ให้แยกย้ายกลับวัดที่สังกัด หากฝ่าฝืน-จะถูกดำเนินคดี ‘ธรรมกาย’ แถลงโต้ทันควัน

เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเริ่มขยับ ออกคำสั่งปกครองทางสงฆ์แล้ว 3 ข้อ สั่งให้พระวัดพระธรรมกายกลับเข้าวัด พระวัดอื่นกลับวัดต้นสังกัด และให้ตรวจหนังสือสุทธิพระ-เณรทุกรูปให้ถูกต้อง ธรรมกายแถลงโต้ทุกประเด็น แบไต๋ ยอมให้ดีเอสไอเข้าไปแจ้งข้อหาพระธัมมชโยในวัดเท่านั้น ส่งพระวินยาธิการเข้าเจรจาพระที่อยู่ในตลาดกลางคลองหลวงยังไม่เป็นผล ยืนยันไม่ย้ายไปไหนแน่ ตรวจสอบเงินฝากพระจากจังหวัดอุบลฯที่ถูกคุมตัวจากโกดังเก็บน้ำหมักป้าเช็ง พบมีเงินฝากถึง 13 ล้านบาท อ้างเป็นเงินส่วนตัว ส่งข้อมูลให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายหรือไม่ “ไพสิฐ วงศ์เมือง” ออกคำสั่ง คสช.เรียกคนดูแลอาคารในวัดพระธรรมกาย 19 คน มารายงานตัวภายในวันที่ 9 มี.ค.

กรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พร้อมพวกรวม 5 คน รวม 3 ข้อหาประกอบด้วย สมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร คดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ประมาณ 1,400 ล้านบาท พร้อมสั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จับกุมพระธัมมชโยมาส่งฟ้อง แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถนำตัวพระธัมมชโยมาส่งอัยการได้ ทำได้เพียงดำเนินคดีกับพระธัมมชโย วัดพระธรรมกาย และผู้เกี่ยวข้องกว่า 300 คดี หลังจากนั้นความเคลื่อนไหวต่างๆเริ่มเงียบไป ล่าสุดรัฐบาลใช้ยาแรงออกคำสั่งใช้ ม.44 ให้วัดพระธรรมกายเป็นเขตพื้นที่ควบคุมพิเศษ ส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจ ทหารกว่า 4,000 นายเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพื่อจับกุมพระธัมมชโย หลังเจรจาทางวัดพระธรรมกายยอมพาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นทั่วพื้นที่กว่า 2,000 ไร่แล้ว แต่ต้องคว้า น้ำเหลวไม่พบพระธัมมชโย แต่เจ้าหน้าที่ยังข้องใจต้องการเข้าตรวจค้นอีก แต่ได้รับการต่อต้านจากวัดพระธรรมกายจนเหตุการณ์กระทบกระทั่งยืดเยื้อตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

...

พระวัดพระธรรมกายออกบิณฑบาต

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 มี.ค.บริเวณตลาดกลางคลองหลวง ฝั่งตรงข้ามประตู 5-6 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า ในช่วงเช้าพระภิกษุทำวัตรเช้าแล้วเริ่มสวดมนต์ ขณะเดียวกันมีพระจากวัดพระธรรมกายทยอยเดินเท้าออกมาบิณฑบาต โดยมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตรวจสอบใบสุทธิอย่างเข้มงวด โดยมีศิษยานุศิษย์พาครอบครัวเดินทางมาใส่บาตรและสวดมนต์กันอย่างต่อเนื่องเหมือนทุกวัน ก่อนเข้าพื้นที่เจ้าหน้าที่ทหารจะขอตรวจสอบสัมภาระอย่างละเอียด เพื่อป้องกันเหตุผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อความวุ่นวาย บรรยากาศทั่วไปยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ตักบาตรส่งอาหารช่วยวัดภาคใต้

ต่อมาเวลา 07.00 น. คณะศิษยานุศิษย์เครือข่ายวัดพระธรรมกายจัดกิจกรรมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อนำไปช่วยเหลือวัดในพื้นที่ภาคใต้จำนวน 323 วัด มีลูกศิษย์กว่า 200 คน พากันนำข้าวสารอาหารกึ่งสำเร็จรูปและผลไม้ เดินทางมาร่วมตักบาตรพระสงฆ์และสามเณรจำนวน 100 รูป การใส่บาตรเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารคอยดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด

สั่งพระวัดพระธรรมกายกลับวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะ จ.ปทุมธานี ออกประกาศเจ้าคณะ จ.ปทุมธานี เรื่องให้พระภิกษุสามเณรกลับไปปฏิบัติศาสนกิจในสังกัดเดิมระบุว่า ตามที่ คสช.มีคำสั่งที่ 5/2560 เรื่องมาตรการใช้อำนาจกำหนดพื้นที่ควบคุม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายกับวัดพระธรรมกายตลอดจนพื้นที่โดยรอบ กำหนดให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมกับให้อธิบดีดีเอสไอมีอำนาจร้องขอรับการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่และภารกิจต่างๆ ของดีเอสไอ ในการนี้เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามคำสั่งที่ 5/2560 ทางเจ้าคณะจังหวัดจึงมีประกาศดังต่อไปนี้ 1. ให้พระภิกษุสามเณรสังกัดวัดพระธรรมกายทุกรูปที่ชุมนุมอยู่ที่ตลาดกลางคลองหลวง หมู่ 7 ต.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และในพื้นที่รอบเขตพื้นที่ตั้งวัด กลับเข้าไปปฏิบัติศาสนกิจในเขตพื้นที่ตั้งวัดพระธรรมกาย

ส่วนพระวัดอื่นให้กลับวัดตัวเอง

2. ให้พระภิกษุสามเณรที่มิได้สังกัดอยู่ในวัดพระธรรมกาย ให้กลับไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดของตน และ 3.ให้เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และพระวินยาธิการ พร้อมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจหนังสือสุทธิของพระภิกษุสามเณรเหล่านั้นให้ชัดเจน หากตรวจแล้วมีสังกัดถูกต้องให้กลับสังกัดเดิม หากไม่ถูกต้องหรือไม่เรียบร้อยให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ผอ.พศ.ไล่ตรวจหนังสือสุทธิพระ

ด้าน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า เจ้าคณะ จ.ปทุมธานี ส่งหนังสือมาให้ พศ.และดีเอสไอแล้ว จากนี้ตนสั่งการเจ้าหน้าที่ พศ.ดำเนินการตามคำสั่งเจ้าคณะ จ.ปทุมธานี ส่วนจะติดป้ายประกาศตามคำสั่งเจ้าคณะ จ.ปทุมธานี หน้าวัดพระธรรมกาย เพื่อให้พระภิกษุสามเณรได้รับทราบหรือไม่ คงต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง สำหรับการตรวจหนังสือสุทธิพระภิกษุสามเณร พศ.กำลังดำเนินการอยู่ แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ว่ามีพระภิกษุสามเณรจำนวนเท่าใดที่ไม่มีหนังสือสุทธิ

ย้อน “บิ๊กตู่” ให้มีสติอย่าฉุนเฉียว

บริเวณทางเข้าประตู 5 วัดพระธรรมกาย พระมหาทศพร ปุญญังกุโร เจ้าหน้าที่สำนักสื่อสารองค์การ วัดพระธรรมกาย ออกมาแถลงสื่อมวลชนว่า เป็นวันที่ 17 ที่วัดพระธรรมกายถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน และรัฐใช้งบประมาณไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50-85 ล้านบาท 1.กรณีนายกฯพูดว่าให้ลูกศิษย์วัดมีสติ ขอชี้แจงว่า ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเจริญสติ สมาธิ ปัญญาอยู่ทุกวัน ด้วยการทำทาน รักษาศีล สมาธิภาวนาและศีล สมาธิ ปัญญา ขอเรียกร้องให้ท่านนายกฯมีสติ ระงับอารมณ์โกรธฉุนเฉียวในการแถลงข่าว เพื่อบรรยากาศของประเทศสงบร่มเย็น กรณีท่านนายกฯบอกสื่อว่า อย่าไปฟังคนผิดนั้น ท่านตั้งสมมติฐานผิด เพราะคดีสหกรณ์คลองจั่นที่มีหมายค้นมานี้ยังไม่มีการตัดสินว่าใครถูกผิด กล่าวเช่นนี้แสดงว่า ท่านได้ข้อมูลที่ผิดพลาด ทำให้ตัดสินใจผิดพลาด มีโมหาคติหรืออคติเพราะความไม่รู้ การใช้มาตรา 44 เพราะคดีนี้เป็นเพียงการขัดหมายเรียก เพราะหลวงพ่ออาพาธไม่สามารถไปตามหมายเรียกได้เท่านั้น

...

อ้าง “ธัมมชโย” ลำบากสร้างวัด

“2.กรณีที่ ผบ.ทบ.ระบุว่า หลวงพ่อธัมมชโยแค่คนเดียวควรเสียสละ เป็นผู้นำอย่าทำให้ลูกศิษย์ลำบาก ขอชี้แจงว่า ลูกศิษย์ไม่เคยรู้สึกว่าลำบากเพราะหลวงพ่อธัมมชโย แต่รู้สึกลำบากเพราะมาตรา 44 ถูกเจ้าหน้าที่มาปิดล้อม ถูกคุกคามตรวจค้นและไม่ให้เข้าวัด ที่ผ่านมาหลวงพ่อธัมมชโยเสียสละทนลำบากสร้างวัดพระธรรมกาย จากทุ่งนาฟ้าโล่งจนเป็นวัดพระธรรมกายปัจจุบัน ที่ลูกศิษย์มาสวดมนต์นั่งสมาธิไม่ใช่เพราะหลวงพ่อธัมมชโยเท่านั้น แต่ทุกคนรู้สึกว่า พระพุทธศาสนากำลังถูกรังแก ย่ำยี คุกคามจากภาครัฐ ที่ผ่านมาลูกศิษย์ทุกคนรู้สึกว่า ยังตอบแทนบุญคุณที่หลวงพ่อธัมมชโยมีบุญคุณต่อพวกเราไม่ถึง 1% ที่สั่งสอนให้เราเป็นคนดี มีศีลธรรม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข แนะนำสั่งสอนให้ทำตามคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กรณีทนายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ ให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ว่า แค่คนคนเดียวออกมามอบตัวก็จบเป็นตรรกะที่ผิดเพี้ยน กล่าวย้อนว่า คดีเป็นหมื่นเป็นแสนทำไมมาใช้กฎหมายพิเศษกับวัดพระธรรมกาย” พระมหาทศพรกล่าว

ยอมให้เข้าไปแจ้งข้อหาในวัด

พระมหาทศพรเผยต่อว่า 3.กรณีความคิดเห็นว่า ถ้าหลวงพ่อธัมมชโยไม่ผิดทำไมไม่มอบตัว ขอชี้แจงว่า ท่านไม่ได้หนี ยินดีเข้ากระบวนการยุติธรรม แต่อาพาธหนักขอให้มาแจ้งข้อหาในวัด นอกจากไม่มาแล้วยังออกหมายจับ และยังมีเหตุผิดปกติมากมายที่มองออกว่า เป็นการกลั่นแกล้งเพื่อยึดทรัพย์วัดเป็นสิ่งที่รัฐไม่พึงทำ และสามารถใช้กับวัดอื่นอีกในอนาคต ความจริงคดีนี้อยู่ในขั้นตอนการกล่าวหา เรื่องยังไม่ถึงศาล ไม่มีการพิพากษาว่าผิดหรือถูก ต้องถือว่าหลวงพ่อธัมมชโยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ วัดยินดีเข้ากระบวนการยุติธรรมคือ ทางวัดขอเชิญดีเอสไอมายื่นข้อกล่าวหาที่วัดเพราะหลวงพ่ออาพาธเดินทางไม่ได้ แต่ดีเอสไออ้างว่ามาไม่ได้ ขณะที่อัยการ ตำรวจ และนักกฎหมายอื่นบอกว่าตามกฎหมายมาได้ ดีเอสไอยืนกรานไม่ยอมมาที่วัด ไม่เลื่อนนัด แต่ออกหมายจับทันที พอออกหมายจับแล้วบอกว่า ถ้าไปรายงานตัวจะไม่ให้ประกันต้องจับสึกทันที พระที่ไหนจะไป เพราะการจับสึกถือเป็นการประหารชีวิตพระ

...

ยัดข้อหาไร้สาระกว่า 300 คดี

พระมหาทศพร กล่าวต่อไปว่า กรณีอื่นพระที่ถูกหมายจับไม่ต้องสึกก็มี เช่น พระนักเคลื่อนไหวทางการเมือง จ.นครปฐม แล้วทำไมต้องใช้สองมาตรฐานเลือกปฏิบัติกับวัดพระธรรมกาย ความผิดปกติเริ่มชัดเจนมากขึ้นตอนเอากองกำลังตำรวจนับพันจะมาล้อมจับพระรูปเดียว มันเกินไปไหม นอกจากนี้ยังตั้งคดีให้อีกตั้ง 300 กว่าคดีเวลาเพียง 1 เดือน แต่ละคดีดูไร้สาระเช่น โบสถ์สร้างตั้งแต่ 2520 แต่ยัดคดีว่าไม่ขออนุญาตก่อสร้างกับ อบต.ที่เพิ่งเกิดปี 2538 ใครจะย้อนอดีตไปขออนุญาตได้ ถึงวันนี้ใช้มาตรา 44 ยกกองกำลังมาเกือบครึ่งหมื่นเพื่อตรวจค้นวัดหาตัวหลวงพ่อธัมมชโย ค้นทุกพื้นที่ 3 วันไม่เจอจะไล่คนออกจากวัดให้หมดภายในบ่าย 3 ของวันที่ 19 ก.พ. ปิด ล้อมวัด ตัดเสบียง ตัดโทรศัพท์ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ขู่ตัดน้ำตัดไฟ มันคุ้มเหรอที่ปิดล้อมวัดไป 17 วัน เสียงบประมาณมากมาย ถ้าตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งวันละ 3 ล้านบาทคือ 51 ล้านบาท ถ้าตามที่สื่อมวลชนประเมินวันละ 5 ล้านบาทเท่ากับ 85 ล้านบาท

อ้างรัฐบาลจะยึดวัดไปบริหาร

“เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ท่านนายกฯออกมาพูดว่า ถ้าหลวงพ่อธัมมชโยมอบตัวและให้รัฐเข้าไปบริหารจัดการวัดพระธรรมกายจะยกเลิก ม.44 อย่างนี้ชัดเจนว่า ที่ทำมาทั้งหมดเพื่อจะยึดทรัพย์วัดพระธรรมกายแล้วใครที่ไหนจะยอม ลูกศิษย์วัดที่สร้างวัดมาด้วยทรัพย์ของตนเอง เป็นเจ้าของวัดที่แท้จริง ไม่มีใครยอมให้ใครมายึดวัดที่สร้างมาด้วยความศรัทธาหรอก ศิษย์วัดยึดหลัก “ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป” เราไม่ได้สู้กับรัฐบาล แต่กำลังสู้กับความอยุติธรรม” พระทศพรกล่าว

ฟ้องชาวโลกเรื่องสิทธิมนุษยชน

พระมหาทศพร เผยอีกว่า 4.กรณีนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รมว.ต่างประเทศ ยืนยันกลางเวทียูเอ็นเอชอาร์ซี (UNHRC) เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ว่า ประเทศไทยยึดมั่น-ส่งเสริม สิทธิมนุษยชน วัดขอแย้งว่าจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.เป็นต้นมา ถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงดังนี้ ปิดกั้นพระและประชาชนเข้าวัด ตัดสัญญาณมือถือและอินเตอร์เน็ต ตั้งด่านทหารตำรวจรอบวัด ทุบกล้องวงจรปิดรอบวัด ตัดการส่งวัตถุดิบเข้ามาปรุงอาหาร ตั้งด่านจนคนป่วยกลายเป็นคนตาย กันชาวบ้านไม่ให้ทำมาค้าขายรอบวัด กันเด็กไม่ให้ไปโรงเรียน ของบิณฑบาตไม่ให้เอาเข้าวัด ใช้ ม.44 กับพระและประชาชนผู้บริสุทธิ์ พระอาจารย์แถลงข่าวชี้แจงรายวันถูกข้อหายุยงปลุกปั่น ฯลฯ นี่หรือพฤติกรรมของคนยึดมั่น-ส่งเสริม สิทธิมนุษยชน

...

โวยรัฐบาลเบรกข่าวต่างประเทศ

“5.โพสต์ข่าวสำนักข่าวอัลจาซีรา กรณีวัดพระธรรมกายถูกระงับการเผยแพร่โดยรัฐบาลไทยเมื่อวันที่ 3 มี.ค. เวลา 12.35 น. ผู้สื่อข่าวต่างประเทศจากสำนักข่าวอัลจาซีรา ลงข้อความทวีตเตอร์ว่า รายงานข่าวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายถูกรัฐบาลไทยระงับการเผยแพร่ จนนำไปสู่การสนทนาถึงการปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชนจากรัฐบาลไทยในกลุ่มของผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จนกระทั่งราว 18.52 น.นำรายงานข่าวลงในยูทูบ หลังจากเข้าไปชมแล้วไม่เห็นว่ามีเนื้อหารุนแรงอะไร เพียงแต่รายงานข้อแท้จริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมตั้งคำถามกับผู้ชมว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ใช้มาตรา 44 อันมีอำนาจราวกับกฎอัยการศึกให้อำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งยึดทรัพย์วัดหรือควบคุมวัด มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองหรือไม่ สิ่งที่อยากตั้งคำถามกับสังคม หากปฏิบัติการครั้งนี้มาเพื่อทำตามหมายค้นอันหมดอายุไปแล้วด้วยความบริสุทธิ์ใจจริง เหตุใดถึงต้องปิดกั้นการรายงานข่าวของสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่เป็นสักขีพยานในการทำหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย” พระมหาทศพรกล่าว

หมอ–พยาบาลธรรมกายยื่นข้อเสนอ

ที่ประตู 5 วัดพระธรรมกาย น.ส.ศิริลักษณ์ ธรรมธราธารกุล ทีมกู้ชีพรัตนเวชแถลงการณ์คณะแพทย์ พยาบาลและอาสาวัดพระธรรมกาย น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่มีผู้เสียชีวิตถึง 2 ศพ เกิดจากการใช้กฎหมายมาตรา 44 ปิดกั้นทางเข้าออกรอบวัดพระธรรมกาย คณะแพทย์ พยาบาล อาสาวัดพระธรรมกาย ทีมกู้ชีพรัตนเวชรู้สึกสลดและโศกเศร้าใจเป็นอย่างมากไม่อยากให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก จึงอยากร้องขอให้ดีเอสไอและรัฐบาลโปรดเห็นใจ ยกเลิก ม.44 และการปิดกั้นทางเข้าออกรอบวัด ยกเลิกการตัดสัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเตอร์เน็ต และการสื่อสารทุกชนิด ขอให้ผ่อนปรนการเข้าออกของเจ้าหน้าที่กู้ชีพรัตนเวชให้สะดวกมากขึ้น ขอให้มีหน่วยพยาบาลที่เป็นกลางทางสากลเช่น กาชาดสากลมาช่วยดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกั้นการเดินทาง โดยเฉพาะชาวบ้านในตำบลคลองสอง คลองสาม คลองสี่ ขอให้บุคลากรแพทย์และพยาบาลที่อยู่นอกวัดเข้ามาสับเปลี่ยนหมุนเวียนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และขอยาและเวชภัณฑ์ตามที่คณะแพทย์พยาบาลอาสาวัดพระธรรมกายเห็นว่าสำคัญและเท่าที่จำเป็น

ส่งพระวินยาธิการเจรจาพระในตลาด

เวลาไล่เลี่ยกันที่ บก.ตชด.ภ.1 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ เผยก่อนเข้าร่วมประชุมกับคณะทำงานว่า เรื่องการเจรจากับพระและกลุ่มลูกศิษยานุศิษย์ให้ออกจากพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง ทีมเจรจาประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ฝ่ายปกครอง พระวินยาธิการ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) การเจรจากับพระที่อยู่ในตลาดจะให้พระวินยาธิการกับเจ้าหน้าที่ พศ.เป็นผู้เจรจาหลัก จะชี้แจงให้ทราบว่า หากไม่ออกจากพื้นที่จะมีความผิดทางวินัยสงฆ์ หากฝ่าฝืนคำสั่งเกิน 3 ครั้งจะพิจารณาบทลงโทษทางสงฆ์ต่อไป นอกจากนี้เมื่อวันที่ 3 มี.ค. เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบโกดังเก็บน้ำหมักป้าเช็ง ก่อนนำตัวพระ 2 รูป เณร 9 รูป ฆราวาส และคนงานรวม 23 คน มีคนเป็นต่างด้าวตรวจสอบแล้วมีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง 6 คน ทั้งหมดตรวจสอบและเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ก่อนทำความเข้าใจและให้ลงชื่อห้ามกลับเข้ามาในพื้นที่อีกก่อนปล่อยตัวทั้งหมดกลับไป

ถ้าพระสนิทวงศ์ไม่มาถูกออกหมายจับ

พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า ส่วนการดำเนินการกับพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ขณะนี้แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามไปแล้ว 2 คดีและคดีอื่นอีก 31 คดี หลังจากนี้จะออกหมายเรียกตามขั้นตอน หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนจะออกหมายจับ ส่วนที่มีข่าวว่าพระสนิทวงศ์จะออกมาแถลงข่าววันอาทิตย์ที่ 5 มี.ค.จะเข้าควบคุมตัวพระสนิทวงศ์เลยหรือไม่ ฝ่ายปฏิบัติงานจะประเมินสถานการณ์เฉพาะหน้าอีกที กรณีที่สังคมตั้งคำถามว่า ภารกิจติดตามตัวพระธัมมชโยของดีเอสไอใช้งบประมาณมากกว่า 10 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถนำผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ ตนคงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ แต่ดีเอสไอต้องปฏิบัติตามแผนที่วางไว้คือ ติดตามตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีตามหมายจับ ขอเรียกร้องให้พระธัมมชโยออกมามอบตัวแล้วทุกอย่างจะจบ สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าผู้บัญชาการทหารบกเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อเพิ่มกำลังทหารในแผนปฏิบัติงาน ส่วนตัวยังไม่ทราบถึงรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว

ลูกศิษย์หนาตาเพราะวันหยุด

บริเวณจุดคัดกรองคลอง 3 ถนนคลองหลวง (ขาเข้า) ก่อนถึงตลาดกลางคลองหลวงมีเหล่าลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเดินทางมาเป็นจำนวนมากขึ้นกว่าทุกวัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จุดคัดกรองเผยว่า ที่คนมาเยอะน่าจะเป็นเพราะช่วงวันหยุด ทำให้มีผู้เดินทางมาร่วมสวดมนต์มากขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจคัดกรองเจ้าหน้าที่ไม่ได้หวงห้าม เพียงแต่ต้องแสดงตนด้วยบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะบันทึกเลข 13 หลักและลงรายละเอียดบ้านเลขที่หรือที่อยู่ตามบัตรประชาชน เป็นที่น่าสังเกตว่า มีบางคนที่ไม่ยอมให้บัตรประชาชนและยอมเดินทางกลับ ส่วนหนึ่งแจ้งว่า มาจากต่างจังหวัดจากภาคอีสาน บางส่วนหนึ่งแจ้งว่าอยู่ในเขตกรุงเทพฯ

พระวินยาธิการเจรจาไม่เป็นผล

บ่ายวันเดียวกัน ที่ตลาดกลางคลองหลวง พระครูวิจิตรอาภากร เจ้าคณะตำบลคลองสี่ พร้อมด้วยนายสมเกียรติ ธงศรี ผู้ตรวจราชการ พศ.และพระวินยาธิการเข้าเจรจากับพระที่ปักหลักรวมตัวกันอยู่ในตลาดกลางคลองหลวง ให้กลับไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดต้นสังกัด ตามประกาศของพระเทพรัตนสุธีเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ในการปฏิบัติภารกิจควบคุมพื้นที่ตามมาตรา 44 แต่สุดท้ายไม่เป็นผล นายสมเกียรติ เผยว่า การดำเนินการวันนี้เป็นไปตามคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ผลการเจรจาพูดคุยกับพระที่ตลาดกลางคลองหลวงไม่ยอมทำตามคำสั่งดังกล่าว แต่รับปากว่าจะนั่งสวดมนต์และปฏิบัติศาสนกิจแต่ในพื้นที่ตลาดไม่เคลื่อนไหวไปที่อื่น หลังจากนี้ พศ.และเจ้าคณะตำบลจะนำผลไปรายงานให้เจ้าคณะจังหวัด นอกจากนี้การเข้าไปด้านในไม่พบพระเสกสรรค์ อัตตทโม พระวัดพระธรรมกายที่เคยเป็นแกนนำแล้ว ส่วนพระอิสรภาพ อาจรสัมปันโน แกนนำพระกล่าวว่า พระและลูกศิษย์จะไม่ย้ายออกนอกพื้นที่อย่างเด็ดขาด และไม่เจรจากับเจ้าหน้าที่จนกว่าจะยกเลิก ม.44 มองว่าการที่ คสช.ใช้ ม.44 ตั้ง ผอ.พศ.คนใหม่ คล้ายจงใจให้เข้ามาสนองนโยบายควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย

ปักป้ายคำสั่งเจ้าคณะปทุมธานี

ต่อมาเวลา 14.50 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ พศ.และทหาร นำป้ายประกาศเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี 3 ป้าย มาติดตั้งบริเวณทางเข้า-ออกตลาดกลางคลองหลวง ข้อความระบุว่า ประกาศเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรื่อง ให้พระภิกษุสามเณรกลับไปปฏิบัติศาสนกิจในสังกัดเดิมของตน ตามที่ คสช.มีคำสั่งที่ 5/2560 เรื่องมาตรการใช้อำนาจกำหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายกับวัดพระธรรมกายตลอดพื้นที่โดยรอบ และกำหนดให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจร้องขอรับการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ และภารกิจต่างๆ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ จังหวัดจึงมีประกาศ 1.ให้พระภิกษุสามเณรสังกัดวัดพระธรรมกายทุกรูปที่ชุมนุมอยู่ที่ตลาดกลางคลองหลวง หมู่ 7 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และในพื้นที่โดยรอบ กลับเข้าไปปฏิบัติศาสนกิจในเขตที่ตั้งวัด 2.ให้พระภิกษุสามเณรที่มิได้สังกัดอยู่ในวัดพระธรรมกาย ให้กลับไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดของตน 3.ให้เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และพระวินยาธิการพร้อมเจ้าหน้าที่ พศ.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตรวจหนังสือสุทธิของพระภิกษุสามเณรให้ชัดเจน

ส่งหมายเรียกให้พระกลางตลาด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดกลางคลองหลวง พระปลัดเสกสรร อัตตทโม พระลูกวัดวัดพระธรรมกาย ออกมาโชว์หมายเรียกให้ไปพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.คลองหลวง ในวันที่ 8 มี.ค.60 เวลา 09.00 น. หลังฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. พระปลัดเสกสรร ยืนยันว่า จะไปพบพนักงานสอบสวนในวันเวลาตามหมายเรียกแน่นอน หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายเรียกมาให้เซ็นรับทราบกลางตลาดกลางคลองหลวง

ยุติธรรมยันทำ 3 เรื่องพร้อมกัน

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรมเผยว่า นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีวัดพระธรรมกายว่า ขณะนี้หน่วยงานของรัฐกำลังดำเนินการ 3 เรื่องพร้อมกันคือ 1.การบังคับใช้กฎหมาย 2.การปกครองของสงฆ์ และ 3.พระธรรมวินัย พบว่าผลการปฏิบัติที่ผ่านมา มีหลักฐานที่จะใช้มาตรการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ขัดขวางการทำงาน ปลุกปั่น ยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย รวมทั้งมีประเด็นที่เสนอให้คณะสงฆ์ดำเนินมาตรการด้านการปกครองและด้านพระธรรมวินัย

ดำเนินคดีพระ–ศิษย์ที่ขัดขวาง

“ด้านกฎหมายยังคงการควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวดต่อไป ปรับการปฏิบัติไปตามสถานการณ์เช่น การที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีมีประกาศไม่ให้พระสงฆ์มาชุมนุมที่ตลาดกลางคลองหลวงแล้ว ต้องให้ปฏิบัติไปตามประกาศ ส่วนกรณีที่วัดพระธรรมกายอ้างเหตุพระธัมมชโยไม่อยู่ในวัด และขัดขวางการเข้าไปปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จึงมีข้อสังเกตว่า ถ้าไม่อยู่ในวัดจริงจะขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในวัดทำไม เหตุผลใดจึงต้องขัดขวาง ทราบว่าเจ้าหน้าที่ได้บันทึกข้อมูลผู้ขัดขวางการปฏิบัติงาน ทั้งที่เป็นพระและประชาชนทั่วไปไว้แล้ว คงต้องดำเนินการทั้งทางกฎหมายและธรรมวินัยต่อไป” นายธวัชชัยกล่าว

สอบพฤติกรรมรักษาการเจ้าอาวาส

โฆษกกระทรวงยุติธรรมเผยต่อว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค. มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการทำหน้าที่ของ ผู้รักษาการเจ้าอาวาสและพระสังฆาธิการของวัดพระธรรมกาย ทำหน้าที่ตามกฎหมายคณะสงฆ์และกฎมหาเถรสมาคมแล้วหรือไม่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีรายงานว่า รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าอาวาส เพื่อยุติการกระทำของพระ การใช้พื้นที่วัดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้พระสังฆาธิการระดับอื่นๆของวัดก็ไม่ได้ทำหน้าที่ดังกล่าว จึงเป็นที่สงสัยของสังคมว่า การปกครองของคณะสงฆ์ต่อวัดพระธรรมกายมีสภาพที่แท้จริงอย่างไร เพราะกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 24 พ.ศ.2541 หมวด 4 จริยาของพระสังฆาธิการข้อ 44 ที่ว่าพระสังฆาธิการต้องเอื้อเฟื้อต่อกฎหมาย ข้อ 45 พระสังฆาธิการต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งโดยชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือแม้แต่ข้อ 46 ที่ว่าพระสังฆาธิการต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายแก่การคณะสงฆ์และพระศาสนา และห้ามมิให้ละทิ้งหน้าที่ในทางที่ไม่สมควร

ฝ่ายปกครองสงฆ์ตรวจพฤติกรรมพระ

“ด้านพระธรรมวินัย ดีเอสไอและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รวบรวมข้อมูลหลักฐานการกระทำที่อาจคาบเกี่ยวกับการล่วงละเมิดพระธรรมวินัย เรื่องเดียวกันหรือหลายเรื่องอยู่เป็นประจำบ่อยครั้ง เป็นการกระทำความผิดซ้ำๆ หลายครั้ง ปัจจุบันมีข้อมูลปรากฏอยู่เกี่ยวกับพฤติกรรมของพระสงฆ์หลายรูป รวมทั้งพระธัมมชโยด้วย ทราบมาว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กำลังดำเนินการร่วมกับคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองระดับสูงต่อไป” นายธวัชชัยกล่าว

ปปง.ตรวจเงินในบัญชีพระ 13 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากเมื่อวันที่ 3 มี.ค. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำกำลังตรวจค้นโกดังเก็บน้ำหมักป้าเช็ง ก่อนนำตัวพระ 2 รูปและเณร 9 รูป กับฆราวาสและคนงานรวม 23 คนมาสอบสวน เบื้องต้นจากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากของพระชื่อเสถียรที่มาจากวัดแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี มีเงินเกือบ 13 ล้านบาทอยู่ในบัญชี พระเสถียรอ้างว่าเป็นเงินเก็บส่วนตัว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอประสาน ปปง.ดำเนินการตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินดังกล่าวอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายหรือไม่

แถลงจำนวนพระ-มวลชนวัดพระธรรมกาย

เย็นวันเดียวกันที่ บก.ตชด.ภ.1 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วยนายณัฐกิตติ์ ไชยวรรณรัตน์ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ร่วมแถลงข่าวหลังการประชุม พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า วันนี้ยอดพระในวัดพระธรรมกาย 1,700 รูป มวลชน 1,000 คน ที่ตลาดกลางคลองหลวงพระ 150 รูปมวลชน 300 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินมาตรการทางกฎหมายควบคู่กับมาตรการทางพระธรรมวินัยสงฆ์ เช่น วันนี้เจ้าหน้าที่นำหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ไปให้กับพระปลัดเสกสรร อัตตทโม พระลูกวัดวัดพระธรรมกาย เป็นพระแกนนำที่ออกมาเคลื่อนไหวที่ตลาดกลางคลองหลวง ให้ไปพบเจ้าพนักงานตามวันและเวลาที่กำหนด ขณะที่ฝ่ายสงฆ์นำประกาศเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรื่องให้พระภิกษุสามเณรกลับไปปฏิบัติศาสนกิจที่สังกัดไปติดไว้ที่ตลาดกลางคลองหลวง

พระทำผิดเตรียมจับสึกดำเนินคดี

“ในส่วนพื้นที่ควบคุมตามคำสั่ง คสช. มีเพียงวัดพระธรรมกายกับมูลนิธิวัดพระธรรมกายที่ห้ามบุคคลอื่นบุกรุก แต่ในส่วนตลาดกลางคลองหลวงเป็นพื้นที่อ่อนไหว จะใช้คำสั่ง คสช.อาจมีผลกระทบต่อประชาชนและพ่อค้าแม่ขายในตลาด จึงให้ทางสงฆ์ดำเนินการใช้มาตรการทางพระธรรมวินัยแทน ขณะนี้กำลังพิจารณาว่าหากพระไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย เช่น อ้างสวดมนต์และทำกิจกรรมอื่นๆ หากพิจารณาแล้วเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ จะบังคับใช้มาตรการทางกฎหมาย ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา หลังจากนั้นหากพบการกระทำความผิด จะดำเนินการเชิญตัวไปสึกกับเจ้าคณะจังหวัด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนเป้าหมายยังคงต้องการค้นพื้นที่วัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะในอาคาร 100 ปี หรืออาคารลูกโลก เพื่อค้นหาพระธัมมชโย และตามคำสั่ง คสช.ที่ได้เรียกทั้งพระและบุคคลมาพบปัจจุบันมีทั้งหมด 62 ราย แต่มาพบเจ้าหน้าที่เพียง 9 คน” พ.ต.ต.วรณันกล่าว

แจง พศ.ไม่มีอำนาจสึกพระ

ด้านนายณัฐกิตติ์ ไชยวรรณรัตน์ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เผยว่า การบังคับใช้พระธรรมวินัยกับพระที่ออกมาชุมนุมที่ตลาดกลางคลองหลวง ขอชี้แจงว่าสำนักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ (พศ.) ไม่มีอำนาจจับพระที่ผิดกฎหรือพระธรรมวินัย เนื่องจากไม่มีอำนาจ เหมือนสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ พศ.มีอำนาจจับพระสึกได้เลย หากพบการ กระทำผิดพระธรรมวินัย ปัจจุบัน พศ.มีหน้าที่สนองนโยบายและทำตามคำสั่งเจ้าคณะปกครองเท่านั้น ตามปกติการพิจารณาความผิดพระจะส่งให้เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัดพิจารณาตามขั้นตอน

พระ-ศิษย์ผวา จนท.ตรวจพระปลอม

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอพร้อมด้วยกำลัง ทหาร เข้าตรวจสอบพื้นที่ด้านหลังตลาดกลางคลองหลวง เนื่องจากพบชายผมสั้นเกรียนเดินเข้าไปในกลุ่ม พระหลังตลาด เกรงว่าจะมีพระปลอมเข้ามาในพื้นที่ ทันทีที่กำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปกลุ่มพระสงฆ์และลูกศิษย์ที่อยู่ด้านในตลาด ต่างพากันตื่นฮือเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ารื้อถอน จากการตรวจสอบชายคนดังกล่าวอ้างว่า ไม่ใช่พระเป็นเพียงลูกศิษย์เท่านั้นจึงปล่อยตัวไป หลังจากนั้นพบกลุ่มพระนำสแลนมาขึงกันแดดเกือบเต็มพื้นที่เปิดเป็นโรงครัว เจ้าหน้าที่จึงประสานให้พระนำสแลนออกครึ่งหนึ่งของพื้นที่ และลดระดับความสูงลงตามข้อตกลงที่ประสานไว้ กลุ่มพระยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข เหตุการณ์จึงเข้าสู่สภาวะปกติ

คำสั่ง คสช. เรียก 19 คนดูแลอาคาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ลงนามในคำสั่ง คสช.ที่ 15/2560 เรียกผู้ดูแลอาคารสถานที่ภายในวัดพระธรรมกายรวม 19 คน นำเอกสารระบุตัวตนเข้ารายงานตัวกับ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค และ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมที่ บก.ตชด.ภ.1 ภายในวันที่ 9 มี.ค. เวลา 10.00 น. มีรายชื่อดังต่อไปนี้ 1.นายพลพจน์ บุญวาที 2.นายวีรวิชญ์ เศียร-สุกรี 3.นายวีระพันธ์ บุญคุ้ม 4.นายสันติพล ดำรงเกียรติ 5.นายทองหล่อ อ่อนน้อม 6.นายวชิระ แก้วกงพาน 7.นายเกรียงศักดิ์ หอมสมบัติ 8.นายดุษฎี สว่างเนตร 9.นายประวิทย์ หงษ์ร่อน 10.นายอนุรักษ์ ภูพันใบ 11.นายวิทยา กระจ่างพันธ์ 12.นายอรรถพล จิรัตฐิฏิกาล 13.นายยศคนธ์ อายุวงศ์ 14.น.ส.ปทุมรัตน์ ยศสุวรรณ 15.น.ส.ภัณฑิรา แว่นประชา 16.นายประสิทธิ์ สุภะวิทยา 17.น.ส.สุนิสา ประสานมาศ 18.นายอนิรุต สุดประเสริฐ และ19.นายศุภมิตร ปิดทองคำ