ตร.ภาค 1 ตามรวบตัวหนุ่มผักไห่ มือฆ่าโหดสาวประเภทสอง ก่อนชิงสร้อยทองหลบหนี อ้าง ผู้ตายติดค่าร่วมหลับนอน 300 บาท ทวงถามกลับถูกด่า โมโหคว้ามีดกระหน่ำแทงยับ
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 60 พล.ต.ต.อำนาจ จันทร์เจริญ ผบก.สส.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุทธิ พ่วงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.กิติศักดิ์ เกตุอร่าม ผกก.สภ.เสนา และชุดสืบสวน ร่วมประชุมในการติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์ นายชญานนท์ เกิดพันธ์ อายุ 35 ปี สาวประเภทสองซึ่งเป็นนักแสดงลิเก (อ่านข่าวก่อนหน้า เสร็จกิจแทงซ้ำ! สาวประเภท2กรุงเก่า พาคู่ขามาเสพสุข ก่อนโดนฆ่าชิงทอง) โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชม. จากนั้นเดินทางไปตรวจหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยมีการตรวจหามีดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุรอบบริเวณบ้านของผู้ตายแต่ไม่พบ และยังตรวจหาร่องรอยจากรอยนิ้วมือแฝงตามวัตถุต่างๆ รวมถึงเรื่องสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือของผู้ตายที่คาดว่าคนร้ายน่าจะนำไปขายหรือจำนำร้านทองในพื้นที่ อ.เสนา หรือ อ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนสาเหตุการสังหารมุ่งไปที่คนใกล้ชิดกับผู้ตาย
ต่อมา 17.40 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วคือ นายอนุวัฒน์ เพ็งพุฒิ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 65/3 หมู่ 5 ต.หนองน้ำใหญ่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ที่บ้านพ่อตาใน ต.สามกอ อ.เสนา พร้อมรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง ทะเบียน 1กฆ 1073 ศรีสะเกษ หมวกกันน็อก เสื้อแจ็กเก็ตที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ จากนั้นควบคุมตัวมา สภ.เสนา โดย ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เดินทางมาสอบปากคำด้วย ทั้งนี้ นายอนุวัฒน์ ให้การว่าเป็นคู่ขากับ นายชญานนท์ หากร่วมหลับนอนจะได้ค่าตัวครั้งละ 300 บาท วันเกิดเหตุตนมาทวงเงิน 300 บาท ที่เคยหลับนอนกันเมื่อปลาย ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่ถูกบ่ายเบี่ยงและต่อว่า จึงเกิดความโมโหฉวยโอกาสตอน นายชญานนท์ เข้าห้องน้ำหยิบมีดแทงไม่ยั้งจนแน่นิ่ง ก่อนถอดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำขี่จักรยานยนต์หลบหนี รวมถึงโยนมีดทิ้งในคลองแล้วไปกบดานที่บ้าน ส่วนทองนำไปขายที่ร้านทองใน อ.เสนา ได้เงินสดบางส่วนและซื้อแหวนทอง 1 สลึง มา 2 วง
...
พล.ต.ต.สุทธิ กล่าวว่า นายอนุวัฒน์ เคยมีประวัติติดยาเสพติด ซึ่งชุดสืบติดตามกล้องวงจรปิดพบชายต้องสงสัยใกล้เคียงกับคนร้าย จึงสืบทราบว่าทำงานอยู่ร้านค้าเหล็กแห่งหนึ่งใน อ.เสนา จึงตามไปค้นที่บ้านพ่อตา พบว่ากำลังพ่นสีรถและท่อรถจักรยานยนต์เพื่ออำพรางจึงจับกุม เบื้องต้น ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและชิงทรัพย์ผู้อื่น และจะนำตัวไปทำแผนรับคำสารภาพในวันพรุ่งนี้ (21 ก.พ.)