เปิดใจทุกประเด็นดราม่า "เมฆ มังกรบิน" จากหนุ่มคนคุก สู่เจ้าของธุรกิจเป็นเศรษฐีหลักสิบล้าน ตอกกลับคนแอนตี้ชอบอวดรวย ทำดีสร้างภาพ? ลั่น ทุกวันนี้ขอทำดีให้ลูกเห็น กว่าจะมีทุกวันนี้ไม่ง่าย จนเกือบกลับไปค้ายาอีกรอบ...

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ "เมฆ มังกรบิน" หนุ่มคนดังในโลกโซเชียลที่ชีวิตพลิกผัน พยายามดันตัวเองจากหนุ่มติดลบ จนปัจจุบันมีธุรกิจเป็นของตัวเองและมีแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมาก เจ้าของดราม่า ท้าพิสูจน์น้ำมันเครื่อง ซึ่งเป็นสินค้าของตัวเองว่า หากไม่ดีจริงจะเผารถหรูทั้ง 4 คัน รวมทั้งเรื่องการทำความดี บริจาคเงินส่วนตัวสร้างถนนให้สังคม แต่กลับโดนคนมองว่าขี้อวด

ล่าสุด (8 ก.ย.60) เมฆ มังกรบิน ยอมเปิดใจและเผยตัวตนกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่ทำให้ตนเองต่างจากคนอื่นคือ ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำกัน เพราะเร่ิมแรกเป็นคนที่ไม่มีทุน ไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ ไม่มีโอกาส แต่ก็ดิ้นรนจนมีกิจการเป็นของตัวเองจนได้ ทั้งที่คนอื่นดูถูกว่า คนที่เคยติดคุก ติดยา เรียนไม่จบ อย่างไรก็ทำไม่ได้ แต่สุดท้ายก็พยายามทำจนประสบความสำเร็จ

...

เมื่อถามว่าตอนนี้ขอเรียกว่าเศรษฐีได้ไหม "ก็ประมาณนั้น เพราะแต่ก่อนผมเห็นคนมีเงิน 4-5 แสนก็เรียกว่าเศรษฐีแล้ว ทุกวันนี้ผมมีเงินหลักสิบล้านจะเรียกว่าเศรษฐีได้ไหม แต่ถ้ามีหลักร้อยล้านเขาเรียกว่า มหาเศรษฐี ส่วนหลักพันล้านผมก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร"

เมฆ มังกรบิน กล่าวต่อว่า กว่าจะมีอย่างทุกวันนี้ก็เร่ิมจากติดลบ เนื่องจากตอนนี้เร่ิมลงทุนขายสินค้าต่างๆ ยังมีหนี้ที่ต้องกู้มาเป็นค่าดำเนินคดีอีกประมาณ 3 แสนบาท ก็ไปวาดภาพในวัดเพื่อเอาค่าแรงมาใช้หนี้ แล้วก็ได้เงินมาอีกประมาณ 1-2 หมื่นบาท มาลงทุนค้าขาย ประกอบกับมีสินค้าเดิมที่เคยร่วมหุ้นกับคนอื่นที่เขาให้เปอร์เซ็นต์ แต่ตนขอเป็นสินค้าแทนเพื่อเอาไปขาย พอขายหมดได้เงินมาก็เอาไปซื้อใหม่ เพิ่มการซื้อไปเรื่อยๆ ที่สำคัญคือความประะหยัด จะไม่เอาเงินและกำไรขายได้ไปใช้ แต่จะเอาเงินทั้งหมดไปต่อยอดซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น เมื่อเก็บเงินได้มากพอก็จะสามารถไปซื้อสินค้าที่มีคุณภาพกว่าเดิมมาขายได้ ถือเป็นการพัฒนาขึ้น

"จนวันหนึ่งมันมาถึงจุดที่ไม่อยากขายปลีกแล้ว ไม่อยากขับรถเร่ขายตามหมู่บ้าน ก็รวบรวมเงินไปจดทะเบียนธุรกิจกับสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อขอเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีใบรับรองเป็นตราครุฑ ก็เร่ิมรับประกันสินค้าของตัวเองได้ สินค้าถูกต้องตามกฎหมาย มีการเสียภาษีให้รัฐ มีการบันทึกข้อมูลลูกค้าทุกคนเพื่อติดตามหลังการขาย ถือเป็นการใส่ใจลูกค้าง่ายๆ ซึ่งการจดทะเบียนนี้เป็นสูตรสินค้าเป็นของตัวเองแล้ว แต่เบื้องต้นต้องมีความมุ่งมั่น คนอื่นทำสิบ ผมทำร้อย คนอื่นเลิกงาน 4-5 โมง ผมทำงานถึงตี 2 ตี 3 ทุกวัน และตื่นมาทำงานตอน 6 โมงเช้า"

แต่กว่าจะมีโรงงานเป็นของตัวเองอย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เมฆ มังกรบิน เล่าต่อว่าต้องใช้เวลาถึง 3 ปี ขณะนี้กำลังสั่งซื้อเครื่องจักรอยู่ ก่อนหน้านี้เป็นการบรรจุด้วยมือ เมื่อขายแล้วกิจการดีขึ้นก็เริ่มพัฒนา แต่ที่สำคัญคือต้องมีความมุ่งมั่นในการขาย ต้องเอาใจใส่ลูกค้า รวมถึงต้องดิ้นรนและพัฒนาตัวเอง ก่อนหน้านี้เป็นแค่พ่อค้าเร่ มีแต่คนบอกว่าอย่าไปทำเลย ทำไม่ได้หรอก แต่เราอย่าไปเชื่อ อย่าไปสนใจ ให้คิดว่าคนที่เข้ามาห้ามเราคือคนที่ทำไม่ได้และกลัวเราทำได้ และอย่าเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับใคร แล้วปล่อยความสามารถของตัวเองให้ออกมา อย่างเวลาถูกลูกค้าตำหนิก็ต้องนำมาแก้ไข เมื่อแก้ไขเรื่อยๆ ก็จะทำให้คนเก่งได้ และต้องเก็บเงินที่ขายได้อย่างเป็นระบบ ว่า ส่วนนี้คือกำไร ส่วนนี้คือเงินที่เอาไว้กินไว้ใช้ ส่วนนี้คือค่ารถค่าบ้าน เป็นต้น

เมื่อถามถึงประเด็นดราม่าที่เคยประกาศว่าจะเผารถหรูของตัวเองหากมีคนพิสูจน์ได้ว่าสินค้าไม่ดีจริง เจ้าตัวบอกว่า สาเหตุที่ประกาศออกไปเพราะเป็นสิทธิ์ของตัวเองในการรับประกันสินค้า ประกอบกับรถทั้งหมดเป็นรถส่วนตัวที่ได้มาจากการขายสินค้าตัวนี้

...

"ถ้าสินค้าเราไม่ดีจริง หากนำไปใส่รถแล้วมันพัง อย่าว่าแต่จะเผารถเลย มาเผาโรงงานเลย นี่คือสิ่งที่แสดงว่าเราจริงใจต่อลูกค้า ถ้าของไม่ดีจริงก็ไม่ต้องขาย"

มีคนเข้ามาตามคำท้าหรือยัง? เมฆ มังกรบิน กล่าวว่า สินค้าประเภทนี้มีหลายยี่ห้อ หากมีคนมั่นใจว่าน้ำมันเขาเหนือกว่า ให้ค่าความลื่นมากกว่า พิสูจน์แล้วชนะแน่นอน และต้องมั่นใจว่าน้ำมันของตนใส่รถแล้วเครื่องพัง แต่หากสินค้าของตนเทสต์แล้วเครื่องไม่พัง ก็ไม่มีเหตุอะไรต้องเผารถ

ส่วนที่หลายคนสงสัยเรื่องการใช้เงินส่วนตัวสร้างถนนวัด เพราะต้องการตอบแทนพระ ที่ก่อนหน้านี้ช่วยเหลือตนในวันที่ลำบาก "หลังจากออกจากคุกก็ไม่มีใครจ้าง เป็นคนสวนยังถูกไล่ออก ผมมีความคิดว่าจะกลับไปค้ายาเสพติดอีกครั้ง แต่ในวันนั้นพระท่านก็รับผมไว้ ทั้งให้งานทำ ให้เงินใช้ ให้กินข้าว ให้อาศัยอยู่ที่วัด สอนทำงาน สอนค้าขาย แต่ถนนที่นั่นเละ เวลาชาวบ้านจะแห่ศพไปเผา ศพต้องเปื้อนโคลนก็มี เห็นแบบนี้แล้วคิดว่าผมควรตอบแทนวัดไหมล่ะ"

ส่วนถนนอีกเส้นที่เป็นถนนลูกรัง ซึ่งก่อนนี้ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านไม่ชอบตน เพราะตนเคยเป็นคนไม่ดี ดื่มเหล้า ทะเลาะวิวาทไปทั่ว เมื่อมีเงินขึ้นมาทำให้แฟนคลับทั่วประเทศรัก แล้วก็อยากทำให้คนในหมู่บ้านรักตนบ้าง จึงบริจาคเงินสร้างถนนให้หมู่บ้านเป็นการขอโทษที่เคยทำไม่ดี แต่ต้องเข้าใจว่าเป็นถนนหลวง ไม่เคยมีใครใช้เงินส่วนตัวสร้างถนนให้หลวง อาจมีคนบริจาคที่ดินตัวเอง หรือสร้างถนนจากหลวงเข้าบ้านตัวเองอาจจะมีบ้าง แต่สิ่งที่ผมทำยังไม่มีใครทำ มันเด่นไหมล่ะ

...

"พอมันเด่นก็มีบางคนเห็นแล้วไม่ชอบเขาก็ด่า คนคิดว่าเราขี้อวดเขาก็ด่า เพราะคนอื่นเขาอวดแต่เรื่องสักลาย ต่อยตี โชว์หน้าอก มีคลิปผู้หญิงจิกผมตบกัน แล้วคุณอยากให้ลูกสาวคุณดูอะไรแบบนั้นไหม ผมไม่อยากให้ลูกผมดู ผมจะบังคับลูกทั้ง 3 คนให้เล่นเฟซบุ๊กเพราะผมไม่มีเวลาสอน ดังนั้นหนูต้องดูเฟซบุ๊กพ่อ ซึ่งพ่อก็ต้องทำให้ดู อยากให้ลูกดูผมทำดี และอยากให้เยาวชนเห็นสิ่งดี"

เมฆ มังกรบิน กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อก่อนคนสอนว่าคนทำดีไม่ต้องพูด ไม่ต้องอวด ทำให้ยุคนี้กลายเป็นว่าคนทำดีต้องซ่อนต้องแอบ หากถามว่าท้อไหมกับคนแอนตี้ ส่วนตัวคิดว่าคนที่แอนตี้ก็คือคนที่ทำไม่ดี อายที่จะทำดี คนที่ต้องแอบคือคนที่ทำไม่ดี การทำดีเป็นเรื่องที่ต้องส่งเสริมมากกว่าการทำเลว ที่สำคัญ อยากหักล้างเรื่องที่เคยทำไม่ดีในอดีตด้วย.

(ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก เมฆ มังกรบิน)