พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง

คดีทัวร์ศูนย์เหรียญพ่นพิษ! ย้ายฟ้าผ่าผู้กำกับการ สน.พญาไท 1 ในชุดทำงาน สืบสวนสอบสวนคดี ไปปฏิบัติหน้าที่ ศปก.น.1 หลังศาลยกฟ้อง วิจารณ์กันขรมถึงกระแสข่าวปล่อยตำรวจรับเงินวิ่งเต้นช่วยคดี รวมทั้งการพยายามเปลี่ยนตัว ผบ.ตร.จาก “บิ๊กแป๊ะ” เป็น “บิ๊กปู”

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อวันที่ 3 ก.ย. มีรายงานว่า พล.ต.ต.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี ผบก.น.1 เซ็นคำสั่งที่ 201/2560 ลงวันที่ 2 ก.ย.60 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ เนื่องด้วยกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 มีเหตุผลความจำเป็น ในการให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน ภายในสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อให้การบริหารราชการในภาพรวมของกองบังคับการ ตำรวจนครบาล 1 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและ ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ

อาศัยอำนาจตามความนัย มาตรา 72 แก้ไขเพิ่มเติม ตามคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติที่ 7/2559 ลงวันที่ 5 ก.พ.59 เรื่องการกำหนดตำแหน่ง ข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวน และระเบียบ ตร.ว่าด้วยคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ ไปปฏิบัติราชการ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก. สน.พญาไท ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (ศปก.บก.น.1) เพื่อปฏิบัติ หน้าที่ตาม ผบก.น.1 มอบหมาย และให้ พ.ต.อ.สมศักดิ์ชัย อมรส่งเจริญ รอง ผบก.น.1 รักษาราชการแทนตำแหน่ง ผกก.สน.พญาไท อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งเดิม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เป็นเวลา 30 วัน หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามสาเหตุเด้ง ผกก.สน.พญาไท พล.ต.ต.วัชรพงศ์ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กล่าวเพียงว่า เป็นเรื่องที่ต้องไปสอบถามกับทางผู้บังคับบัญชาเท่านั้น

...

มีรายงานว่า กรณีคำสั่งให้ระดับ ผกก.-สว. ไปประจำที่ ศปก.ตร.หรือ บช.น. เป็นอำนาจของ ผบ.ตร. หรือ ผบช.น. และผู้ถูกสั่งให้ไปช่วยราชการหรือประจำที่ ศปก.ต้องมีความผิดชัดเจนทั้งเรื่องวินัยหรือเรื่องทำความเสื่อมเสียกับหน่วยงาน แต่กรณีสั่งให้ พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก.สน.พญาไท ไปรักษาราชการที่ ศปก.บก.น.1 ได้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนัก หลังศาลยกฟ้องคดีทัวร์ศูนย์เหรียญที่มี พ.ต.อ.นิติวัฒน์อยู่ร่วมคณะทำงานสืบสวนสอบสวนระดับ ตร.และมี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน

สำหรับกรณีศาลยกฟ้อง คดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่ตำรวจท่องเที่ยวนำโดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. (ดำรงตำแหน่ง ผบก.ทท.ในขณะนั้น) ได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีลงมาสืบสวนปราบ ปรามบริษัททัวร์เอาเปรียบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีการจับกุมดำเนินคดีบริษัททัวร์หลายแห่ง กระทั่งวันที่ 25 ส.ค.ศาลยกฟ้องนายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี อดีต กก.บริษัท ไทยเฮิร์บฯ นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี กก. ผจก.บริษัท รอยัลเจมส์ฯ บริษัท รอยัล ไทยเฮิร์บฯ บริษัท บางกอก แฮนดิคราฟท์ฯ และบริษัท รอยัล พาราไดซ์ฯ นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี กก.บริษัทโอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ผู้ประกอบกิจการให้เช่าบริการรถบัสแก่นักท่องเที่ยว น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี กก.บ้านขนมทิพย์ฯ กับพวกร่วมกันเป็น จำเลยที่ 1-13 ฐานเป็นอั้งยี่, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและ พ.ร.บ.นำเที่ยวและมัคคุเทศก์

ทั้งนี้ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเตรียมยื่นอุทธรณ์ เพราะมีความมั่นใจในสำนวนสอบสวน รวมทั้งพบการหลีก เลี่ยงภาษีมีมูลค่าสูงหลักหมื่นล้านบาท สร้างความสูญเสียรายได้กับประเทศเป็นจำนวนมาก อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการในส่วนของกรมสรรพากร แต่กลับมีคนปล่อยข่าวตำรวจรับสินบนช่วยเหลือคดี รวมทั้งมีความพยายามสร้างกระแสข่าวการเสนอเปลี่ยนตัว พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในฐานะผู้นำหน่วยและให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.เข้ามารักษาการแทน ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเตรียมเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 4 ก.ย.

มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ก่อนหน้าที่จะมีคำสั่งย้ายครั้งนี้ มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงรายหนึ่งเดินทางมาที่ สน.พญาไท เรียก พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก.สน.พญาไท เข้าพบเพื่อขอสำเนาสำนวนการสอบสวนคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร.ฐานะหัวหน้าคณะสืบสวนสอบสวน และสั่งให้รับรองสำเนาสำนวนคดีทุกแผ่น โดยไม่มีการประสานจาก พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ ทำให้ พ.ต.อ.นิติวัฒน์ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า สำนวนคดีบางส่วนอยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ ในส่วนของ สน.พญาไท มีสำนวนไม่ครบถ้วน ทำให้ผู้บังคับบัญชารายนี้ไม่พอใจเดินทางกลับทันที กระทั่งปรากฏคำสั่งโยกย้ายดังกล่าวตามมา