จากส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็จะถึงสงกรานต์ จำนวนอุบัติเหตุบนถนนในไทยยังไม่มีแนวโน้มจะน้อยลงได้ นอกเหนือจากนั้น ยังรวมถึงจำนวนผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เข้าสู่ช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของทุกปี จะมีประชาชนจำนวนมากใช้รถ ใช้ถนน ในการเดินทาง ซึ่งทุกหน่วยงาน และองค์กรเกี่ยวข้องต่างงัดสารพัดมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุ อันนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
โอกาสนี้ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ จะได้นำเสนอข้อมูลจากงานสัมมนาวิชาการในระดับชาติ ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 13 ด้วยแนวคิดลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนน

นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเสวนาย่อยเรื่องโซเชียลมีเดีย กล้องหน้ารถ สมาร์ทโฟน ใช้อย่างไรเพื่อความปลอดภัยทางถนน ว่า เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนประมาณ 22,000 คน เฉลี่ยวันละประมาณ 50-60 คน มีผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจากอุบัติเหตุประมาณ 1,000,000 คน เป็นผู้พิการต่างๆ ประมาณ 60,000 คน
...
ทั้งนี้ เมื่อเดือน พ.ย. 2560 เว็บไซต์เวิลด์แอตลาส ระบุว่า ไทยมีอัตราการตายบนถนนอยู่อันดับ 1 ของโลก จากเดิมอยู่ในอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศลิเบีย ซึ่งมีสถานการณ์ความไม่สงบกลางเมือง แต่องค์การอนามัยโลกยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ รายงานล่าสุดไม่มีประเทศลิเบียติด 30 อันดับแรก อัตราการตายบนถนน เพราะเมื่อตรวจสอบแล้ว พบการตายบนถนนส่วนมากมาจากการสู้รบ ไม่เกี่ยวกับการขับขี่บนถนน จึงไม่นับรวม ดังนั้น เมื่อไม่รวมลิเบียไทยจากอันดับ 2 จึงขยับขึ้นเป็นอันดับ 1 ซึ่งอัตราการตายอยู่ที่ประมาณ 36.2 ต่อประชากร

นพ.แท้จริง กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาเพื่อสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลนั้นมาตรการต่างๆ ที่ทำมากว่า 20 ปี เช่น การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และเมาไม่ขับ เป็นต้น ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะคนไทยรู้กฎหมาย แต่ยังทำผิด อย่างไรก็ตาม โอกาสที่รัฐบาลได้ประกาศ และขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ดังนั้นคำตอบใหม่การป้องกัน และลดอุบัติเหตุบนถนน คือ การติดกล้องหน้ารถให้ได้ 100% หรืออย่างน้อย 70-80% ของรถทั้งหมด จะช่วยส่งผลทางอ้อมทำให้ผู้ขับขี่ไม่กล้าทำผิด เพราะมีกล้องหน้ารถคันอื่นจับภาพอยู่ ส่วนกล้องหน้ารถตัวเองยังจะจับเสียงด้วย และแม้ตำรวจอาจตรวจจับไม่พบ แต่จะถูกสังคม โดยเฉพาะสังคมออนไลน์ และโซเชียลรุมประณาม ซึ่งผลกระทบบางครั้งหนักกว่าถูกจับ โดยเชื่อว่า หากรถทุกคันมีกล้อง พฤติกรรมผู้ขับขี่รถที่ไม่ดี ทำผิดกฎหมาย เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบนถนนจะลดลง

สำหรับการผลักดันการติดกล้องหน้ารถนั้น หน่วยงานภาครัฐ และทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน เพราะมาตรการเดิมๆ ที่ทำกันมาน่าจะเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า ไม่ได้ผล ไม่ได้ป้องกัน และลดอุบัติเหตุได้เท่าที่ควร ซึ่งต่อไปเมื่อมีการติดกล้องในรถเพิ่มเข้ามาแล้ว อาจทำสติกเกอร์ติดท้ายรถว่า มีกล้องในรถ หรือในรถมีกล้อง เพื่อสะกิดเตือนให้ผู้ขับขี่รถที่พบเห็นตระหนักถึงต่อไป.

...

