ไปรษณีย์ไทย แถลงผลสอบกรณีส่งมือถือได้ชาเขียว ยัน เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ชี้ น้ำหนักกล่อง 740 กรัมตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง ทางด้านร้านรวมของ พร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้ร้อง...
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “คิม หันต์” ได้โพสต์เรื่องราวอ้างว่า พี่สาวจากกรุงเทพฯ ได้ส่งโทรศัพท์มือถือมาให้แม่ที่จังหวัดลำปางทางไปรษณีย์ เมื่อกล่องจดหมายมาถึงพบว่าสิ่งของข้างในกลับเป็นกล่องชาเขียว จำนวน 2 กล่อง โดยผู้โพสต์อ้างว่า พี่สาวนั้นเป็นผู้ส่งเองกับมือ และด้านในนั้นเป็นโทรศัพท์มือถือ ส่งผลให้ผู้โพสต์เชื่อว่า พนักงานของไปรษณีย์ไทยเป็นผู้ขโมยของไป จึงนำเรื่องราวมาแชร์ในโลกโซเชียล แต่ทว่าต่อมาโพสต์ดังกล่าวได้ถูกลบหายไปแล้วนั้น
ล่าสุด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน พบว่าสิ่งของที่ฝากส่งเป็นไปรณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) หมายเลข ER744934805TH ซึ่งผู้ใช้บริการฝากส่งจากร้านรวบรวมของเอกชน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2560 เวลาประมาณ 10.00 น. จากนั้นทางร้านได้นำให้คนมาฝากเข้าระบบ ณ ที่ทำการไปรษณีย์งามวงศ์วาน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เวลา 14.30 น. และส่งถึงปลายทางที่ทำการไปรษณีย์สบปราบ จังหวัดลำปาง ในวันที่ 4 พฤษภาคม โดยเจ้าหน้าที่ได้นำไปนำจ่ายภายในวันเดียวกันทันที
...
เมื่อเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ไปรษณีย์ไทย ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในที่ทำการไปรษณีย์พบว่าไม่มีการสับเปลี่ยนสิ่งของที่บรรจุภายในกล่องแต่อย่างใด และจากตรวจสอบน้ำหนักสิ่งของชิ้นดังกล่าวพบว่ามีน้ำหนัก 740 กรัม เท่ากันทั้งตนและปลายทาง ซึ่งจากการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้ร้องเรียน ทราบว่าพี่สาว (ผู้ฝากส่ง) พร้อมเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ได้เข้าไปพบกับร้านรับรวบรวมของแล้ว โดยทางร้านจะรับผิดชอบและชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้ร้องเรียนต่อไป
สำหรับกรณี “ส่งโทรศัพท์มือถือปลายทางได้รับชาเขียว” ไปรษณีย์ไทยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูญหายแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ยังได้ฝากแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้บริการรายอื่นในการฝากส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ที่มีมูลค่าสูง ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่ก่อนการฝากส่ง หากเป็นไปได้แนะนำให้ใช้บริการรับประกันกับไปรษณีย์ไทยในกรณีสิ่งของที่ฝากส่งมีมูลค่าสูงอีกด้วย.