แฉ‘มือแจกอั่งเปา’ทำหน้าที่ อารักขาอดีตที่ปรึกษา(สบ10) ‘ศรีสุวรรณ’บี้บิ๊กรับผิดชอบ
คลิปตำรวจเข้าแถวรับอั่งเปาบาน “บุญญฤทธิ์ รอดมา” ผบก.น.7 เผย ตรวจสอบแล้วมีตำรวจในสังกัด 20 กว่านายเท่านั้น ที่เหลือกำลังตรวจสอบ ข่าววงในพบมีทั้งตำรวจ บก.น.8 และ บก.น.9 แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีตำรวจฝั่งพระนครข้ามไปรับซองด้วยหรือไม่ แจงคนแจกอั่งเปาเป็นตำรวจด้วยกันชื่อ ร.ต.ต.มานัส เติมธนะศักดิ์ สังกัด บช.ส. แต่ไม่รู้ไปเอาเงินที่ไหนมาแจก กลายเป็นว่างานนี้ตำรวจแจกอั่งเปาตำรวจ ส่วน ผบช.น.เสียงแข็ง ให้ตรวจสอบความผิดทั้งวินัยและอาญา พร้อมตั้งข้อสังเกตเงินในซองอั่งเปาเกินกฎหมาย ป.ป.ช.กำหนดหรือไม่ เชื่อคลิปที่เผยแพร่มาจากฝั่งคนแจก ไม่เข้าใจว่าเอามาเผยแพร่เพื่ออะไร ด้าน “เฉลิมเกียรติ” รอง ผบ.ตร.ที่ออกมาปรามตำรวจห้ามรับอั่งเปาเต้น สั่งด่วน ผบช.น. และ ผบก.น.7 รีบทำความจริงให้ปรากฏ ขณะที่ “ศรีสุวรรณ” จี้บิ๊ก ตร.ไขก๊อกรับผิดชอบพฤติกรรมลูกน้อง ยุส่งคนแจกอั่งเปาต้องถูกดำเนินคดีด้วย แถมต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เอามาแจก
กรณี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนดักคอเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศก่อนวันเทศกาลตรุษจีนว่า ห้ามรับแต๊ะเอียและอั่งเปาเด็ดขาด ต่อมาปรากฏคลิปเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบจำนวนมาก เดินเรียงแถวทยอยรับซองอั่งเปาจากชายสวมชุดสีแดงคนหนึ่ง ที่คาดว่าคือ ดาบ ม.อดีตตำรวจกองปราบฯ และนายบ่อนชื่อดังย่านฝั่งธนบุรี จน พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นตำรวจสังกัดไหนและเป็นใครบ้าง เบื้องต้นพบเป็นตำรวจสังกัดบก.น.7 เกือบทั้งหมด อยู่ระหว่างตรวจสอบให้แน่ชัดเพื่อตั้งกรรมการสอบวินัย เนื่องจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพิ่งมีคำสั่งห้ามก่อนเทศกาลตรุษจีนไม่นานตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
...
ความคืบหน้าจาก บก.น.7 เมื่อเวลา 15.15 น.วันที่ 18 ก.พ. พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.น.7 ประมาณ 20 กว่านายเท่านั้นที่ไปรับอั่งเปาจากผู้แจกคือ ร.ต.ต.มานัส เติมธนะศักดิ์ รอง สว.กก.4 บก.ส.1 บช.ส.ที่ยังอยู่ในราชการ แต่ไม่ทราบว่ามีอาชีพอื่นอย่างไร ถึงมีเงินมาแจกเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนกันเป็นคนแจก และผู้ที่ถ่ายคลิปดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สนิทกัน แต่การรับแจกอั่งเปาเดินวนรับค่อนข้างเยอะถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทั้งหมดส่งข้อมูลการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาให้ภายในวันที่ 23 ก.พ.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ บก.น.7 ที่ไปรับอั่งเปาทั้งหมดประมาณ 22 นาย เป็นตำรวจ สน.ธรรมศาลา 15 นาย สน.บางยี่ขัน 6 นาย สน.ตลิ่งชัน 1 นาย ส่วนที่เหลืออีก 40 กว่านายเป็นตำรวจ บก.น.8 และบก.น.9 แต่การตรวจสอบยังไม่เสร็จสิ้น จึงไม่แน่ใจว่ามีข้าราชการตำรวจฝั่งพระนครข้ามไปรับอั่งเปาด้วยหรือไม่ หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดไหน จะส่งเรื่องให้ต้นสังกัดพิจารณา ส่วน ร.ต.ต.มานัส จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เป็นผู้ถูกเรียกตามคำสั่ง คสช.ที่ 25/2557 ลงวันที่ 27 พ.ค.2557 จัดอยู่ในกลุ่มเซียนพระ ฉายาเซียนอ้วนลอยฟ้า และกลุ่มเพื่อนนายทหารตำรวจ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.เผยว่า เบื้องต้น พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน หลังปรากฏภาพคลิปวีดิโอดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กรณีการตรวจสอบข้อบกพร่องทางวินัยไปจนถึงความผิดทางอาญา ต้องตรวจสอบดูว่า ผู้ให้เป็นใคร มีเจตนาอย่างไร ทำไมจึงบันทึกภาพคลิปมาเผยแพร่ เนื่องจากลักษณะการถ่ายน่าจะเป็นฝั่งคนมอบอั่งเปาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 60 นาย รวมถึงเป็นไปได้หรือไม่ที่มูลค่าในซองอั่งเปา มากกว่ากฎหมายสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำหนด ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบให้ชัดเจน ส่วนจะมีพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ ยังไม่พบว่ามีการรับอั่งเปาลักษณะนี้
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนสั่งการและเน้นย้ำเรื่องนี้ก่อนหน้าเทศกาลตรุษจีนมาถึง เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหาตามมา อย่างไรก็ตามเมื่อมีกรณีเกิดขึ้น ตนสั่งการให้ ผบช.น.และ ผบก.น.7 ดำเนินการสอบสวนทำข้อเท็จให้ปรากฏว่า กรณีดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร เกิดได้อย่างไร ดังนั้น หากผลการสอบสวนออกมาอย่างไร เบื้องต้นเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดดำเนินการต่อไป อย่างไร ก็ตาม ตนอยากให้รอการสอบสวนออกมาก่อน เพื่อจะได้ทราบถึงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เบื้องต้น บก.น.7 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ คาดว่าน่าจะทราบผลภายใน 7 วัน ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการเน้นย้ำเรื่องนี้มาตลอด อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จก่อน เชื่อว่ากรณีการรับอั่งเปาตำรวจทุกนายรู้อยู่แล้วว่า อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า แม้ ผบก. น.7 จะมีคำสั่งด่วนพิเศษให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีตำรวจในสังกัดเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ไม่ใช่คำตอบที่สังคมต้องการ สังคมต้องการทราบว่าผู้บังคับ บัญชาตั้งแต่ ผบก.น.7 ผบช.น. จเรตำรวจ ผบ.ตร. ก.ตร. และ ก.ต.ช.ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะแสดงความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการกวดขันวินัยตำรวจอย่างไร สังคมไทยต้องการเห็น สปิริตของคนเหล่านี้ด้วยการลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
“คลิปดังกล่าวสะท้อนความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน คณะกรรมการดังกล่าวต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย อย่ามานั่งรับเบี้ยประชุม กินเงินภาษีของประชาชน การสั่งเอาผิดวินัยตำรวจชั้นผู้น้อยเพียงฝ่ายเดียวย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้ให้ย่อมคาดหวังต่อประโยชน์ที่จะได้รับตอบแทนในอนาคต ดังนั้นต้องเอาผิดผู้ให้ด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144 ส่วนผู้รับมีความผิดตามมาตรา 149 มาตรา 166 เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ให้อั่งเปาอาจเป็นเพียงตำรวจชั้นผู้น้อย แต่มีพฤติกรรมให้ทรัพย์สินข้าราชการแบบผิดปกติ ป.ป.ท. และ ปปง. ควรตรวจสอบเส้นทางเงินหรือทรัพย์สินด้วยว่ามาจากการทำผิดกฎหมายหรือไม่ ลำพังเงินเดือนตำรวจจะมีทรัพย์สินมาไล่แจกคนอื่นได้อย่างไร หลายคนอาจมียศตำแหน่งเป็นเพียงไซด์ไลน์เท่านั้น” นายศรีสุวรรณกล่าว
...
ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ฐานะที่รับผิดชอบกำกับดูแล บช.ส.มีคำสั่งด่วนที่สุดที่ 0001 (มค.)/221 ลงวันที่ 18 ก.พ. ถึง ผบช.ส.ให้สอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตำรวจประพฤติตัวไม่สมควร คำสั่งดังกล่าวระบุว่า ด้วยปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ว่า ผู้กว้างขวางฝั่งธนฯ แจกเอง สอบ 60 ตร.เข้าแถว ไหว้-รับอั่งเปา ผบก.น.7 ลั่นต้องรู้ผลในหนึ่งสัปดาห์ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ พล.ต.อ.ไพศาล เชื้อรอด อดีตที่ปรึกษา (สบ 10) ผบ.ตร. บช.ส. บช.สตม. และ บก.น.7 ได้ความโดยสังเขปว่า ผู้ที่แจกอั่งเปาให้กับตำรวจเข้าแถวไหว้รับอั่งเปาประมาณ 60 นาย คือ ร.ต.ต.มานัส เติมธนะศักดิ์ รอง สว.(สส.) กก.4 บก.ส.1 ปฏิบัติหน้าที่นายตำรวจอารักขา พล.ต.อ.ไพศาล เชื้อรอด
จากการตรวจสอบมีหลักฐานว่า ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.2559 ถึงวันที่ 13 ก.พ. 2561 ร.ต.ต.มานัส ละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ เดินทางเข้าออกนอกราชอาณาจักร 96 ครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา อันเป็นการประพฤติตนไม่สมควร ฉะนั้นจึงให้ดำเนินการ ดังนี้ 1.ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ร.ต.ต.มานัสตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง 2556 ประพฤติตนลักษณะที่ไม่สมควรและความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง 2.ให้เรียกตัว ร.ต.ต.มานัส กลับจากการปฏิบัติหน้าที่อารักขา พล.ต.อ.ไพศาล เชื้อรอด มาปฏิบัติหน้าที่ยังต้นสังกัด 3.รายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นให้ทราบภายในวันที่ 18 ก.พ.2561 พร้อมแนบเอกสารมาเพื่อประกอบการดำเนินการ 42 แผ่น แจ้งมาเพื่อดำเนินการ คำสั่งดังกล่าวระบุ
ในเวลาต่อมามีรายงานว่า พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ ผบก.ส.1 มีคำสั่งด่วนที่สุดที่ 0028.214/ 537,548 ลงวันที่ 18 ก.พ.ให้ พ.ต.อ.คัมภีร์ พรหมสนธิ ผกก.4 บก.ส.1 ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ และให้สั่งการให้ ร.ต.ต.มานัสให้มารายงานตัวยังต้นสังกัดในวันที่ 19 ก.พ. ต่อมา พ.ต.อ.คัมภีร์ ได้มีคำสั่งที่ 3/2561 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยมี พ.ต.ท.เอกนิรุจน์ วันสิริภักดิ์ รอง ผกก.4 บก.ส.1 บช.ส. เป็นประธาน
...