ตามรวบตัวได้แล้ว “พิสิษฐ์” ทนายแสบ พร้อมสาวคนสนิทคาคอนโดย่านรามอินทราที่กบดาน อ้างเอาเงินน้องบีมมาแค่ 5 แสนบาทไว้เป็นทุนเรียนปริญญาเอก โยนความผิดให้สาวคนสนิทอีกคนเป็นคนเอาเช็คใบละ 1 แสนบาท รวม 35 ใบไป ตรวจสอบพบถูกจับคดียาเสพติด 5 แสนเม็ด เมื่อเดือน เม.ย. ติดคุกอยู่เรือนจำจังหวัดชุมพร “ศานิตย์” สั่งพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ตามไปสอบปากคำถึงในเรือนจำแล้ว ฝากขังทนายแสบวันที่ 18 ก.ค. และเร่งทำสำนวนสั่งฟ้องภายใน 12 วัน หวังเอาเงินมาคืนครอบครัวน้องบีมให้เร็วที่สุด

กรณีนางพรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปีมารดา ด.ญ.ภัทรดา หรือบีม แก้วผ่อง อายุ 14 ปี ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับรถพ่วง 18 ล้อในพื้นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2548 ทำให้พ่อน้อง บีมเสียชีวิต นางพรทิพย์มารดาบาดเจ็บสาหัสและ น้องบีมบาดเจ็บสาหัสถูกตัดขาทั้ง 2 ข้างต้องนั่งรถวีลแชร์ตลอดชีวิต หลังศาลตัดสินให้เจ้าของและคนขับรถพ่วง 18 ล้อ จ่ายเงินเยียวยาให้ครอบครัวน้องบีมประมาณ 5 ล้านบาท กลับถูกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความยักยอกเงินไป หลังเรื่องแดงขึ้นมา นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมให้เนติบัณฑิตยสภาแต่งตั้งทนายความดำเนินคดีแพ่ง และตำรวจ สน.บางยี่ขัน ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับนายพิสิษฐ์ไว้แล้ว

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ก.ค. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.7 และ พ.ต.อ.อรรถวุฒิ นิวาตโสภณ ผกก.สน.บางยี่ขัน เชิญตัว น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ และน้องบีมมาชี้ตัวนายพิสิษฐ์ และ น.ส.ฐิตาภา หรือภัทรวดี สวัสดี อายุ 39 ปี เพื่อนสาวคนสนิทที่ถูกฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน และ กก.สส.บก.น.7 จับกุมได้เมื่อเวลา 02.50 น. วันที่ 17 ก.ค. ขณะขนของหนีไปกบดานที่อาคารซื่อตรงคอนโด ซอยรามอินทรา 125 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. น้องบีมสามารถชี้ตัวผู้ต้องหาได้อย่างถูกต้อง

...

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า นายพิสิษฐ์อ้างว่าไม่ได้ยักยอกเงินทั้งหมดไป หลังรับเช็คเยียวยาจากบริษัทประกันภัยแล้ว 4 ล้านบาท หักค่าดำเนินการไปเพียง 5 แสนบาท ส่วนเช็คใบละ 1 แสนบาท 35 ใบ ที่สั่งจ่ายล่วงหน้าให้ผู้เสียหายอยู่กับ น.ส.พรปวีณ์ ชูแก้ว เพื่อนสาวคนสนิทอีกคน ขณะนี้ติดคุกคดียาเสพติดที่เรือนจำจังหวัดชุมพร ต้องขอบคุณตำรวจชุดจับกุมที่ตามตัวนายพิสิษฐ์มาโดยตลอด และขอบคุณสำนักงานอัยการสูงสุดที่ประสานงานให้จนขออนุมัติหมายจับได้ทำให้ตำรวจทำงานง่ายขึ้น ศาลจังหวัด ตลิ่งชัน อนุมัติหมายจับนายพิสิษฐ์ที่ 298/2560 ลงวันที่ 11 ก.ค.60 ข้อหาร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้ เอกสารปลอม ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและยักยอกโดยเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน เป็นผู้มีอาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน

“ส่วน น.ส.พรปวีณ์ ถูกออกหมายจับที่ 299/ 2560 ลงวันที่ 11 ก.ค.60 ข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และข้อหาผู้สนับสนุนยักยอกโดยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินฯ ขณะที่ น.ส.ฐิตาภาที่ถูกจับพร้อมนายพิสิษฐ์ถูกออกหมายจับที่ 300/2560 ลงวันที่ 11 ก.ค.60 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและผู้สนับสนุนยักยอกโดยเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน เป็นผู้มีอาชีพอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน หลังจากนี้จะสอบปากคำนายพิสิษฐ์และ น.ส.ฐิตาภาแบบลงลึก ไม่อยากให้ผู้เสียหายคาดหวังว่าจะได้เงินคืนจากการยึดทรัพย์ผู้ต้องหาขายทอดตลาด เพราะไม่ใช่จะตามกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เบื้องต้นตนนำเงิน เล็กน้อยมอบให้เพื่อเยียวยา ขอฝากให้ประชาชน ช่วยเหลือน้องบีมเด็กหญิงพิการด้วย เชื่อว่านายพิสิษฐ์อาจใช้ความเป็นนักกฎหมายก่อคดีทำนองนี้ หากใครเคยตกเป็นเหยื่อขอให้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์อายัดคดีเพิ่มเติมที่ สน.บางยี่ขัน” ผบช.น.กล่าว

ด้าน น.ส.พรทิพย์กล่าวว่า ขอบคุณตำรวจ สื่อมวลชน และทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยเหลือ หลังจากนี้ หากมีโอกาสได้พบนายพิสิษฐ์อยากถามว่า ก่อนหน้านี้เคยบอกจะช่วยเหลือเต็มที่ อยากรู้จริงๆว่าช่วยเขาทำกันแบบนี้หรือ ส่วน ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ยังมีความฝันอยากเป็นผู้ประกาศข่าวเช่นเดิม หลังจากนี้หากท่านใดมีจิตศรัทธา สามารถ ช่วยเหลือตนได้ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาโลตัสรัตนาธิเบศร์ ชื่อบัญชี น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ เลขที่ 582-2-07952-2

หลังจากนั้นตำรวจเปิดโอกาสให้ 2 ผู้เสียหายเข้าไปพูดคุยกับนายพิสิษฐ์แล้วให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนอย่างละเอียด หลังจากนั้น พล.ต.ท.ศานิตย์เผยว่า มอบหมายให้ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ขจรศรีเพชร รอง ผกก. (สอบสวน) สน.บางยี่ขัน เดินทางไปสอบปากคำ น.ส.พรปวีณ์ ชูแก้ว อายุ 44 ปี สาวคนสนิทของนายพิสิษฐ์ที่ถูกออกหมายจับคดีเดียวกัน และถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดชุมพร คดียาบ้า 500,000 เม็ด ตั้งแต่เดือน เม.ย. ส่วนนายพิสิษฐ์และ น.ส.ฐิตาภา ตนคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนี พรุ่งนี้ (18 ก.ค.) จะส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน และให้ทีมพนักงานสอบสวนเร่งสรุปสำนวนส่งอัยการภายใน 12 วันเพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวด้วยว่า จากการพูดคุยกับนายพิสิษฐ์ยอมรับว่าเงิน 5 แสนบาทนำไปเป็นทุนการศึกษาระดับด็อกเตอร์ หลังจากนี้จะพยายามประสานญาติพี่น้องให้ช่วยหาเงินมาคืนผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ให้ฝ่ายสืบสวนช่วยกันสืบสภาพทรัพย์สินไว้ก่อนแล้ว พบว่าทั้งบ้านและรถนายพิสิษฐ์อยู่ระหว่างผ่อนค่างวด อีกทั้งกำลังพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาผู้ให้ที่พักพิงนายพิสิษฐ์ ช่วงหนีหมายจับหรือไม่ ถ้าผิดจะดำเนินการตามกฎหมายให้เป็นตัวอย่าง ทว่า ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ไม่อยากระบุไปก่อน เดี๋ยวจะกลายเป็นการไปหมิ่นประมาท

ด้านว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง อุปนายกฝ่ายบริหาร สภาทนายความ เผยว่า เมื่อนายพิสิษฐ์ถูกคุมตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีผลกระทบทางคดี 3 ประการคือ คดีอาญา คดีแพ่ง และคดีปกครอง ส่วนคดีอาญาพนักงานสอบสวนจะสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการพิจารณาฟ้องคดีอาญา สภาทนายความจะเป็นทนายให้ฝ่าย น.ส.พรทิพย์ จันทรรัตน์ แม่น้องบีม ส่วนคดีแพ่ง เนติบัณฑิตยสภาและสภาทนายความร่วมกันยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาตัวแทนและหนังสือรับสภาพหนี้ หากนายพิสิษฐ์จริงใจจะให้เรื่องราวยุติ ควรนำเงินพร้อมดอกเบี้ยมาชำระให้ครบ คืนความเป็นธรรมให้เด็กพิการ ส่วนทางปกครอง สภาทนายความตัดสิทธิ์นายพิสิษฐ์โดยจำหน่ายชื่อออกจากการเป็นทนายความ มีผลทำให้ว่าความไม่ได้ไปแล้ว

...