ตร.หอบเอกสาร ร้องกองปราบ ถูกหลอกให้ไปรับงานตัดชุดเครื่องแบบตำรวจ เสียหายกว่า 5 ล้านบาท สุดท้ายเสียหายหนัก เพราะคนหลอกเกิดเบี้ยว ไม่สามารถหาผ้าที่จะใช้ตัดเย็บเครื่องแบบได้
เมื่อเวลา 17.30 วันที่ 10 เม.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.ต.วุฒิพงษ์ ตั้งมหากิจศิริ สว.ฝ่ายการฌาปนกิจสงเคราะห์ บก.สก.เดินทางเข้าแจ้งความกับร.ต.อ.ธงชัย โตเจริญ รองสว.(สอบสวน) กก.1.บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางรภากัณ มากจันทร์ มากจันทร์ และ พ.ต..ธงธน มากจันทร์ นายทหารยุทธการกองพันทหารราบที่ 1 ค่ายสุรสีห์ ในข้อหาฉ้อโกง หลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อ ในแหล่งปริมาณกำเนิดสภาพ และหมิ่นประมาท จากการตัดเย็บเครื่องแบบตำรวจ มูลค่าค่าความเสียหาย กว่า 5 ล้านบาท พร้อมนำเอกสารการโอนเงินและคลิปเสียงที่พูดคุยตกลงกันมาให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณาคดี
พ.ต.ต.วุฒิพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 60 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศตัดเครื่องแบบใหม่โดยให้ใช้ผ้าสีเดียวกันทั่วประเทศ คือผ้า สนว.01 ช่วงนั้นตนได้รับการติดต่อจากนางนรากัณ และ พ.ต..ธงธน มากจันทร์ ซึ่งเป็นเพื่อร่วมรุ่นนักเรียนเตรียมทหารด้วยกัน รุ่น 45 เจ้าของร้านตัดเย็บเสื้อผ้า camourflage อยู่ใน พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี อ้างว่า มีโควตาผ้าชนิดดังกล่าว 1 แสนหลา อ้างว่าได้มาจากทีมนักวิจัยผ้าดังกล่าว รวมทั้งยังบอกอีกว่า มีคนงานเป็นช่างตัดเย็บเครื่องแบบตำรวจอีก 200 คน อยู่ที่พล.ร. 9. สามารถตัดเย็บเครื่องแบบตำรวจได้ 5-6 พันชุดต่อเดือน โดยให้ตนเปิดหน้าร้านประชาสัมพันธ์ข้าราชการตำรวจที่สนใจ สั่งตัดได้ในราคาชุดละ 1,500 บาท พร้อมทั้งบอกว่า ต้นทุนการตัดเย็บรวมผ้าตกอยู่ที่ประมาณ 1,300 บาท เท่านั้น ถูกกว่าร้านอื่น ที่ขณะนี้ราคาตัดเย็บอยู่ที่ชุดละ 2,000 บาท
...
นอกจากนี้ ยังบรรยายสรรพคุณของตัวเองว่า ขนาดร้านดังๆทั่วไปที่ตำรวจตัดเครื่องแบบกันประจำยังส่งมาให้ร้านตนตัดอยู่เสมอ รวมถึงพาตนไปดูสถานที่ตัดเย็บภายในพล.ร.9. พบว่าแต่ละบ้านมีเครื่องจักรเย็บผ้า มีเครื่องแบบทหารแขวนอยู่มากมาย จนทำให้ตนหลงเชื่อว่าทำได้จริง
พ.ต.ต.วุฒิพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนได้เปิดชื่อร้าน “เกี่ยวก้อย โปลิศ” รับตัดเครื่องแบบตำรวจพร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้กับเพื่อนข้าราชการตำรวจที่สนใจตัดชุดในราคาถูกและยังได้เร็วกว่าที่อื่น หลังจากที่ได้ประชาสัมพันธ์ออกไป มีข้าราชการตำรวจสนใจสั่งตัดเครื่องแบบเข้ามาเป็นจำนวนมาก และเข้ามาที่ร้านเพื่อมาวัดตัว โดยนางรภากัณ ได้นำช่างวัดตัวมาคอยวัดขนาดตัวผู้ที่มาตัด โดยช่วงนั้นตนเห็นว่า การวัดตัวเป็นไปแบบรวกๆ จึงได้สอบถามว่า วัดแบบนี้จะได้ขนาดที่ต้องการหรือเปล่า ช่างได้ตอบว่าวัดไปก่อนเดี๋ยวนำไปตัดก็ใช้ได้เหมือนกันหมด หลังจากนั้น ได้มีข้าราชการตำรวจสั่งตัดเครื่องแบบมาเป็นจำนวนกว่า 5,000 ชุด มีทั้งตำรวจจาก บช.น.ภาค 1 ภาค 4 บก.ปปป.บก.ปคม. และได้มีการนัดรับชุดช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้เครื่องแบบมาแค่ 400 ชุด แต่ไม่ได้แบบอย่างที่วัดขนาดไว้ตั้งแต่แรก ทั้งนี้ 22.06ตนได้สอบถามกลับไปว่า ทำไมไม่เป็นไปแบบที่วัดไว้ นางรภากัณ บอกปัดอ้างว่า ฝ่ายตนวัดขนาดมาไม่ดีเอง ทั้งที่ตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการวัดตัวเครื่องแบบแต่อย่างใด
พ.ต.ต.วุฒิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครบกำหนดต้องส่งมอบเครื่องแบบให้ผู้ที่มาสั่งตัด กลับไม่มีเครื่องแบบมาส่งมอบให้ สอบถาม นางรภากัณ กลับได้รับการบ่ายเบี่ยงอ้างว่า เกิดปัญหาต่างๆ ทั้งไฟดับหรือช่างไม่พอบ้าง จึงไม่สามารถตัดเย็บเครื่องแบบได้ตามกำหนดนัด พร้อมทั้งขอเลื่อน เวลาส่งมอบออกไปอีก เป็นอย่างนี้เรื่อยมา จนถึงเดือนเมษายน นางรภากัณ และ ร.อ.ธงธน เริ่มไม่รับโทรศัพท์ จนสุดท้ายบอกว่า จะแจ้งความทั้งคู่จึงรับโทรศัพท์ พร้อมบอกตนว่า ไม่เคยพูดตามที่รับปากไว้ตั้งแต่ต้น ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม
พ.ต.ต.วุฒิพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้ทำให้ตนเสียหายเป็นอย่างมาก ต้องหาเงินมาคืนให้กับข้าราชการตำรวจที่ได้จ่ายเงินค่าตัดชุดมาแล้ว เพราะเงินที่ได้รับมาเป็นค่าจัดเย็บเครื่องแบบ ตนได้โอนให้นางรภากัณ ไปหมดแล้ว รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับ เครื่องแบบชุดสีกากี สนว.01 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้ออกคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ เปลี่ยนเป็นสีผ้าเครื่องแบบข้าราชการตำรวจที่ถูกต้อง