"ความสามารถที่ปราศจากโอกาส ไร้ความหมาย.. มีโอกาสแต่ ไม่มีความสามารถ ไร้ค่า" บนถนนลู่เดียวในชีวิต สู่หนทางการสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร สานฝันใส่เครื่องแบบตำรวจตามรอยพ่อและพี่ชายของ พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป หรือมาร์ค ผกก.สน.ห้วยขวาง นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 36 นักเรียนนายร้อยรุ่น 52 บุตรชายคนกลางของ พล.ต.ต.กฤษณ์ รัตนประทีป อดีตรอง ผบช.ภ.6 เปิดตัวแรงแซงโค้งก้าวเข้ารับตำแหน่งใหม่ ติดยศ "พ.ต.อ." พื้นที่ทำเลทอง บก.น.1 สน.ห้วยขวาง
จะด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการ ประกอบกับภารกิจ ส่ง-มอบ สืบต่อตำแหน่งผู้กำกับโรงพัก จากผู้กำกับคนเก่า มาสู่ตัวเขาเอง พร้อมตั้งปฏิญาณตน "ผมมาเพื่อสร้างชื่อเสียง" คำพูดประโยคนี้ เรียกกระแสฮือฮาให้ทุกคนที่ติดตามข้อมูลหันกลับมาตั้งใจมองหน้าคนพูดชัดๆ พร้อมคำถามที่มากมายตามมา..... ไทยรัฐ ออนไลน์ โดย "Police Community" รับหน้าที่ล้วงลึกสยบทุกข้อสงสัยภายใต้เครื่องแบบสีกากีของ "ผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรง วาระแต่งตั้ง 2559"
...
"วันประกาศผลสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย คุณพ่อพี่ไปดูรายชื่อที่บอร์ดให้ พร้อมกลับมาบอกว่าพี่ไม่มีรายชื่อนะ พี่สอบไม่ติด......"เป็นไปไม่ได้"...มันคือประโยคแรกที่พี่พูดย้อนกลับไป ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง"
"ผู้กำกับมาร์ค" หนุ่มเมืองนครราชสีมา จบชั้นมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย กระทั่งมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ พยายามสอบเข้า โรงเรียนเตรียมทหาร ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรก ความไหวเอน โอนอ่อนตามสภาพแวดล้อมของเด็กวัยรุ่นทำให้เขาไม่มีความตั้งใจเท่าที่ควร ครั้งแรกจึงสอบไม่ได้ ต่อมาครั้งที่ 2 เจ้าตัวยืนยันตั้งใจทำข้อสอบเต็มร้อย และเชื่อมั่นว่าต้องสอบติดแน่ๆ ...บทสรุปสุดท้าย คล้ายๆ ว่าคุณพ่อแท้ๆ จะดับฝัน ไปดูประกาศรายชื่อแล้วไม่มีชื่อลูก ???
"พี่นั่งรถไปดูเองเลย เริ่มตรวจทานใหม่อีกรอบทุกใบรายชื่อ.. สรุปสอบได้นะ พี่มีรายชื่อ! ใจชื้นขึ้นมาเลย พร้อมกับรู้ความจริงว่า พ่อดูกระดาษผิดใบ เพราะท่านดันไปส่องรายชื่อแผ่นที่ประกาศผลตัวสำรอง...โล่งอกนะ ดีใจมากๆ เพราะตั้งใจอ่านหนังสือ ซื้อข้อสอบมาอ่านเองที่บ้าน อ่านวนๆ ซ้ำๆ จนจำขึ้นใจ สุดท้ายได้เดินตามฝันเข้าเป็นนายร้อยตำรวจ ระหว่างเรียนพ่อพูดเสมอว่า ถ้าทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทนนะลูก แต่ขอให้เป็นคนสุดท้ายของ นักเรียนนายร้อยรุ่น 52 ที่ทน ... คือคุณพ่อหมายความว่า ให้เพื่อนทุกคนทนไม่ได้นั่นแหละ เราถึงจะค่อยหมดความอดทนเป็นคนสุดท้าย แต่พอเรียนจริงๆ ไม่มีอะไรต้องทนครับ เป็นไปตามระเบียบ"
และถึงแม้ชื่อเสียงของผู้กำกับมาร์ค เพิ่งจะออกสู่สายตาประชาชนได้เพียงไม่นาน แต่สำหรับผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เช่น ชำแหละซากรถ จยย.ไทยเกอร์ ดัดแปลงเป็นรถจยย. ดูแลความปลอดภัยร้านทองในพื้นที่ หรือกิจกรรมเปิดบทเทศนาสวดมนต์ให้กับผู้ต้องขังในโรงพัก รวมไปถึงความเป็นหนึ่งทางด้านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ทำคลิปลงยูทูบให้ความรู้กับประชาชนเรื่องการทำเว็บไซต์ ล่าสุด ...การบุกเบิกใช้เทคโนโลยี กล้องจับความผิดควบคุมวินัยจราจร ขณะดำรงตำแหน่ง รองผู้กำกับการงานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานเพื่อส่วนรวมทั้งสิ้น
...
เส้นทางรับราชการ ส่วนใหญ่ได้รับมอบหมายนั่งเก้าอี้ สายปราบปรามและจราจร ซึ่งก็เหมาะกับบุคลิกตัวเองดี เนื่องจากเป็นคนที่ชอบอยู่ในระเบียบวินัยเคร่งครัด การแต่งชุดเครื่องแบบตำรวจทุกวันจึงไม่รู้สึกอึดอัด ชอบด้วยซ้ำ "จริงๆ ก็ทำได้หมดทุกงานที่เป็นงานตำรวจ สืบ ปราบ จับ หรืออะไรก็แล้วแต่ เพียงแค่ผู้บังคับบัญชามองเห็นว่าเราเหมาะสมที่จะรับตำแหน่งตรงไหนยังไง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของท่าน เราเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา รับทราบและปฏิบัติให้ดีที่สุด" เมื่อถามว่าเคสไหน คดีไหน ยากสุดสำหรับที่ผ่านๆ มา ผู้กำกับหนุ่มไฟแรง ตอบว่า "ไม่มีเคสไหนยากหรือหินเกินความสามารถ ส่วนมากผ่านได้หมด"
หลังเข้ารับตำแหน่ง มีการจัดพิธีส่งมอบภารกิจ จากผู้กำกับคนเก่าสู่ตัวเขาเองนั่งเก้าอี้ ผกก.สน.ห้วยขวาง เต็มตัว พร้อมให้คำมั่นสัญญาจะสานต่องานให้ดียิ่งขึ้นไป นั้น ผกก.หนุ่มไฟแรง บอกว่า "ขอให้คำมั่นสัญญาสิ่งใดที่ท่านอดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางคนเก่าทำไว้ดีแล้ว เราจะสานต่อ และจะทำให้ที่นี้ดียิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องประกอบไปด้วยพวกเราต้องร่วมแรงร่วมใจของพวกเราทุกคน เราจะนำชื่อเสียงมาสู่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เราจะนำผลงานชั้นเลิศมาสู่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เราจะนำแบบอย่างที่ดีมาสู่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลห้วยวาง ที่ไหนมีชื่อ "เสีย" ที่นี้จะมีแต่ชื่อ "เสียง" ผมพร้อมจะดูแลพวกเราและตั้งใจอย่างเต็มที่จะพัฒนาที่นี้ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป "
...
เมื่อถามถึงตำรวจต้นแบบที่เรายึดถือเป็นแบบอย่าง ผู้กำกับมาร์ค ตอบอย่างไม่รีรอว่า คนแรกคือ คุณพ่อแท้ๆ ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ส่วนคนที่ 2 คือ พี่ชายแท้ๆ เป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ จ.ตาก คนที่ 3 พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 4 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคนที่ 5 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการ 191 ตำรวจทุกนายที่กล่าวมา ล้วนแล้วแต่เป็นเบ้าหลอมที่ดีในแต่ละด้าน เราค่อยๆ หยิบมุมต่างๆ ของแต่ละท่านมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด ที่สำคัญคือ ทั้ง 5 ท่านคือผู้มีพระคุณ
ประโยคดังแห่งปี "มาร์ค-ห้วยขวาง 1 ผมมาเพื่อสร้างชื่อเสียง" ดังกึกก้อง แพร่สะพัดไปทั่วโซเชียล ประโยคคำพูดง่ายๆ สะดุดทุกสายตาผู้อ่าน นั่นเพราะเขาเอง ชื่นชอบที่จะเขียนบทความสร้างแรงบันดาลใจ ในเพจเฟชบุ๊กชื่อ "คิดดี ชีวิตรุ่ง" เผยแพร่ในโลกโซเชียล ได้รับความสนใจถูกแชร์ต่อๆ กันบทความละนับหมื่นครั้ง ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งบทบบาทความสามารถ ใช้ภาษาได้สวยตรึงใจคนอ่าน มีพลังคิดบวกในใจอยู่ตลอดเวลา สำคัญที่สุดคือชอบเล่นดนตรีไทยเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะระนาดเอก เนื่องจากสมัยเรียนอยู่โรงเรียนนายร้อย สังกัดชมรมดนตรีไทย
...
"สำหรับภาพจำของพี่ในสายตาประชาชน จนกลายเป็นกระแสขึ้นมา น่าจะมาจากการจัดพิธีส่งมอบตำแหน่ง ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์คุณลุงใช้มีดจี้คอตัวเองบนสถานีตำรวจ กระทั่งมีลูกน้องชุดสืบสวนเข้าช่วยเหลือจนภาพถูกเผยแพร่ออกสู่สายตาประชาชนโด่งดังทั่วโลก น่าจะมาจากจังหวะชีวิต ค่อยๆ บวกผสมกัน และก็เป็นชื่อเสียงในด้านที่ดี จากนี้ไป พี่ตั้งใจจะทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด ตามที่เคยให้สัญญาไว้ ส่วนประชาชนชาวห้วยขวางท่านใด ได้รับความเดือดร้อน ท่านเดินมาหาเราที่ สน.ห้วยขวาง ได้ เราพร้อมให้บริการ"
คำตอบสุดท้ายที่สาวๆ ทั้งประเทศคงจะรออ่านกันอยู่มาจนบรรทัดนี้ถึงสถานะความสัมพันธ์ ด้านคู่ครอง ขอตอบแทนตรงนี้เลยว่า ผู้กำกับมาร์ค แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว พร้อมมีทายาทเป็นลูกสาววัยน่ารัก อายุ 10 ขวบ เป็นโซ่ทองคล้องใจ
..นอกจากผู้กำกับมาร์ค จะเป็นตำรวจที่มีความสามารถ, เป็นนักดนตรีไทย, เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดีย, เป็นนักเขียนสร้างแรงบันดาลใจ .... เขายังเป็นผู้ชายที่มีความเชื่อมั่นเรื่องพรหมลิขิต และศรัทธาในความรักเป็นที่สุด
"Police Community"