พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. แถลงผลการจับกุมตรวจยึดสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาประเภทมือถืออุปกรณ์เสริม 7 หมื่นกว่าชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ก.พ. ที่ สน.ปทุมวัน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม รองผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณัฐนันท์ นายาสมบัติ รอง ผบก.น.7 และรองหัวหน้าชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ปลป.บช.น.) พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.ดุสิต วาลีประโคน รองผกก.สส.สน.บางโพงพาง พ.ต.ท.ศรายุทธ บุญธรรม รองผกก.ป.สน.ปทุมวัน พ.ต.ต.ไอยรา อากาศวิภาต สว.สส.สน.บางโพงพาง พ.ต.ท.ธนเมศฐ์ วิจิตรจริยา สว.กก.สส.2.บก.สส.บช.น. นายพรโรจน์ แก้ววินิจ ตัวแทนผู้เสียหายจากบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ลิมิเต็ด และบริษัทแอปเปิล อิงค์ ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายไพสันต์ จันอุบล อายุ 41 ปี ผู้ต้องหา พร้อมของกลางโทรศัพท์และอุปกรณ์นำเข้าจากประเทศจีน ยี่ห้อ ซัมซุงและแอปเปิล (หูฟัง สายชาร์จ ปลั๊กเสียบ) รวมจำนวน 76,807 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับแจ้งว่า มีการลักลอบลำเลียงสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านทางตู้คอนเทรนเนอร์และนำมาเก็บซุกซ่อนไว้ภายในอาคาร 5 ชั้น เลขที่ 74/37-38 ถนนจรัสเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม.
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ขอหมายค้นจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ ค.30/2560 ลงวันที่ 14 ก.พ.60 ก่อนจะนำกำลังเข้าตรวจค้นในอาคารหลังดังกล่าวพบว่า เป็นอาคารดัดแปลงสภาพเป็นโกดังเก็บสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พบนายไพสันต์ แสดงตัวเป็นผู้ดูแลสินค้า นอกจากนี้ ยังพบโทรศัพท์และอุปกรณ์มือถือ 76,809 ชิ้น จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และคุมตัวสอบสวนต่อยัง สน.ปทุมวัน
...
"สำหรับสินค้าที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดนั้น ทางตำรวจไทยได้รับการประสานจาก USCR ว่า สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ จะถูกส่งให้กับห้างสรรพสินค้าดังแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอยู่ใน ลำดับที่ 2 เกี่ยวกับการเก็บและผลิตสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ จึงอยากฝากถึงประชาชน ผู้ซื้อผู้ขาย พ่อค้าแม่ค้า ที่รับสินค้าไปจำหน่าย อยากขอให้หยุดซะ เพราะมันจะส่งผลกระทบถึงประเทศชาติ ถ้าไม่มีแหล่งรับซื้อ ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยอยู่ที่ระดับ 2 ก็จะเลื่อนมาระดับ 1 ไม่ใช่ไประดับ 3" ผบช.น.กล่าว
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลจับกุมเพิ่มเติมหากพบว่า มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อีก ก็จะกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นแจ้งข้อหา "จำหน่าย เสนอจำหน่าย มีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนไว้ในราชอาณาจักร, ซื้อหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษีหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านวิธีทางศุลกากร หรือหลีกเลี่ยงภาษีอากร" นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดี ต่อไป.