พระเจ้าอยู่หัวเสด็จถวายนํ้าพระมหาสังข์ ‘พิธีสถาปนา’ ทุกวัดยํ่าระฆัง
อีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ชาติไทย พุทธศาสนิกชนสุด ปลื้มปีติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีสถาปนา “สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก” องค์ที่ 20 แห่งราชอาณาจักรไทย ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และขณะสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ถวายน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวรรตแก่สมเด็จพระสังฆราช ทุกวัดทั่วไทยและทั่วโลก ย่ำระฆัง 3 ลา ตีระฆัง 20 ครั้ง เสียงดังก้องกังวาน เสมือนประกาศให้เทพยดาฟ้าดินรับทราบถึงการสถาปนาประมุขทางศาสนาพุทธ ขณะที่เหล่าศิษยานุศิษย์หลั่งไหลเข้าถวายสักการะ “สังฆราชองค์ใหม่” เนืองแน่นวัดราชบพิธ และในวันที่ 13-15 ก.พ. วัดเปิดให้ถวายสักการะวันละ 2 รอบ พร้อมแจกเหรียญ “ออป”
อีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ไทยที่ต้องจารึกไว้ หลังจากปวงชนชาวไทยรอคอย “ประมุขทางศาสนาพุทธของไทย” สมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ซึ่งเป็นองค์ที่ 20 ของกรุงรัตนโกสินทร์ มาเป็นเวลาหลายเดือน ในที่สุดก็ได้มีการสถาปนา “สมเด็จพระสังฆราช” องค์ใหม่และเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์แรก ในแผ่นดินรัชกาลที่ 10 ท่ามกลางความปลื้มปีติของพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งในประเทศและทั่วโลก
โดยพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีขึ้นเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกันเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังและเจ้าหน้าที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ร่วมกันจัดเตรียมสถานที่ ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามและภายในกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ ตระเตรียมความพร้อม ในการประกอบพระราชพิธีครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย คือพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
...
ขณะเดียวกัน บริเวณศาลาราย ที่ตั้งโดยรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สำนักพระราชวังนำเสื่อขนาดใหญ่จำนวนมากมาปูรองรับเหล่าพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ที่ทยอยเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเที่ยง จับจองที่นั่งเพื่อเฝ้ารอรับเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระสังฆราช ตลอดจนพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่จะเข้ามาร่วมในพระราชพิธีที่สำคัญที่สุดของพุทธ บริษัททั่วประเทศ
ส่วนบริเวณหอระฆังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นายปรีชา อินทรไพโรจน์ ผู้อำนวยการพระคลังข้างที่ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผู้รับหน้าที่ย่ำระฆังครั้งประวัติศาสตร์ ในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 นำเจ้าหน้าที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เข้าเตรียมความพร้อมต่างๆภายในหอระฆัง และความพร้อมของตัวระฆัง ก่อนการลั่นระฆังครั้งสำคัญจะเกิดขึ้น
สำหรับระฆังในพระอุโบสถใบนี้ ถูกจัดสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เดิมประดิษฐานที่วัดระฆัง ก่อนที่จะอัญเชิญมาไว้ที่หอระฆัง วัดพระแก้ว โอกาสของการย่ำระฆังใบนี้ จะมีเฉพาะพระราชพิธีสำคัญ เช่น การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น ซึ่งครั้งสุดท้ายที่มีการย่ำระฆัง คือ พระราชพิธีสถาปนา สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 โดยการย่ำระฆังครั้งนี้ จะใช้ ไม้เหง้าที่ทำมาจากไผ่ตงเป็นเครื่องย่ำระฆังและผู้ย่ำระฆังต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผอ.สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า การย่ำระฆังเนื่องในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชในครั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประสานไปยังวัดไทยทั่วทั้งประเทศและทั่วโลกกว่า 4 หมื่นวัด ให้ย่ำระฆังโดยพร้อมเพรียงกัน เมื่อถึงเวลาสำคัญ เสียงสาธุการจะดังกระหึ่ม เสียงระฆังจะดังกังวานไปไกล เพื่อเป็นเกียรติประวัติครั้งสำคัญในพระราชพิธีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่มีขึ้นอีกคำรบหนึ่ง
ขณะที่บรรยากาศที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) เจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน อุทิศถวายอดีตเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ ที่พระอุโบสถ ระหว่างที่สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เดินจากตำหนักอรุณ มายังพระอุโบสถ มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก มารอสักการะ และทันทีที่สมเด็จพระมหามุนีวงศ์เดินผ่าน พุทธศาสนิกชนทุกคนต่างพร้อมใจก้มลงกราบ ขณะที่บางคนก็นำพวงมาลัยดอกไม้ถวาย โดยหลังจากสมเด็จพระมหามุนีวงศ์เข้าไปยังพระอุโบสถแล้ว พุทธศาสนิกชนต่างนั่งเฝ้ารอเข้าสักการะและร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน จนเต็มโดยรอบพระอุโบสถ ขณะเดียวกัน วัดราชบพิธฯ ได้จัดโรงทานเลี้ยงพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงานด้วย
กระทั่งเวลาประมาณ 09.40 น. พิธีได้เสร็จสิ้น สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เห็นว่ามีพุทธศาสนิกชนมารอสักการะจำนวนมาก จึงเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนบางส่วนที่มาเฝ้ารอ ได้เข้าสักการะ จากเดิมที่ในช่วงเช้าจะไม่มีกำหนดการให้สักการะ ทั้งนี้ ได้ให้พุทธศาสนิกชนเข้าสักการะอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาประมาณ 30 นาที จึงกลับไปยังตำหนักอรุณ เพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 ที่มีขึ้นในเวลา 18.00 น. ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
ในเวลา 12.00 น. สำนักพระราชวังยุติการจำหน่ายบัตรให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ขณะเดียวกัน พระเถรานุเถระที่เข้าร่วมในพระราชพิธีครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทย ทยอยเดินทางมาถึง ประกอบไปด้วย คณะกรรมการมหาเถรสมาคม รวม 18 รูป อาทิ สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดเทพศิรินทราวาส สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชยญาติการาม สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา พระพรหมเมธาจารย์ วัดบูรณศิริยามาตยาราม พระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดปากน้ำ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าคณะใหญ่และเจ้าคณะภาค ทั้งฝ่ายธรรมยุต และมหานิกาย รวม 20 รูป เจ้าคณะจังหวัด ฝ่ายมหานิกาย 76 รูป เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุต 58 รูป รวมทั้งสิ้น 171 รูป
...
เวลา 16.20 น. สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ออกจากตำหนักอรุณ เดินทางมายังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยระหว่างเดินจากตำหนักมาที่หน้าพระอุโบสถเพื่อขึ้นรถยนต์ มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากมารอสักการะ ขณะที่ข้างพระอุโบสถวัดราชบพิธฯ วัดได้นำจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่มาติดตั้งเพื่อให้คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์รับชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 ในครั้งนี้ และทันทีที่รถของสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เทียบประตูเกยหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พุทธศาสนิกชนจำนวนมากที่มารอรับ เพื่อสักการะต่างเปล่งเสียงสาธุการดังกึกก้อง
กระทั่งเวลา 18.34 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังวัดพระศรีรัตน-ศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนท้ายพระที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย แล้วทรงประเคนผ้าไตรแด่พระสงฆ์ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม เมื่อพระสงฆ์ออกไปครองผ้าเสร็จแล้ว กลับเข้ามานั่งยังอาสนสงฆ์ ตามลำดับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงศีล สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล
จบแล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯให้อาลักษณ์ กองอาลักษณ์ และเครื่องราช อิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ่านประกาศกระแสพระราชโองการ สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
จากนั้นสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ที่ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว เสด็จไปประทับที่อาสนสงฆ์ซึ่งปูลาดไว้ด้านหน้า สมเด็จพระวันรัต กล่าว สงฺฆราชฏฺฐปนานุโมทนา สมเด็จพระธีรญาณมุนี นำสวด โส อตฺถลทฺโธ กรรมการมหาเถรสมาคม ท่ามกลางพระสงฆ์ในมณฑลพิธี สวดรับพร้อมกัน
...
สมเด็จพระสังฆราชเสด็จจากอาสนสงฆ์กลางพระอุโบสถไปประทับ ณ อาสนะ ซึ่งปูลาดไว้ข้างพระแท่นเศวตฉัตร หัวอาสนสงฆ์สังฆมณฑล กรรมการมหาเถรสมาคมตามไปนั่งที่อาสน์สงฆ์สังฆมณฑลพร้อมแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯถวายน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏแด่สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ถวายพระสุพรรณบัฏ พระตราตำแหน่ง พัดยศ เครื่องสมณศักดิ์ และขณะสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ถวายน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ พระสงฆ์ในสังฆมณฑลจะได้เจริญชัยมงคลคาถา โหรหลวงลั่นฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ เจ้าพนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ พระสงฆ์ทั่วราชอาณาจักรชุมนุมในพระอุโบสถเจริญชัยมงคลคาถา และย่ำระฆัง
เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเครื่องสมณศักดิ์ แด่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ในสังฆมณฑลตามลำดับแล้ว ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก จบแล้ว สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปประทับ ณ อาสนสงฆ์กลางพระอุโบสถ รับเครื่องสักการะ โดยมีพระมหาเถระฝ่ายคณะธรรมยุตและฝ่ายมหานิกาย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายเครื่องสักการะ ตามด้วยประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานศาลฎีกา เข้าถวายเครื่องสักการะแด่สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ตามลำดับ จากนั้น สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จออกจากพระอุโบสถทางทวารกลาง ทรงรับเครื่องสักการะของบรรพชิตญวนและจีน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่พระราชพิธีสถาปนา สมเด็จพระสังฆราช ดำเนินไปถึงช่วงที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายน้ำมหาสังข์ทักษินาวรรต สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ทุกวัดไทยทั้งในประเทศและทั่วโลก กว่า 40,000 วัด ได้เจริญชัยมงคลคาถา ย่ำระฆัง 3 ลา และตีระฆังอีก 20 ครั้ง ตามความเชื่อว่า เป็นการประกาศต่อเทพยดาฟ้าดินว่า ได้มีการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แล้ว
...
สำหรับพระนามเต็มที่จารึกในพระสุพรรณบัฏ ของสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 คือ “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สุขุมธรรมวิธานธำรง สกลมหาสังฆปริณายก ตรีปิฎกธราจารยอัมพราภิธานสังฆวิสุต ปาพจนุตตมสาสนโสภณ กิตตินิรมลคุรุฐานียบัณฑิต วชิราลงกรณนริศรปสันนาภิสิตประกาศ วิสารทนาถธรรมภูตาภิวุฒ ทศมินทรสมมุติปฐมคณาธิเบศร ปวิธเนตโยภาสวาสนวงศวิวัฒ พุทธบริษัทคารวสถาน วิบูลสีลสมาจารวัตรวิปัสนสุนทร ชินวรมหามุนีวงศานุศิษฎ บวรธรรมบพิตร สมเด็จพระสังฆราช” เสด็จสถิต ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ เครื่องยศสมณศักดิ์ของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประกอบด้วย พระตราตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช พัดยศ ไตรแพร บาตรพร้อมด้วยฝาและเชิงบาตรถมปัด พานพระศรี (มังสี 2 ตลับพู่ 1 จอก 1 ซองพลู 1 พร้อมพลู) ขันน้ำพานรองมีจอก ถาดสรงพระพักตร ขันน้ำพานรองมีจอก คลุมตาดรูปฝาชี หีบตราจักรี (หีบหลังเจียด) หีบพระโอสถหลังนูน คนโท กาทรงกระบอก หม้อลักจั่น ปิ่นโตกลม 4 ชั้น สุพรรณราช และสุพรรณศรี
ภายหลังจากพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเสร็จสิ้น สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จกลับมายังวัดราชบพิธฯ ด้วยรถพระประเทียบซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯพระราชทานถวาย โดยมีพุทธศาสนิกชนเฝ้ารอรับเสด็จตลอดสองข้างทางที่เสด็จกลับ เมื่อถึงยังวัดราชบพิธฯ เสด็จเข้าสู่พระอุโบสถวัดราชบพิธฯ พระสงฆ์ 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธอังคีรส ประธานพระอุโบสถ และทรงจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย ถวายสักการะพระอัฐิ-อัฐิ อดีตเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ
ระหว่างนั้น ข้าราชการสำนักงานพระพุทธ ศาสนาฯ เชิญพระสุพรรณบัฏ พัดยศ และเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ประดิษฐานบนม้าหมู่เคียงซ้าย ขวา พระอาสน์ พระพรหมมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ เฝ้าถวายเครื่องสักการะ กราบทูลแสดงภักดีจิต ในนามคณะสงฆ์วัดราชบพิธฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เฝ้าถวายเครื่องสักการะในนามคณะพุทธบริษัท คณะรัฐมนตรี ข้าราชการ ศิษยานุศิษย์เฝ้าถวายเครื่องสักการะ จากนั้นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงจากพระอาสน์ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ที่เจริญชัยมงคลคาถา พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ทรงกรวดน้ำ ประทานวโรกาสให้ช่างภาพฉายพระรูป และเสด็จขึ้นตามพระอัธยาศัย
พระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 13-15 ก.พ. วัดเปิดให้ถวายสักการะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วันละ 2 รอบ คือ เวลา 09.00-10.30 น. และเวลา 14.00-16.00 น. พร้อมแจกเหรียญตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ “ออป” และหนังสือพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชแก่ผู้ที่มาถวายสักการะ สำหรับเหรียญตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ จัดทำมาเพียง 20,000 เหรียญ เพื่อต้องการให้กับผู้ที่ศรัทธาเดินทางมาถวายสักการะต่อพระองค์ ยังวัดราชบพิธฯ เท่านั้น ไม่ได้ต้องการจัดทำมาเพื่อการพุทธพาณิชย์ ขณะเดียวกัน ผู้ที่จะเข้าสักการะสมเด็จพระสังฆราช ตามวันและเวลาดังกล่าว จะต้องมีการลงทะเบียนทุกคน
ในส่วนการเจริญชัยมงคลคาถาและการย่ำ ระฆังของวัดต่างๆ ที่มหาเถรสมาคมมีมติให้วัดไทยทั่วประเทศและทั่วโลกดำเนินการ เนื่องในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 นั้น ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ มีการย่ำระฆังในเวลา 19.14 น. ส่วนภายในพระอุโบสถ พระสงฆ์ร่วมกันสวดมนต์ ในบทสวดชยันโต โดยมีประชาชนที่มาร่วมในพิธีนั่งพนมมือพร้อมเปล่งวาจาสาธุการอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ พระครูมหาวราทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ร่วมย่ำระฆัง เป็นการน้อมรับสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 โดยมีพระสงฆ์และคณะแม่ชีร่วมกันสวดชยันโตภายในพระอุโบสถด้วย ขณะที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) พระลูกวัดเผยว่า มีอาการเข่าไม่มีแรงทั้ง 2 ข้าง จึงได้แต่ร่วมสวดชยันโตอยู่ภายในกุฏิ
เช่นเดียวกับที่อุโบสถวัดสุปัฏนารามวรวิหาร อำเภอเมืองอุบลราชธานี พระสงฆ์ในวัดร่วมประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและย่ำระฆัง มีนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.อุบลราชธานี นำข้าราชการและชาวอุบลราชธานี ร่วมพิธี ส่วนที่พุทธสถานวัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร อ.เมืองแพร่ พระโกศัยเจติยารักษ์ รองเจ้าคณะจังหวัดแพร่ ประธานฝ่ายสงฆ์ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.แพร่ ประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยข้าราชการ พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและย่ำระฆัง แสดงอนุโมทนาสาธุการ ในช่วงเวลาที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายนำพระมหาสังข์ทักษิณาวรรต แด่สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20
ที่พระอุโบสถวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและย่ำระฆัง ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีจำนวนมาก
ที่พระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมืองพิษณุโลก ค่ำวันเดียวกัน พระธรรมเสนานุวัตร รองเจ้าคณะภาค 5 เจ้าอาวาสวัดเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา ในพิธีสถาปนาสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อฺมพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จากนั้น ผวจ.พิษณุโลก ได้ย่ำระฆัง เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ
ที่วิหารหลวง วัดเจดีย์หลวง อ.เมืองเชียงใหม่ นายกฤษณ์ ธนาวณิช รอง ผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธาน ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและย่ำระฆัง เนื่องในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เช่นเดียวกับที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่ พระธรรมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดได้จัดพิธีเจริญชัยมงคลคาถา ลั่นระฆังพร้อมกับวัดอื่นๆ
ที่พระอุโบสถ วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง (ธรรมยุต) พระเทพมงคลนายก เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี นายชยาวุธ จันทร ผวจ.อุดรธานี นำหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงาน ร่วมทำพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและย่ำระฆัง 20 ครั้ง พร้อมๆกับการย่ำระฆังที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เช่นเดียวกับที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระศรีวิสุทธิเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดนครพนม นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผวจ.นครพนม พร้อมด้วย พุทธศาสนิกชน ร่วมในพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและย่ำระฆัง แสดงอนุโมทนาสาธุการ จากนั้นทางวัดจัดให้มีพิธีเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนมคืนสุดท้าย มีพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีนับหมื่นคน
ส่วนที่วิหารพระร่วงโรจนฤทธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร อ.เมืองนครปฐม มีการประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา และย่ำระฆัง 20 ครั้ง ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากร่วมพิธีที่ต่างยกมือท่วมหัวก่อนก้มลงกราบ