คดีที่ชุดตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ 191 รวบตัว นางสิทธิพร หรือจีน ส้มจีน นายทุนตัวกลางค้ายาเสพติดชาวลาว ร่วมกับ นายปรีชา พุ่มสุวรรณ อายุ 27 ปี นายพัฒนา ธนูสิน อายุ 24 ปี และ น.ส.วารี สายวัน คนไทยลักลอบขนยาไอซ์ร่วม 10 กิโลกรัม เข้ามา ลำเลียงนำมาส่งที่ชานเมืองกรุงเทพฯ
ตำรวจมีเบาะแสการลักลอบค้ายาเสพติดข้ามชาติ ให้สายล่อซื้อติดต่อไปยังนายทุนชาวลาว คือนางสิทธิพร หรือจีน ก่อนที่นางสิทธิพร ติดต่อไปยังเจ้าของยาเสพติดคือ นายเงิน ขอรับยาไอซ์วงเงิน 6 ล้านบาท
นางสิทธิพร นายทุนติดต่อเป็นผู้เข้ามารับค่ายาไอซ์ แต่ยาไอซ์ของกลางไม่ได้อยู่กับตัวนายทุน กลับใช้วิธีการขนลำเลียงมาทางรถยนต์จากชายแดนภาคอีสาน ขณะที่กลุ่มนายทุนนั่งเครื่องบินจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมายังประเทศไทย เพื่อมารับเงินที่ห้างย่านรังสิต
นายทุนเป็นชาวต่างชาติ คนไทยเป็นแนวร่วม ทำหน้าที่ขนลำเลียงยาไอซ์เข้ามาทางรถยนต์
ยากที่จะได้ตัว “นายทุน-คนขน” ครบทีม
แต่คดีนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญยลักษณ์ ผบก.สปพ. ได้ซ้อนแผนทั้งกลุ่มนายทุน และคนขนลำเลียง สืบสวนจนได้เป้าหมายครบทีม
ก่อนตำรวจชุดแรกคุมตัวนางสิทธิพรได้ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง หลังเดินทางจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มารับเงินของกลาง 6 ล้านบาทที่ตำรวจใช้เป็นเงินล่อซื้อยาไอซ์
พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบก.สปพ. พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. นำกำลังอีกชุดไปติดต่อรับของกลางที่ถูกส่งมาทางรถยนต์จากภาคอีสาน นัดส่งมอบของที่ห้างสรรพสินค้าย่านรังสิต มี น.ส.วารี สายวัน และนายพัฒนา ธนูสิน ชาวอำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี ขับรถยนต์ซุกซ่อนยาไอซ์มาตามที่นัดพบ
...
ค้นในรถยนต์พบยาไอซ์ 10 กิโลกรัมซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทางของผู้หญิง
ยิ่งได้เห็นรูปแบบการค้ายาเสพติดของกลุ่มนักค้าที่มีความสลับซับซ้อนทั้งการติดต่อซื้อขาย และการนัดส่งมอบยาเสพติด ทำให้เจ้าหน้าที่ยากเข้าถึงตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนใหญ่ที่จับได้เป็นตัวคนรับจ้างขนลำเลียง ซึ่งนายทุนใช้การจ้างคนไทยเป็นผู้ที่ขนลำเลียง เพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้ถึงตัวผู้บงการ
เป็นเรื่องเร่งด่วนที่เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยต้องเร่งสืบหาข้อมูล หาเบาะแส และสนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยมา “สแกนตรวจจับ” เครือข่ายนักค้ายาเสพติด
สาวให้ถึงตัว “นายทุน” ที่อยู่เบื้องหลัง.
“เพลิงพยัคฆ์”