คณะแพทย์ ม.ขอนแก่น ยันทำตามพินัยกรรมหลวงพ่อคูณ มอบสรีระสังขารกลับไปฌาปนกิจที่วัดบ้านไร่ไม่ได้ ชี้เป็นเรื่องของกฎหมาย และมีความผิด อาจถูกฟ้องร้องในภายหลังได้ ...
สืบเนื่องจาก วานนี้ (21 ก.พ.) นางคำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ อายุ 91 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.1 บ.บัวชุม ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี น้องสาวของ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พร้อมด้วย นายบุญเทิด วงษ์กาญจนรัตน์ อายุ 59 ปี หลานชายของ หลวงพ่อคูณ และญาติพี่น้อง รวมทั้งกรรมการบริหารวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อให้มีการพิจารณานำสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ กลับไปทำพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านไร่ หลังครบกำหนดการเป็นครูใหญ่ของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. แต่อธิการบดีติดราชการ จึงยังไม่ได้คำตอบนั้น (ยายคำมั่น บุกม.ขอนแก่น ขอสรีระหลวงพ่อคูณ พี่ชายกลับไปฌาปนกิจวัดบ้านไร่)
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 22 ก.พ. 2560 ที่ห้องรับรองชั้น 6 คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับมอบหมายจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ติดราชการอยู่ต่างประเทศให้ชี้แจงถึงเรื่องนี้ โดย รศ.นพ.ชาญชัย ยืนยันว่า ไม่สามารถให้ทางญาติพี่น้อง รวมทั้งศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อคูณ นำสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณกลับไปทำการฌาปนกิจที่วัดบ้านไร่ได้ เพราะจะเป็นการทำผิดพินัยกรรมที่ทางหลวงพ่อคูณได้ทำไว้ เป็นการทำผิดกฎหมาย มีโทษทางอาญา เนื่องจากตามพินัยกรรมข้อ 3 หลวงพ่อคูณได้ระบุไว้ชัดว่า "การจัดพิธีบำเพ็ญกุศล เมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้าของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มข.แล้ว ให้จัดโดยเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชใดๆ และห้ามมิให้ขอพระราชทานเพลิงศพ โกฏิ และหรือพระราชทานพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะ โดยให้คณะแพทย์ศาสตร์ มข. กระทำเช่นเดียวกับการจัดพิธีศพของอาจารย์ใหญ่นักศึกษาแพทย์ประจำปีร่วมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่น แล้วเผา ณ ฌาปนสถานวัดหนองแวง พระอารามหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หรือวัดอื่นใด ที่คณะแพทย์ศาสตร์เห็นสมควรและเหมาะสม โดยทำพิธีเผาให้เสร็จสิ้นที่จังหวัดขอนแก่น"
...
รศ.นพ.ชาญชัย เผยต่อว่า ส่วนพินัยกรรมข้อ 4 ยังระบุด้วยว่า "เมื่อดำเนินการตามข้อ 3 เสร็จสิ้นแล้ว อัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมดให้คณะแพทยศาสตร์ มข.นำไปลอยที่แม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม" ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น จะกระทำนอกเหนือพินัยกรรมไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายและมีความผิดถูกฟ้องร้องในภายหลังได้
รศ.นพ.ชาญชัย ยังได้เปิดเผยอีกว่า หนังสือขอสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ เพื่อไปทำพิธีบำเพ็ญกุศลศพที่วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมานั้น ครั้งนี้ถือเป็นฉบับที่ 2 โดยฉบับแรกได้ส่งมาถึงเมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2559 ซึ่งในครั้งนั้นได้ลงนามโดยเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ซึ่งตนก็เข้าใจในความรู้สึกของญาติพี่น้อง และศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อคูณ ที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ดี แต่ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นก็มีความจำเป็นต้องทำตามพินัยกรรม เพราะเป็นความประสงค์ของหลวงพ่อคูณด้วยเช่นกัน.