โปลิศจับตำรวจฝ่าย สืบสวนนอกรีต มีทั้งสัญญาบัตรยศผู้กอง-หมวด 3 นาย ชั้นประทวน 3 นาย ของ สน.บวรมงคล ตั้งก๊วนตีเงินผู้ต้องหายาเสพติด ก่อนยึดยาของกลางนำไปจำหน่าย เจอตำรวจของจริงล่อซื้อยาบ้าจากผู้ต้องหา 1,400 เม็ด สารภาพรับยาบ้ามาจากผู้กองเบนซ์ ฝ่ายสืบสวน สน.บวรมงคล ส่วนของกลางยาบ้าเก็บซ่อนไว้ในล็อกเกอร์ห้องสืบสวน ผบช.น.ไม่รอช้าสั่งให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด พร้อมสั่งเด้ง ผกก.กับสารวัตรสืบสวน สน.บวรมงคล ผู้บังคับบัญชาโดยตรง มาช่วยราชการ 30 วัน

นายตำรวจสัญญาบัตรพร้อมชั้นประทวน ตั้งก๊วนรีดเงินยาเสพติด ก่อนยึดของกลางยาบ้า ไอซ์ มาปล่อยขายเองจนถูกตำรวจด้วยกันจับกุม โดยมีรายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 23 ก.พ. พ.ต.อ.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ ผกก.สส.บก.น.7 พร้อมชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.7ได้ล่อซื้อยาบ้าจากนายโยชัย หรือสัก แซ่โค้ว และนายศุภกิจ หรืออาร์ต ปลาทอง ชื่นชมชิต นัดหมายให้มาส่งภายในซอยหมู่บ้านสินชัย 3 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. หลังผู้ต้องหาทั้งสอง ขี่รถจักรยานยนต์มาถึงจุดนัดหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมตรวจค้นพบยาบ้า 1,400 เม็ด ไอซ์ 100 กรัม จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า รับยาเสพติดทั้งหมดมาจากผู้กองเบนซ์ ตำรวจฝ่ายสืบสวนของ สน.บวรมงคล โดยยาเสพติดทั้งหมดจะเก็บไว้ในล็อกเกอร์ภายในห้องฝ่ายสืบสวน บางส่วนถูกเก็บไว้ที่ห้องพักแฟนสาวของผู้กองเบนซ์ ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 52 ย่านบางพลัด ขณะสอบสวนผู้ต้องหา ผู้กองเบนซ์ยังได้โทรศัพท์เข้ามาถามความคืบหน้าจากนายโยชัยโดยไม่รู้ว่าทั้งคู่ถูกเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.7 จับกุมไว้แล้ว

พ.ต.อ.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ ผกก.สส.บก.น.7 จึงรายงานให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.7 ทราบ ก่อนนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบด้วย พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ พฤกษ์สุวัฒน์ สว.กก.สส.บก.น.7 และ พ.ต.ท.สุทธิพล แสงบุญ สว.กก.สส.บก.น.7 พร้อมอาวุธครบมือ ไปที่ห้องฝ่ายสืบสวน ชั้น 3 ของ สน.บวรมงคล พบ ร.ต.อ.สุพัฒน์ ประจงหัตถ์ หรือผู้กองเบนซ์ ร.ต.อ.นิติธร พลบุญ ร.ต.ท.วีระพล คำดี และ ส.ต.ต.เรืองยศ สามบุญเรือง อยู่ภายในห้อง จึงสั่งให้ทุกคนปลดอาวุธ พร้อมติดต่อเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ให้มาร่วมตรวจค้นตู้ล็อกเกอร์ของผู้กองเบนซ์

...

จากการตรวจสอบพบกระเป๋าสีแดง ภายในมียาบ้า 13,000 เม็ด ไอซ์ 100 กรัมและยาเคจำนวนหนึ่ง จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางไว้ ก่อนที่ พล.ต.ต ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.7 จะไปขออนุญาตศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 6 คน ประกอบด้วย ร.ต.อ.สุพัฒน์ ประจงหัตถ์ รอง สว. (สอบสวน) สน.บวรมงคล ร.ต.อ.นิติธร พลบุญ รอง สว.สส.สน.บวรมงคล ด.ต.ปริญญา จิตต์หาญ ผบ.หมู่ฝ่ายสืบสวน สน.บวรมงคล จ.ส.ต.ภูณัช เนตรสว่าง ผบ.หมู่ฝ่ายสืบสวน สน.บวรมงคล และ ส.ต.ต.เรืองยศ สามบุญเรือง ผบ.หมู่ฝ่ายปราบปราม สน.บวรมงคล ทั้งหมดอยู่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามอบายมุข ช่วยงานฝ่ายสืบสวน สน.บวรมงคล ในข้อหา มียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า, ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

ต่อมาช่วงบ่ายวันที่ 24 ก.พ. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา รอง ผบช.น. เดินทางไปสอบสวนผู้ต้องหาที่ กก.สส.บก.น.7 หลังจากนั้น พล.ต.ท.ศานิตย์ได้เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นตำรวจอยู่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามอบายมุข ช่วยงานฝ่ายสืบสวน สน.บวรมงคล ที่ตั้งขึ้นโดย พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.สน.บวรมงคล คดีนี้สืบเนื่องจากฝ่ายสืบสวน บก.น.7 ร่วมกับ สน.บางขุนนนท์ สืบสวนทราบว่ามีการจำหน่ายยาเสพติด จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน จากนั้นได้ขยายผลจนทราบว่าเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บวรมงคล สำหรับเรื่องนี้ได้สั่งให้ดำเนินการเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือตำรวจ เมื่อกระทำผิด บช.น.ไม่ได้ละเว้นพร้อมทั้งสั่งการให้เร่งรัดจับกุม เมื่อคืนศาลจังหวัดตลิ่งชันอนุมัติออกหมายจับตำรวจทั้ง 6 คน ข้อหามียาเสพติดประเภทที่ 1 และประเภทที่ 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ขณะนี้ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งให้ทั้งหมดออกจากราชการไว้ก่อน และคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน รวมถึงค้านการประกันตัวในชั้นศาลด้วย

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวต่อว่า พ.ร.บ.ยาเสพติด หากข้าราชการทำผิดเอง รับโทษหนักกว่าคนธรรมดา 3 เท่า ต้องดำเนินคดีอย่างเข้มข้นและเด็ดขาด ตอนนี้อยู่ระหว่างสืบสวนว่าทั้ง 6 นาย มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดรายใดหรือไม่ เบื้องต้นพบว่าไม่มีเชื่อมโยงกับ ส.ต.ต.พิษณุพงศ์ งามธุระ ผบ.หมู่งานปฏิบัติการจราจรโครงการพระราชดำริ 2 กก.6 บก.จร. ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ได้รับรายงานว่า กลุ่มผู้ต้องหาเพิ่งทำเป็นครั้งแรก พฤติกรรมไม่ได้เป็นคนขายโดยตรง แต่ไปจับกุมยาเสพติดแล้วไปเรียกร้องเอาผลประโยชน์ ของกลางที่เหลือเอาไปจำหน่าย ไม่ใช่ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่

“เรื่องที่เกิดขึ้นผมก็ช้ำใจเหมือนกัน ในเมื่อตักเตือนบอกกล่าว อบรมสั่งสอนทุกอย่างแล้ว ยังไม่กลับตัวกลับใจก็ต้องดำเนินตามมาตรการไป แต่ก็ขอกำลังใจให้ตำรวจดีๆที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ขอให้มีสมาธิ ตั้งมั่น เชื่อว่าประชาชนต้องให้โอกาสและให้กำลังใจตำรวจ ให้ทำในสิ่งดีให้กับพี่น้องประชาชน และเพื่อบ้านเมือง ทุกสัปดาห์ที่มีการประชุมขับเคลื่อนนโยบายในการปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย ประเด็นหลักๆที่ย้ำตลอด คือ ขอให้ตำรวจทุกคนเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติป้องกันแก้ไขปัญหา ยาเสพติดที่เป็นปัญหาสำคัญที่ก่อให้เกิดอาชญากรรม เรามีโครงการบ้านสีขาว ตัดวงจรผู้ซื้อผู้เสพ ไม่ให้มี ใครไปซื้อ ไม่ว่าเอามาขายยังไงก็ไม่มีใครซื้อ นอกจากนี้แล้วยังย้ำในเรื่องของโครงการครอบครัวตำรวจสีขาว เราไปทำให้ชาวบ้านขาวแล้ว ถ้าเรายังไม่ขาวมันก็จะเป็นที่ไม่ไว้วางใจ สิ่งที่น่าเสียใจไม่กี่วันมานี้ยังย้ำว่า ตำรวจ ลูกหลาน ญาติพี่น้องตำรวจ จะต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาชญากรรมทุกประเภท จะต้องอบรมสั่งสอนดูแลกัน ถ้าย้ำกันขนาดนี้แล้วยังมีออกนอกลู่นอกทาง ผู้กำกับสถานี รองผู้กำกับสืบสวน สารวัตรสืบสวนที่เป็นหัวหน้าชุดของกลุ่มผู้ต้องหาก็ต้องรับผิดชอบด้วย โดยหลังจากนี้ตนจะมีคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) ยืนยันว่าตำรวจทั่วประเทศก็พยายามที่จะทำให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้มากที่สุด อาจจะมีบางคนที่เป็นส่วนน้อยที่ไม่ดี เราก็ต้องพยายามปรับปรุงให้เขาเป็นคนดี ถ้าปรับปรุงแล้วไม่ดี นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดทิ้งไป ตนยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่ความเมตตากับผู้ต้องหา คือ ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่มีการอะลุ่มอล่วย ส่วน ร.ต.ท.รีระพลที่ยังไม่เข้ามอบตัว ก็ขอให้รีบเข้ามามอบตัวให้เร็วที่สุด เพราะจะหนียังไงก็หนีไม่รอดหรอก

...

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า กรณีการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องเร่งแก้ไข อย่าให้มี ล่าสุดพบตำรวจโรงพักไปเกี่ยวข้องเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจด้วย ก่อนหน้านี้ บก.น.8 จับกุมไอซ์ 80 กก.ก็พบว่าตำรวจขนเอง เรื่องนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องไปดูแล ส่วนการจับกุมตำรวจ สน.บวรมงคล สั่งการไปแล้วใครที่ทำผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องเอาออกจากราชการให้หมด ไม่เอาไว้ ไม่เลี้ยงอยู่แล้ว สำหรับการสืบสวนสอบสวนขยายผลไม่ต้องสั่งการอะไร ตำรวจท้องที่ ชุดสืบสวนสอบสวนจับกุมรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร ช่วงนี้พบตำรวจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดบ่อย สั่งการจับกุมไม่เว้น รวมถึงต้องสืบสวนสอบสวนผู้บังคับบัญชาด้วย หากพบผิดว่าไปตามกฎหมาย

มีรายงานว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.ได้เซ็นคำสั่งเลขที่ 53/2560 ลงวันที่ 24 ก.พ.60 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ เนื่องจากมีเหตุผลความจำเป็นในการให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และให้เป็นไปตามนโยบายการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ บช.น. รวมทั้งเพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.สน.บวรมงคล และ พ.ต.ท.สุภาพ เพชรรัตน์ สว.สส.สน.บวรมงคล มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจุดเริ่มต้นของคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 10 ก.พ. ชุดเฉพาะกิจปราบปรามอบายมุขของ สน.บวรมงคล นำโดย ร.ต.อ.นิติธร พลบุญ หัวหน้าชุด จับกุมผู้ต้องหาคดีเสพยาเสพติดได้ 1 ราย ก่อนนำตัวมาขยายผลหาแหล่งที่มาของยาเสพติดที่ห้องฝ่ายสืบสวน สน.บวรมงคล ระหว่างการสอบสวน เพื่อนของผู้ต้องหารายนี้ได้โทรศัพท์เข้ามาหาผู้ต้องหาบอกว่า ยาบ้า 3 มัดที่สั่งไว้ เอาไปส่งไว้ที่อาคารซิตี้ คอนโดฯ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 95/1 ย่านบางพลัด เรียบร้อยแล้ว ร.ต.อ.นิติธร พร้อมกับพวกจึงได้เดินทางไปคอนโดฯดังกล่าว จับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาได้ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดยอมรับสารภาพ และยอมที่จะจ่ายเงิน 6 แสนบาท เพื่อแลกกับอิสรภาพ รวมทั้งยอมถูกยึดของกลาง โดยที่จะไม่ถูกดำเนินคดี จนผู้ต้องหาทั้งหมดถูกปล่อยตัวไป ส่วนของกลางทั้งหมดถูกเก็บไว้ในตู้ล็อกเกอร์ของผู้กองเบนซ์ ก่อนจะนำออกจำหน่ายให้กับผู้ค้ายารายย่อย จนมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.7.จับกุม

...