จากคดีวัยรุ่นหัวร้อนทำร้ายร่างกายคุณตาซาเล้ง หรือ นายจรูญ มณีพันธ์ วัย 82 ปี จนบาดเจ็บสาหัส กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา ภายหลังโลกโซเชียลนำภาพวงจรปิดเผยแพร่ภาพขณะที่ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายคุณตา ขณะนั้น นางสาววนิดา มณีพันธ์ ลูกสาวคุณตาซาเล้ง วัย 38 ปี ได้ออกมามีบทบาทให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนกรณีพ่อถูกทำร้ายร่างกาย

เริ่มต้นจากวันที่ 14 มีนาคม 2561 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง นำโดย พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้ควบคุมตัว นายนราธร โสดติยัง อายุ 21 ปี หรือจ๊อด ผู้ต้องหา มายังโรงพักห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนั้นเอง "เจี๊ยบ" ได้เดินทางมายังโรงพักในฐานะลูกสาวผู้เสียหาย เพื่อให้ปากคำสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

เหตุเกิดตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีการแจ้งความ

จากการพูดคุยระหว่างผู้สื่อข่าวไทยรัฐออนไลน์ กับ เจี๊ยบ ในคืนวันที่ 14 มีนาคม 2561 เจี๊ยบบอกกับเราว่า เรื่องราวที่พ่อโดนทำร้ายร่างกาย เกิดขึ้นมาหลายวันแล้ว แต่ที่บ้านไม่ได้เข้าแจ้งความเนื่องจากอยากรอไกล่เกลี่ยเรื่องเงินกันเองกับครอบครัวของผู้ต้องหา กระทั่งคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ในโซเชียล ตำรวจทราบเรื่องจึงไปเชิญตัวมาเพื่อให้ปากคำแจ้งข้อกล่าวหากับนายจ๊อด หากคลิปไม่ดังเป็นกระแส คงยังไม่ได้ออกมาแจ้งความ.... เจี๊ยบให้ข้อมูลผู้สื่อข่าว

...

ปล่อยพ่อนอนข้างถนน ไม่ยอมดูแล

ในประเด็นดังกล่าว น้องเจี๊ยบ บอกกับเราว่า พ่อเป็นคนหัวดื้อ ห้ามก็ไม่ฟัง ทั้งๆ ที่บ้านพยายามไปตามกลับบ่อยครั้ง แต่พ่อไม่ยอมกลับ แถมยังด่าลูกหยาบคาย เนื่องจากพ่อต้องการที่จะนอนหน้าเซเว่นฯ  พร้อมยืนยันว่าที่บ้านไม่ได้ปล่อยปละละเลย หรือไม่ดูแล เพียงแต่พ่อรักในอาชีพเก็บของเก่าขาย และมีความสุขที่จะใช้ชีวิตนอกบ้านมากกว่า ในขณะที่ชาวบ้านละแวกดังกล่าวให้ข้อมูลกับเราว่า ไม่เคยเห็นครอบครัวคุณตาซาเล้ง มาดูแลถามไถ่ถึงความเป็นอยู่คุณตา ขณะใช้ชีวิตเป็นคนเร่ร่อนแม้แต่ครั้งเดียว

อ้างพ่อเคยเป็นเจ้าของศักดิ์สิทธิ์อัลลอย - ถูกจับได้ยังไหลไม่หยุด 

หลังข่าวดังเพียงแค่วันเดียว น้องเจี๊ยบ ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า ตัวเธอเองเคยเป็นคนรวยมาก่อน เนื่องจากพ่อมีกิจการหุ้นกับเพื่อนก่อตั้งบริษัทศักดิ์สิทธิ์อัลลอย กระทั่งฟองสบู่แตก ต้องขายกิจการให้คนอื่นต่อ ...ในวันนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำแล้วว่า "ใช่ศักดิ์สิทธิ์อัลลอยที่กำลังเปิดอยู่ตอนนี้ไหม?" ซึ่งได้รับคำยืนยันจากปากเธอว่า "ใช่" ทางไทยรัฐออนไลน์ จึงนำเสนอข่าวออกไป 

โอละพ่อ เจ้าของศักดิ์สิทธิ์อัลลอย โผล่แสดงตัว บอกไม่รู้จักมาก่อน 

ภายหลังข้อมูลได้แพร่สะพัด น้องเจี๊ยบ พร้อมแม่ของเธอ ได้ติดต่อกับทีมงานอีกครั้ง โดยตัวน้องเจี๊ยบเองได้บอกเราว่า "พี่คะ พี่แก้ไขข้อมูลให้หนูใหม่ ช่วยเขียนว่า หนูจำคำพ่อแม่เล่ามาตั้งแต่เด็กๆ ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อน" ทั้งที่ก่อนหน้านี้ น้องเจี๊ยบยืนยันกับปากชัดเจนว่า "เคยเป็นของพ่อเธอเอง" เหตุนี้ทำให้ทางไทยรัฐออนไลน์ต้องนำเสนอข้อมูลแก้ออกไป เพราะทาง เจ้าของศักดิ์สิทธิ์อัลลอย ได้ออกตัวชัดเจนว่า เป็นผู้ก่อตั้งคนเดียวตั้งแต่เริ่มต้น 

ให้ข้อมูลขัดแย้งกับทางตำรวจตลอด 

ภายหลังดำเนินคดีกับจ๊อด ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ยืนยันว่าได้มีการเรียกคู่กรณีมาพูดคุยเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายและความรับผิดชอบต่างๆ ในขณะที่น้องเจี๊ยบ กลับให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ทางผู้เสียหายไม่เคยมารับผิดชอบอะไรเลย ไม่มีการไกล่เกลี่ยเกิดขึ้น ทำให้ข้อมูลข่าวดังกล่าวสร้างความสับสน และทุกครั้งที่ถามย้ำกลับไป น้องเจี๊ยบ จะปิดเครื่องหนีหายตลอด

...

แม่ลูกแตกหัก แจ้งจับเจี๊ยบหอบเงินบริจาค หนีหายร่วม 2 แสน 

สุดท้าย แม่แท้ๆ ของน้องเจี๊ยบ เข้าแจ้งความกับตำรวจ ภายหลังถูกน้องเจี๊ยบ ขโมยสมุดบัญชีเงินฝาก พร้อมถอนเงินออกไปเกือบ 2 แสนบาท และขโมยทองคำจำนวนหนึ่ง อีกทั้งแม่ยังยื่นคำขาดห้ามเจี๊ยบเหยียบเข้าบ้านอีกเด็ดขาด เข้ามาเมื่อไหร่จะให้ตำรวจจับทันที.