ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยกฟ้อง "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์-บารนี" คดีจ้างเอกชนเก็บขยะ กำหนดสัญญาจ้างติดต่อกันนาน 5 ปี ...
ที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี วันที่ 21 มี.ค.61 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชนม์สวัสดิ์ หรือเอ๋ อัศวเหม อายุ 49 ปี อดีตนายกเทศบาลนครสมุทรปราการ และนางบารนี เลิศไพศาล อายุ 65 ปี ข้าราชการบำนาญเป็นจำเลยที่ 1-2 เป็นจำเลยในความผิดฐาน ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์สินใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต เป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล ระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท
และผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
สืบเนื่องจากการทำสัญญาโครงการจัดซื้อจัดจ้างเก็บขยะมูลฝอย เมื่อปี 2546 ในเขตพื้นที่ของเทศบาลนครสมุทรปราการ ซึ่งขณะนั้นนายชนม์สวัสดิ์ จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่ง นายกเทศบาลนครสมุทรปราการ ส่วนนางบารนี เลิศไพศาล ดำรงตำแหน่งปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการ
โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.60 ชี้มูลความผิดทั้งสอง ว่าทำสัญญาจ้างกับบริษัทเอกชน เพื่อเก็บขน ขยะมูลฝอย ที่กำหนดระยะเวลาตามสัญญาจ้างเป็นเวลา 5 ปี ติดต่อกัน โดยให้เข้าดำเนินการเป็นประจำทุกวันตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.2546 และกำหนดวิธีการจ่ายเงินค่าจ้างเป็นรายเดือนๆ ละ 2,145,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 128,700,000 บาท ซึ่งการกำหนดเช่นนั้น ถือว่าเป็นการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเกินกว่า 1 ปีงบประมาณโดยมิชอบ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2543 ข้อ 38 เนื่องจากมิใช่เป็นโครงการประเภทที่ดินและสิ่งก่อสร้าง และมิได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ
...
ขณะที่ นายชนม์สวัสดิ์ และนางบารนี ชี้แจงว่าเทศบาลนครสมุทรปราการ สามารถก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า 1 ปีงบประมาณได้ในทุกหมวดรายจ่าย และทุกโครงการ ตามนัยข้อ 38 วรรคแรก ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการงบประมาณฯ และเทศบาลนครสมุทรปราการ ได้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบกฎหมายครบถ้วนทุกประการแล้ว
ทั้งนี้ ชั้นพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้คดี โดยทั้งสองได้ประกันตัวระหว่างการพิจารณา
โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิเคราะห์พยานหลักฐานจากการไต่สวนพยานทั้งสองฝ่ายแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กับเทศบาลนครสมุทรปราการ ตีความการบังคับใช้ระเบียบแตกต่างกัน ซึ่งปัญหาดังกล่าวยังไม่มีการวินิจฉัยชี้ขาดจากผู้มีอำนาจตีความตามกฎหมาย ดังนั้น ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง