26 ก.ย. ลุ้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ นัดพิพากษา ป.ป.ช.ร้อง “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” อดีตปลัดคมนาคมคนดัง ถูกปล้นบ้านปี 2554 จงใจยื่นทรัพย์สินเท็จ หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลร่ำรวยผิดปกติ ฟ้องยื่นเอกสารแจ้งทรัพย์เท็จ ปี 2560

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 11 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อายุ 64 ปี อดีตปลัดคมนาคมปี 2552-54 ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จว่า ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษาคดีดังกล่าววันที่ 26 ก.ย.นี้ เวลา 09.30 น. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลได้ดำเนินกระบวนการไต่สวนพยาน ป.ป.ช. ผู้ร้อง และนายสุพจน์ ผู้คัดค้านแล้ว โดย ป.ป.ช.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อม.27/2560 ขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมนั้น ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายสุพจน์นั้น ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ เมื่อปี 2555 และข้อกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ซึ่งกรณีนี้ก็สืบเนื่องจากหลังจากเกิดที่เหตุคนร้ายบุกปล้นบ้านนายสุพจน์ ในซอยลาดพร้าว 64 เมื่อค่ำวันที่ 12 พ.ย.54 ซึ่งผู้ที่ร่วมทำผิดคดีอาญานั้น ได้ให้การเกี่ยวกับทรัพย์สินว่า พบเงินสดในบ้านนายสุพจน์ นับร้อยล้าน ซึ่งนายสุพจน์ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินบางส่วนได้ ป.ป.ช.จึงชี้มูลความผิดนายสุพจน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ และให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีตามกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 30 ม.ค.57 ศาลแพ่ง มีคำพิพากษาให้ทรัพย์สินของนายสุพจน์และที่มีชื่อของภรรยา, บุตรสาว และบุตรเขยของนายสุพจน์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ พร้อมดอกผลที่เกิดขึ้น รวม 19 รายการ ประกอบด้วย เงินสด 17,553,000 บาท ซึ่งเป็นของกลางในคดีอาญาปล้นบ้านนายสุพจน์ หมายเลขดำ 2458/2544 ของ สน.วังทองหลาง, เงินฝากในธนาคารพาณิชย์ต่างๆ 9 บัญชี, ทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 10 บาท มูลค่า 260,000 บาท ซึ่งเป็นของกลางในคดีอาญาปล้นบ้านนายสุพจน์ หมายเลขดำ 2458/2544 ของ สน.วังทองหลาง, โฉนดที่ดินใน กทม. พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และใน จ.นครนายก รวม 6 แปลง, ห้องชุดคอนโดมิเนียมใน กทม. มูลค่า 1.5 ล้านบาท และรถยนต์เบนซ์ รุ่น E230 และรุ่น C 220 มูลค่า 5.2 ล้านบาท จำนวน 46,141,038.83 บาท ตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 โดยให้นายสุพจน์ส่งมอบทรัพย์สินต่อกระทรวงการคลัง แต่เมื่อนายสุพจน์และครอบครัวอุทธรณ์คดี ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 11 พ.ย.58 แก้เป็นว่า ให้ริบทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน รวม 64,998,587.52 บาท โดยรวมทรัพย์สินบัญชีเงินฝาก 3 บัญชีที่ปิดแล้ว จำนวน 15,857,548.69 บาท กับรถยนต์ Volkswagen มูลค่า 3 ล้านบาท

...

ส่วนคดีอาญาปล้นบ้านนายสุพจน์ หมายเลขดำ อ.347/2555 นั้น ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มี.ค.56 ให้จำคุก 12 ปี และปรับ 60 บาท นายสิงห์ทอง หรือเสธ.ไก่ ใจชมชื่น จำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธและยานพาหนะ ขณะที่นายเสาร์แก้ว นามวงค์ และนายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน จำเลยที่ 2–3 จำคุก 9 ปี และปรับ 45 บาท

นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน จำเลยที่ 4 และนายวณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา จำเลยที่ 6 จำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันรับของโจร ส่วนนายวุฒิชัย หรือวุฒิ พันธวารี จำเลยที่ 5 และ น.ส.วาสนา สาเพิ่มทรัพย์ จำเลยที่ 9 จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน, นายชยธัช หรือเอก จันนะชัย จำเลยที่ 8 จำคุก 8 ปี ฐานสนับสนุนการปล้นทรัพย์ ส่วนนายประพันธ์ เรียงเครือ จำเลยที่ 7 พิพากษายกฟ้อง โดยคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว เป็นคดีหมายเลขแดง อ.1119/2556