จำเลยคดีสลายการชุมนุมปี 2551 รวม 3 รายขึ้นศาลอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่ศาลนัดไต่สวนพยานจำเลย แต่ต้องยุติการไต่สวน เพราะศาลชี้พยานจำเลยบางปากจงใจไม่รับหมายศาล นัดใหม่อีกครั้ง 10 มี.ค. ถ้าไม่มาจะออกหมายจับ...
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2560 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลนัดไต่สวนพยานจำเลยในคดีที่สำนักงาน ป.ป.ช. เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ร่วมกันเป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นตาม พ.ร.ป.วิธีพิจารณาความฯ มาตรา 9 มีคนเจ็บ 1,003 คน ตาย 2 คน ตำรวจเจ็บ 74 คน โดย พล.อ.ชวลิต ไม่มาศาลเนื่องจากได้รับอนุญาตพิจารณาคดีลับหลัง การพิจารณาวันนี้มีคณะนักศึกษาจากโครงการอบรมกฎหมายเพิ่มศักยภาพสื่อ รุ่นที่ 4 ภาคกฎหมายความมั่นคง เข้าฟังการพิจารณาด้วย
นัดนี้จำเลยเบิกนายสุเจษฎ์ โค้วคาสัย อัยการอาวุโสสำนักงานศาลสูง เป็นพยานจำเลยเบิกความว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงวันที่ 7 ต.ค.51 เวลาเช้าถึงค่ำเป็นช่วงกลุ่มพันธมิตรต้องการขัดขวางการประชุมแถลงนโยบายรัฐบาล มีประชาชนเข้าชุมนุมและขัดขวางกับยึดสถานที่ราชการ มีการใช้แผน ”กรกฎ48” เพื่อสลายการชุมนุมอย่างเป็นขั้นตอนและเรียงตามลำดับความรุนแรง จนมีคนเจ็บ ตาย และเจ้าหน้าที่ก็บาดเจ็บ
คดีนี้ทางฝ่ายคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด ตั้งคณะทำงานร่วมกันสรุปสำนวนเอกสาร 1,1,76 แผ่น เห็นว่าต้องไต่สวนพยานเพิ่ม 19 ปาก แบ่งพยานเป็น 9 กลุ่มรวม 100 คน มีข้อไม่สมบูรณ์ 5 ข้อ ใช้เวลาทำงาน 1 เดือนตามเงื่อนไขของกฎหมาย กับขอสอบพยานเพิ่มเติม ที่สุดอัยการมีความเห็นว่าคดีมีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะฟ้องจำเลยทั้งสี่ต่อศาลนี้ได้
...
ด.ต.เสก ตราเงิน สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เบิกความว่า ตนเป็น 1 ในตำรวจ 150 คนที่ยันม็อบ 3 พันคนบนแยกพิชัย มีการเจรจาขอเปิดทางให้คณะรัฐมนตรี แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอม จนถึงขั้นประชิดตัวผู้บังคับบัญชาสั่งให้เปิดทางโดยใช้แก๊สน้ำตา ด้วยการยิงวิถีโค้งให้ปะทะกำแพงหรือต้นไม้ หรือตกที่หน้าฝูงชนเพื่อให้ควันแก๊สเข้าที่กลุ่มประชาชนโดยดูทางลม กระสุนผลิตจากประเทศใดก็ไม่ทำให้คนตายได้ ต่อมาเมื่อแหวกฝูงชนได้ก็ไปถึงถนนอู่ทองในจรดแยกการเรือนก็พบฝูงชนอีก 5 พันคน ตอนนี้เริ่มโกลาหลมีเสียงปืนดังจากฝั่งฝูงชน 10 นัด ตำรวจวิ่งเข้าประตูรัฐสภา ถูกยิงเจ็บ 6 นาย ตนถูกยิงด้านหลังบาดเจ็บสาหัสกระสุนฝังที่ตับเอาออกไม่ได้ การใช้กำลังสลายการชุมนุมด้วยกระสุนแก๊สน้ำตาเป็นไปตามระบียบที่ฝึกมา มีเงื่อนไขคือให้ตำรวจผู้ปฏิบัติใช้ดุลยพินิจได้ แต่คนตัดสินใจ คือ ผู้บังคับบัญชาที่อยู่ในเหตุการณ์ คือ พ.ต.อ.”ฤ”
ศาลยุติการไต่สวน แล้วมีคำสั่งว่า จำเลยหมายเรียกพยานไปหลายปาก พบว่ามีพยานบางปากมีพฤติการณ์จงใจไม่รับหมายศาล ต่อไปให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาส่งหมาย ถ้าพยานจำเลยยังไม่มาจะพิจารณาออกหมายจับ นัดไต่สวนต่อไปวันที่ 10 มี.ค.นี้.