สถ.จับมือภาคีเครือข่าย รณรงค์จัดกิจกรรมสงกรานต์ ปี 61 ให้สังคมไทยเป็นสังคมที่รักหวงแหนประเพณี-วัฒนธรรมไทย เพื่อคงความเป็นสังคมอบอุ่น-เอื้ออาทร ขานรับนโยบาย มท.1 ทำสงกรานต์ปลอดภัย พร้อมกำชับ อปท.ทั่วประเทศ ดูแลอำนวยความสะดวก ปชช.
เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 61 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เข้าร่วมงานแถลงข่าว "สงกรานต์ ปลอดภัย ปลอดเหล้า ไม่คุกคาม" ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลและเครือข่าย โดยมี นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการแผนนโยบายสาธารณะ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า นายแพทย์สุนทร สุนทรชีพ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร พลตำรวจตรีมนตรี ยิ้มแย้ม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารใหม่ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

...
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า วันนี้รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ได้ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายรณรงค์จัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2561 ให้สังคมไทยเป็นสังคมที่รักและหวงแหนประเพณีและวัฒนธรรมไทย เพื่อคงความเป็นสังคมที่อบอุ่น มีความเอื้ออาทรต่อกัน ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ก็ได้รับนโยบายจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้มีส่วนร่วมในการทำให้สงกรานต์ปีนี้ เป็นสงกรานต์ที่ปลอดภัย โดยกรมฯ มีความชัดเจนในการร่วมส่งเสริมให้ อปท.ทั้ง 7,852 แห่ง ให้ความร่วมมือในการสนับสนุนอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) หรือ อาสาสมัครทุกรูปแบบ ในการอำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ให้มีความปลอดภัย สะดวกสบาย รวมถึงได้แจ้งให้ อปท. กำหนดแนวทางในการประสานงานร่วมกับทุกหน่วยงาน รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ และรับแจ้งเหตุต่างๆ ในงาน จัดเวรตรวจตราเพื่อป้องปรามการคุกคามทางเพศ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์รณรงค์ไม่ให้มีการคุกคามทางเพศ ช่วยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัย ให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ พิจารณาจัดพื้นที่เฉพาะสำหรับเล่นน้ำสงกรานต์ที่มี ความปลอดภัยและปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด (Zoning) และสถานที่จัดงานเฉลิมฉลอง รื่นเริงทุกแห่ง เพื่อป้องปรามการกระทำความผิดตามกฎหมาย สร้างความมั่นใจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมถึงขอความร่วมมือร้านค้างดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณข้างทาง ในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและในสถานที่ที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการห้ามจำหน่ายให้กับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และในเวลาห้ามจำหน่าย และขอความร่วมมือผู้จัดงานเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่ให้งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณจัดงาน และยังให้รณรงค์ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวแต่งกายให้เหมาะสม ไม่ล่อแหลมต่อการถูกคุกคามทางเพศ ให้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจตราดูแลสวัสดิภาพความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ต หรือหอพัก ให้เข้มงวดในการรับผู้เข้าพัก โดยเฉพาะผู้เข้าพักที่เป็นเยาวชน เพื่อป้องกันการมั่วสุมของกลุ่มเยาวชนด้วย

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ทางด้านการเดินทางของพี่น้องประชาชน ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้กำชับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในการดูแลความปลอดภัยของถนนสายรอง ซึ่ง อปท.จะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อบูรณาการการตั้งจุดตรวจ/จุดบริการประชาชน/ด่านชุมชน และการจัดชุดสายตรวจสุ่มตรวจตามเส้นทางสายหลัก (ทางหลวงแผ่นดิน) สายรอง (ทางหลวงชนบท/ถนนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่น) และในสถานที่ชุมชนหรือหน้าสถานบันเทิง และ อปท. จะใช้มาตรการควบคุมทางสังคมและชุมชน โดยเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล จะร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) อาสาสมัครทางหลวงชนบท (อส.ทช.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตำรวจบ้าน ทหาร และประชาชนในพื้นที่บูรณาการจัดตั้ง “ด่านชุมชน” เพื่อสกัดกลุ่มเสี่ยงและลดพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนนของคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว รวมถึงขอความร่วมมือผู้นำในพื้นที่ เช่น นายอำเภอ นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์โดยใช้รูปแบบ “เคาะประตูบ้าน” เพื่อสร้างความตื่นตัวให้แก่ประชาชนในการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งใช้กลไก “สถาบันครอบครัว” เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยง โดยให้สมาชิกในครอบครัวคอยตักเตือน และเฝ้าระวังคนในครอบครัวของตนเอง เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นด้วย
...
นอกจากนี้ ได้ขอให้ผู้บริหาร อปท. และผู้นำท้องถิ่น ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ในเรื่องของความเป็นไทย สนับสนุนและช่วยขับเคลื่อนการแต่งกายนิยมไทย โดยสวมใส่ผ้าไทย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อเป็นการรักษาภูมิปัญญาผ้าไทยของบรรพบุรุษไทย สืบสานวัฒนธรรมไทยด้วยการสวมใส่ผ้าไทย และยังเป็นการส่งเสริมการสร้างอาชีพให้กับผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการทอผ้าไทยพื้นเมืองให้ยังคงอยู่ต่อไป ส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยด้วย
ในตอนท้าย นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมกันรณรงค์ส่งเสริมให้เทศกาลสงกรานต์นี้ เป็นเทศกาลแห่งความสุข ปลอดภัย ไม่พึ่งแอลกอฮอล์ ไร้ซึ่งการลวมลามทางเพศ และไม่ทำร้ายประเทศไทย โดยช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ร่วมกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ของตนเอง ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรม รวมถึงการจัดทำ "ถังขยะอินทรีย์หรือขยะเปียกครัวเรือน" ที่นำหลักการ 3Rs หรือ 3ช : Reduce (ใช้น้อย) Reuse (ใช้ซ้ำ) และ Recycle (นำกลับมาใช้ใหม่) ไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการขยะต้นทาง ร่วมจิตร่วมใจกันทำสิ่งที่ดีกว่าเดิม (Change for Good) ให้บ้านเมืองของเรา และมอบให้เป็น “ของขวัญวันปีใหม่ไทย” คืนให้แก่แผ่นดินไทย