ประธานสภาสตรีฯ นำคณะกรรมการฯ เข้าหารือ รมว.พัฒนาสังคมฯ เพื่อจัดงานวันสตรีไทย ขณะที่ "บิ๊กโย่ง" ยันพร้อมให้ความร่วมมือทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
เมื่อวันที่ 9 พ.ค.61 ดร.วันดี กุญชรยาคง ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ พร้อมด้วย นางจิตรี จิวะสันติการ ประธานคณะกรรมการบริหาร พล.ท.หญิงประคิณันต์ แสงรุ่งเรือง รองประธานคณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการฯ ได้เข้าพบ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์ (พม.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดงานวันสตรีไทย และความร่วมมือของ พม.กับสภาสตรีฯ ที่จะทำร่วมกันในอนาคต โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และนายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ร่วมหารือ ที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ
ดร.วันดี กล่าวว่า สภาสตรีฯ มีองค์กรสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ แต่ละคนที่เข้ามาทำงานเพื่อสังคม ล้วนมีความรู้ความสามารถ และได้เสียสละเวลามาทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อให้องค์กรสตรีของไทยมีความเข้มแข็ง แม้แต่ต่างชาติยังทึ่งในความสามารถของสตรีไทย ที่ผ่านมามีหลายประเทศได้เชิญองค์กรสตรีจากประเทศไทยไปร่วมประชุม เพื่อขอความเห็นในการพัฒนาองค์กรสตรี ในระดับนานาชาติ
ทั้งนี้โดยเฉพาะประเทศจีนให้เกียรติองค์กรสตรีจากประเทศไทยมาก ที่ผ่านมาได้ทำกิจกรรมร่วมกันมาตลอด ล่าสุดมีความร่วมมือกัน เพื่อนำผ้าไหมไทยไปเปิดตลาดในต่างประเทศ โดยให้กลุ่มแม่บ้านทอผ้าไหมไทยในภาคอีสาน ปักเป็นรูปดอกโบตั๋นลงบนลายผ้าไหมเพื่อช่วยนำไปขาย ซึ่งดอกโบตั๋นเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติของจีน คนจีนยกให้เป็นดอกไม้ของจักรพรรดิ ถือเป็นดอกไม้แห่งเกียรติยศและความร่ำรวย ถ้าโครงการนี้สำเร็จจะทำให้ผ้าไหมไทยโด่งดัง และเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับกลุ่มสตรีในภาคอีสานด้วย
...
ดร.วันดี กล่าวว่า สภาสตรีฯ ถือเป็นองค์กรหลักที่เป็นศูนย์กลางประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรสตรีทั่วประเทศ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะต้องเชิดชูให้วันสตรีไทยเป็นวันสำคัญของชาติ โดยจะมีการจัดกิจกรรมยกย่องเชิดชูเกียรติแก่สตรีทั่วประเทศ ซึ่งในปีนี้จะจัดงานในวันที่ 1 ส.ค.โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ไปทรงเปิดงาน
ด้าน พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ยินดีให้การสนับสนุนกิจกรรมของสภาสตรีฯ ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ดังนั้น กิจกรรมใดที่สภาสตรีฯ เห็นว่า กระทรวงจะสนับสนุนได้ก็ให้ประสานมา เพราะกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ซึ่งอยู่ในสังกัดของกระทรวงก็มีหน้าที่ด้านนี้โดยตรงอยู่แล้ว จึงหวังว่าจะได้ร่วมมือกันทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมต่อไป