เมยเลิง (MissMeiling Kai), นายซอง หมิง (Mr.Ming Song) หลบหนีออกนอกประเทศไปก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ และยังมีอีก 2 คนไทย คือนางสาวอุทัย อินทร์ศรี, นายณัฐพล แก้วไซเกิด ที่อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม

ขณะที่ นางสาววรรษิการ ระบุว่า ตนเองถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มของเหยื่อ พร้อมร้องขอความเป็นธรรม และปฏิเสธไม่ได้เป็นผู้สั่งการให้จับเหยื่อ ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แต่ต้องการนำมาตกลงการเรื่องหนี้สินทางธุรกิจ ขณะนี้กำลังรอเอกสารเกี่ยวกับการทำธุรกิจร่วมกับชาวจีน.