เครือข่ายชาวสวนยาง โร่พบ รมว.เกษตรฯ ยื่นข้อเรียกร้องแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ พร้อมเสนอมติของกลุ่ม 2 ข้อ ให้ กยท.ถอนหุ้นจากบริษัทร่วมทุน ที่ดำเนินการร่วมกับบริษัทเอกชน 5 บริษัท และให้ ก.เกษตร ติดตามการใช้ยางในหน่วยงานของรัฐ ตามนโนยาบนายกฯ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ...

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 60 นายพลกฤษณ์ คล้ายวิตภัทร ที่ปรึกษาชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางพัทลุง จำกัด ในฐานะตัวแทนเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง กล่าวภายหลังเข้าพบเพื่อหารือกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ว่า สืบเนื่องจากการประชุมของเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ เมื่อวันพุธที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ กยท. อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เรื่องการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ และในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ยางพารามีราคาตกต่ำผิดจากสภาวะปกติ ในสภาวะการณ์เช่นนี้เครือข่ายฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้พยายามประชุมหาทางแก้ไขปัญหาผ่านทางการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) มาโดยตลอด แต่ไม่ได้รับความคืบหน้า การดำเนินการของ กยท. ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ใช้ยางทั้งในประเทศ และต่างประเทศให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการแก้ปัญหาของทางรัฐบาลอย่างเป็นระบบ จึงไม่สามารถทำให้ราคายางมีแนวโน้มที่ดีขึ้นได้ เครือข่ายฯ จึงมีมติว่า ควรจะมีการประชุมปรึกษาหารือกับ รมว.เกษตรฯ โดยตรงเพื่อจะได้ชี้แจงให้เห็นถึงปัญหาความล่าช้า ความผิดพลาดในการขับเคลื่อนในระดับการดำเนินงานของ กยท.ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความพยายามบิดเบือน การกลบเกลื่อนการบริหารงานที่ล้มเหลวดังกล่าวของผู้บริหาร กยท. เมื่อมีเกษตรกรออกมาเรียกร้อง ว่าเป็นประเด็นทางการเมือง และราคายางเป็นเรื่องของตลาดโลกทั้งหมด

...

นายพลกฤษณ์ กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัท ร่วมทุน ระหว่าง กยท. และบริษัทเอกชน 5 บริษัท (5 เสือวงการยาง) เพื่อมาซื้อยางในราคาบิดเบือนกลไกการตลาด ณ ตลาดกลางยางพาราของรัฐที่ผ่านมา สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากให้กับกลไกการตลาด และกระบวนการซื้อขายยางพาราในตลาดกลางของรัฐอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทางเครือข่ายฯ จึงมีมติว่า 1. ให้ กยท.ถอนหุ้นจากบริษัทร่วมทุน ที่ดำเนินการร่วมกับบริษัทเอกชน 5 บริษัท เพราะการซื้อชี้นำนั้น ไม่เกิดผลใดๆ กับตลาดโดยรวม ซึ่งผู้มีอิทธิพลเดิมในตลาดคือ บริษัทเอกชน 5 บริษัท ไม่ได้ให้ความสำคัญกับราคาชี้นำนั้น ซึ่งเห็นได้จากบริษัทต่างๆ ยังคงเปิดราคารับซื้อหน้าโรงงานตามเงื่อนไขปกติของบริษัท ซึ่งแตกต่างกับราคาตลาดกลางที่บริษัทร่วมทุนเข้าซื้อชี้นำ และประเด็นสำคัญคือ กยท.สามารถดำเนินธุรกิจซื้อขายยางได้เองตาม พ.ร.บ.การยาง อยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องร่วมทุนกับ 5 บริษัทเอกชน

2. ให้ กระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ติดตามการใช้ยางในหน่วยงานของรัฐตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และรายงานให้ประชาชนทั่วไปทราบในแต่ละเดือนเรื่องปริมาณการใช้ยางว่า มีจำนวนการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้นเท่าไร เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับทั่วโลกในนโยบายของรัฐบาลไทย ว่า มีความมุ่งมั่นในการกระตุ้นการใช้ยางในประเทศอย่างจริงจัง.