ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 28 ก.พ.นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากผลการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 2/2560 ที่ผ่านมา เพื่อติดตามผลการดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งสถานการณ์ แนวโน้มปัญหายาเสพติดของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีทหาร ตำรวจ สถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดเชียงใหม่ได้ทราบถึงสถานการณ์และแนวโน้มยาเสพติดห้วงเดือนกุมภาพันธ์ 2560
พบว่าชนเผ่าม้งเข้ามาเกี่ยวข้องกับการค้าและการลำเลียงยาเสพติดมากขึ้น ในพื้นที่เชียงใหม่ เชียงราย และตาก ซึ่งกระบวนการค้าเป็นระบบเครือข่าย และดำเนินการเฉพาะบุคคล โดยลำเลียงผ่านพื้นที่อำเภอต่างๆที่เป็นเส้นทางรอง ประกอบกับผลการจับกุมยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 1-24 กุมภาพันธ์ 2560 มีคดียาเสพติดเกิดขึ้น 730 คดี พบของกลางเป็นยาบ้า 2,953,443 เม็ด เฮโรอีน 142.09 กรัม ฝิ่นดิบ 2,006.58 กรัม มูลฝิ่น 13.76 กรัม กัญชาแห้ง 592.88 กรัม และไอซ์ 150,074.93 กรัม
นอกจากนี้ การดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่น 11 อำเภอ ได้แก่ เวียงแหง แม่แตง ไชยปราการ เชียงดาว แม่แจ่ม พร้าว ฝาง แม่อาย สะเมิง อมก๋อย และอำเภอเมืองเชียงใหม่ ที่ผ่านมา พบว่าอำเภอแม่แจ่ม เชียงดาว แม่อาย และไชยปราการ มีการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาหมู่บ้าน หรือชุมชนที่เป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น โดยการจัดทำประชาคม การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ การสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังปัญหาฝิ่น รวมทั้งพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งในการพึ่งพาตนเอง
“จากสถานการณ์ภายนอกประเทศ รัฐบาลเมียนมากดดันชุมชนกลุ่มน้อยในประเทศที่ยังไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญาปางหลง ซึ่งมี 21 กลุ่ม ลงนามแล้ว 8 กลุ่ม ทำให้มีการลำเลียงยาเสพติดออกจากพื้นที่ผลิตนำพักใกล้ชายแดนจำนวนมาก ดังนั้น จึงต้องเฝ้าระวังชายแดนภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ตาก และขอเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนช่วยกันสอดส่องดูแลปัญหายาเสพติด เนื่องจากเป็นวาระสำคัญของชาติ หากทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจในการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันอย่างประสิทธิภาพก็จะส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างสูงสุด” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวในที่สุด.
...