ผบ.ตร.แถลงรวบหนุ่ม วัย 29 ชาวอิเหนา หัวโจกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งภรรยาชาติเดียวกัน และ 2 หนุ่มไทยร่วมแก๊ง อายัดทรัพย์ 120 ล้านบาท นำคนไทย ไปทำงานที่ฟิลิปปินส์ ตั้งศูนย์โทร.กลับมาตุ๋นคนไทยด้วยกัน คาดมีคอลเซ็นเตอร์ในประเทศอื่นด้วย จะประสานตำรวจสากลปราบปรามให้สิ้นซาก เลขาธิการ ปปง. ประกาศขุดรากถอนโคนจัดการเด็ดขาดกับคนที่ปล่อยให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เอาข้อมูลส่วนตัวไปเปิดบัญชีธนาคาร จ่อนำเงินคืนเหยื่อรายเล็กก่อน 4 ราย ตัดพ้อเตือนภัยแก๊งโทร.ตุ๋นเข้าถึงแค่ประชาชนบางกลุ่ม

ตำรวจจับกุมตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวอิเหนาพร้อมพวก โทร.ตุ๋นข้ามประเทศ พร้อมอายัดทรัพย์สิน รวมมูลค่า 120 ล้านบาท เปิดเผยขึ้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 ธ.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. และ พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รรท.เลขาธิการ ปปง.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายทอมมี วู อายุ 29 ปี ชาวอินโดนีเซีย หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับกุมได้บริเวณย่านรามอินทรา เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์แบ่งหน้าที่กันทำงาน ที่ผ่านมาไม่มีการสืบสวนถึงผู้บริหารกลุ่มข้างบน ล่าสุดสามารถจับกุมนายทอมมี วู ผู้บริหารคอลเซ็นเตอร์ และเป็นเจ้าของขบวนการตัวจริง ตรวจยึดของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม และหนังสือเดินทางเป็นจำนวนมาก อายัดทรัพย์สินรวมทั้งหมด 120 ล้านบาท รวมทั้งจับกุมผู้ต้องหาร่วมขบวนการได้อีก 3 คน ประกอบด้วย ภรรยาชาวอินโดนีเซียของนายทอมมี วู จับกุมได้บริเวณย่านรามอินทรา นายจิรวัฒน์ กล่อมบาง อายุ 34 ปี และนายจิรพัฒน์ คณารุจินานนท์ อายุ 38 ปี จับกุมได้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่

รรท.รอง ผบช.ทท.เผยอีกว่า สำหรับนายทอมมี วู อยู่ในประเทศไทยในลักษณะโอเวอร์สเตย์ 2-3 ปี บริการขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในประเทศฟิลิปปินส์ นำคนไทยไปทำงานในประเทศฟิลิปปินส์และโทรศัพท์กลับมาหลอกลวงคนไทย และอาจจะมีคอลเซ็นเตอร์ในประเทศอื่นด้วย จากนี้จะขยายผลหาเครือข่ายไปยังต่างประเทศ โดยจะประสานกับตำรวจสากลปราบปรามให้สิ้นซาก สำหรับผู้ที่เปิดบัญชีรับโอนเงิน อยากฝากเตือนให้ไปปิดบัญชีให้หมด เพราะถ้าไม่เลิกการกระทำจะดำเนินคดีทุกราย

...

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 ครั้ง ออกหมายจับผู้ต้องหา 113 คน จับกุมผู้ต้อง 80 คน มีผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ 8 ราย ส่วนเงินของกลางที่ยึดมาได้จะนำคืนพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ ภายใน 2 สัปดาห์ ขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนถ้ามีโทรศัพท์แจ้งเข้ามาในลักษณะผิดปกติขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่

พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รรท.เลขาธิการ ปปง.เผยว่า ในส่วนของการเปิดบัญชี ปปง.ประสานกับสถาบันการเงิน 36 แห่ง ดำเนินการตรวจสอบบัญชีต้องสงสัยที่มีความเสี่ยงสูงว่ารับจ้างเปิดบัญชี เมื่อประสานกลับมา ปปง.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะตั้งทีมสืบสวนเพื่อดำเนินคดีกับทุกราย เพราะการรับจ้างเปิดบัญชีเป็นวงจรสำคัญของขบวนการนี้ ถ้าสามารถตัดปัญหาการรับจ้างเปิดบัญชีได้ จะสามารถระงับยับยั้งและขุดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ สำหรับเงินของกลางที่อายัดกลับมาได้ ปปง.จะดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงิน เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์สินต่อไป

เลขาธิการ ปปง.กล่าวอีกว่า จากนั้นจะส่งเรื่องให้ศาล มีคำสั่งให้ศาลคุ้มครองเยียวยาผู้เสียหาย โดยในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการธุรกรรมจะดำเนินการเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ เบื้องต้นจะคืนเงินให้ผู้เสียหาย 4 ราย เป็นกรณีที่ ปปง.สามารถล็อกบัญชีไว้ได้ แต่กรณียอดใหญ่ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากและคดีค่อนข้างซับซ้อน จะเข้าสู่คณะกรรมการธุรกรรมและขึ้นศาล จากการสอบสวนผู้ที่ตกเป็น เหยื่อไม่ทราบว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แสดงให้เห็นว่า การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เข้าไปถึงแค่พี่น้องประชาชนบางกลุ่ม

อีกราย สองทุ่มวันเดียวกัน พ.ต.ต.หญิง จินตนา สุภาพ อายุ 70 ปี อดีตผู้ช่วยพยาบาล รพ.ตำรวจ เกษียณราชการ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ปณิภัค ศิลาโชติ รอง สว. (สอบสวน) สน.บางเขน ให้การว่า ช่วงเช้ามีโทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ บอกว่า ตนส่งพัสดุเป็นสมุดบัญชีธนาคารหลายเล่มส่งถึงนางมาลี อินสุข ซึ่งกระทำผิดเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินก่อนวางสายไป ไม่นานก็มีคนอ้างเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก จ.พิษณุโลก โทร.มาว่าจะช่วยเหลือ โดยต้องโอนเงินให้กับเจ้าหน้าที่ ปปง.คนละ 5 แสนบาท รวม 3 คน เป็นค่าตรวจสอบทรัพย์สิน ตนหลงเชื่อโอนเงินไป 1.5 ล้านบาท ที่ธนาคารแห่งหนึ่งย่านสะพานใหม่ หลังจากนั้นเล่าให้เพื่อนบ้านฟังจึงรู้ว่าถูกหลอก ด้าน ร.ต.ท.ปณิภัคกล่าวว่า ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานไปยังธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออายัดเงินในบัญชีต่อไป