พสกนิกรหลั่งไหลเข้าถวายสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ล้นทะลัก เฉพาะวันที่ 1 ต.ค. วันเดียวทำลายสถิติกว่า 9 หมื่นคน ด้านยอดจิตอาสาเฉพาะกิจงานพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพทั่วทุกพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศกว่า 4 ล้านคน ด้านกระทรวงวัฒนธรรมเผยพระราชพิธียกพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระเมรุมาศ 18 ต.ค.นี้ ใช้ฤกษ์มงคลตั้งแต่เวลา 17.19-21.30 น. ขณะที่รัฐบาลก็เตรียมพร้อมเปิดศูนย์สื่อมวลชน รองรับสื่อทั่วโลกที่จะเข้ามาทำข่าวพระราชพิธีฯ ตั้งแต่กลางเดือนนี้ เป็นต้นไป
ที่พระบรมมหาราชวัง ตลอดทั้งวันที่ 2 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนจากทั่วสารทิศเข้าแถวรอถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กันอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ และสายฝนโปรยปรายลงมาตลอดทั้งวัน ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 1 ต.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 90,300 คน รวม 333 วัน มี 11,654,402 คน และประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราช กุศลเป็นเงิน 4,583,095.50 บาท รวม 333 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 864,912,194.01 บาท ซึ่งยอดจำนวนประชาชนดังกล่าวนับเป็นยอดประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพสูงที่สุด นับแต่สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนได้เข้าถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.2559 เป็นต้นมา
...
อีกด้านหนึ่ง ที่อาคารรับรอง 606 สำนักพระราชวัง สนามเสือป่า เขตดุสิต เวลา 10.10 น.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ท.ภักดี แสงชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้แทนพระองค์ในพิธีมอบสิ่งของพระราชทาน ประกอบด้วย บัตรประจำตัวจิตอาสาฯ เสื้อยืดโปโลสีดำ หมวกแก๊ป ผ้าพันคอ ปลอกแขน และกระปุกออมสินสำหรับเด็กที่อายุไม่เกิน 17 ปี ให้กับปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด เพื่อเชิญไปพระราชทานแก่จิตอาสาเฉพาะกิจงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศและในต่างประเทศ เพื่อให้จิตอาสาเฉพาะกิจฯ ทุกคนนำไปใช้ในการทำกิจกรรมจิตอาสาเฉพาะกิจฯ ระหว่างวันที่ 18-31 ต.ค.นี้ เพื่อรวมพลังความรัก ความสามัคคี ความมีน้ำใจเป็นหนึ่งเดียวกันของชาวไทยทุกหมู่เหล่าถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนเสด็จสู่สวรรคาลัยอย่างสมพระเกียรติ โดยจิตอาสาเฉพาะกิจฯ สามารถเลือกประเภทของงานได้ตามความสามารถและความสมัครใจใน 8 ประเภทงาน ได้แก่ งานดอกไม้จันทน์ งานประชาสัมพันธ์ งานโยธา งานขนส่งเพื่อความปลอดภัยของประชาชน งานบริการประชาชน งานแพทย์ งานรักษาความปลอดภัย และงานจราจร
ทั้งนี้ มีประชาชนเข้าลงทะเบียนเป็นจิตอาสาเฉพาะกิจฯ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตั้งแต่วันที่ 1-30 ก.ย.ที่ผ่านมา มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 4,006,825 คน แบ่งเป็นผู้ที่ลงทะเบียนสมัคร ณ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ 93 แห่ง จำนวนรวม 8,603 คน ผู้ที่ลงทะเบียนสมัคร ณ สำนักงานเขต 50 เขตของ กทม. จำนวนรวม 311,894 คน ผู้ที่ลงทะเบียนสมัคร ณ สนามเสือป่า มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 52,085 คน ผู้ที่ลงทะเบียนสมัคร ณ ที่ว่าการอำเภอ 878 แห่ง ในต่างจังหวัดทั่วประเทศ มีจำนวนรวม 3,634,243 คน
การติดตามความคืบหน้าของหน่วยงานต่างๆ นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมยุทธนาธิการ อาคารศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เช้าวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวหลังเป็นประธานเปิดกองอำนวยการร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (กอร.พระราชพิธีฯ) ว่า การตั้งกองอำนวยการร่วมฯก็เพื่อให้การบริหารจัดการด้านการรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกประชาชนในเรื่องเส้นทางการเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร การถวายดอกไม้จันทน์ในวันถวายพระเพลิงพระ บรมศพ วันที่ 26 ต.ค. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และมีความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยจะปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1-30 ต.ค. ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆได้ที่ กอร.พระราชพิธีฯ โทร.1441
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มาตรวจความพร้อมของศูนย์สื่อมวลชนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ที่จะเปิดให้ใช้ระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค.นี้ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พร้อมกับกล่าวว่า สื่อต่างๆทั้งในและต่างประเทศจะมารวมอยู่ที่หอประชุมแห่งนี้ โดยวันที่ 4 ต.ค. เวลา 14.00 น. จะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ จากนั้นวันที่ 16 ต.ค. จะเปิดศูนย์สื่อมวลชนอย่างเต็มรูปแบบ วันที่ 21 ต.ค. จะมีพิธีซ้อมใหญ่เต็มรูปแบบเสมือนจริงที่ท้องสนามหลวง จะมีการถ่ายทอดสดเสมือนจริงเช่นกัน ซึ่งเท่าที่มาตรวจดูทุกอย่างมีความพร้อมดี ไม่ว่าจะเป็นตู้คอนโทรลสำหรับถ่ายทอดเสียงของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยจะถ่ายทอดไป 5,000 สถานีทั่วประเทศ รวมทั้งต่างประเทศด้วย และโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจด้วย ส่วนสื่อต่างประเทศ จะไม่ให้ใช้สัญญาณถ่ายทอดสดออกไปทันที เพราะเกรงว่าจะมีภาพไม่เหมาะสมออกไป จึงได้ให้ทุกสื่อต่างประเทศจะต้องดำเนินการเกี่ยวสัญญาณจากศูนย์สื่อมวลชนแห่งนี้ได้
...
จากนั้นในช่วงเย็น พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เดินทางมาตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบ ตลอดจนระบบไฟส่องสว่างพระเมรุมาศ ก่อนเปิดเผยว่า ความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศขณะนี้ อยู่ที่ร้อยละ 98.6 และยืนยันว่าฝนที่ตกขณะนี้ไม่กระทบการทำงาน
ขณะที่นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมการพระราชพิธียกพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระเมรุมาศว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินในพระราชพิธียกพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ในวันที่ 18 ต.ค. เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป โดยถือฤกษ์มงคลตั้งแต่เวลา 17.19-21.30 น. ซึ่งได้เตรียมการรับเสด็จฯ โดยยึดรูปแบบปฏิบัติเมื่อครั้งพระเมรุมาศสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทั้งนี้ ทางสำนักพระราชวังรับไปดูรายละเอียดหมายกำหนดการของพระราชพิธีดังกล่าว ส่วนการเชิญผู้เข้าร่วมพระราชพิธีจำนวน 17 กลุ่มบุคคล ประมาณ 200 คน อาทิ องคมนตรี คณะรัฐมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงต่างๆ มอบหมายให้ 3 หน่วยงานดูแล ได้แก่ สำนักพระราชวัง สำนักนายกรัฐมนตรี และกรมศิลปากร
...