ภาพเปลวไฟกำลังมอดไหม้ โหมกระหน่ำโรงหนังสยามอย่างบ้าคลั่ง จนสุดท้ายต้องพังครืนลงมาพร้อมกับซากปรักหักพังกับเถ่าถ่านไม่มีชิ้นดี คนที่เสียใจ ที่สุดคงหนีไม่พ้นคนที่เริ่มก่อร่าง ปั้นสถานที่แห่งนี้มากับมือ ตั้งแต่เริ่มตอกเสาเข็มจนกระทั่งกลายเป็นแหล่งที่ฮิตที่สุดในใจกลางเมือง คือ ตระกูล “ตันสัจจา”...
นางสาวนันทา ตันสัจจา ประธานโรงหนังในเครือเอเพ็กซ์ สยาม สกาล่า และ ลิโด้ ย้อนอดีตพร้อมกับระบายความรู้สึกกับ “ไทยรัฐออนไลน์” ว่า แรกเริ่มเลยแถวนี้ไม่มีอะไรเลย มีเพียงบ้านเล็กๆอยู่เรียกได้ว่าเหมือนกับสลัมเลย ด้านตรงข้ามเป็นสวนฝรั่งและมีโรงแรมสยามอินเตอร์คอน มีรถเมล์ที่ผ่านแค่สายเดียว ตอนนั้นเราทำโรงหนังเฉลิมไทยอยู่ และ ทางบริษัท เซาท์อีทเอเชียก่อสร้าง ต้องการมาพัฒนาที่ดินแปลงนี้ ซึ่งเรียกว่าตำบลวังใหม่ ซึ่งทางบริษัทก็ได้ชักชวนคุณพ่อมาทำโรงหนัง ซึ่งทุกคนไม่เห็นด้วยและเห็นว่าเป็นเรื่องน่าขัน เพราะในตอนนั้นที่แถบนี้ไม่มีความเจริญ รถเมล์ก็ผ่านได้แค่สายเดียว เพราะตอนนั้นหัวใจหรือศูนย์กลางของกรุงเทพคือที่ “วังบูรพา”
แต่เราก็ไม่ย่อท้อตอนนั้นเราได้ทำสูจิบัตรขึ้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2509 เป็นวันเปิดให้บริการฉายหนังเป็นวันแรกและได้นำภาพยนต์เข้าฉายเรื่องแรก ชื่อเรื่อง “รถถังประจัญบาญ” ซึ่งระยะการเปิดให้บริการตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่โรงหนังได้ตายลงไปรวมเป็นระยะเวลาการก่อตั้งทั้งหมด 44 ปี
...
“ตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจเพราะเห็นตั้งแต่วันแรกที่ลงเสาเข็มเพื่อก่อสร้าง และเห็นการเจริญเติบโตของโรงหนังมาตลอด เปรียบได้เหมือนเด็กเล็กๆที่เราเห็นเค้ามาตั้งแต่เกิด รู้สึกผูกพัน โรงหนังนี้ได้ให้ทั้งความสุข เสียงหัวเราะ และน้ำตา แก่ผู้คนมาเป็นเวลานาน”
เรียกว่าเป็น “ศูนย์รวมความสุนทรีย์แห่งความบันเทิง” คนที่อายุ 40ไปขึ้นไปไม่มีใครที่ไม่รู้จักโรงหนังสยามแห่งนี้ และโรงหนังสยามนี้ก็เป็นที่มาของ “สยามสแควร์” อาจเป็นเพราะว่าตั้งชื่อตาม สูจิบัตรของโรงหนังสยามที่เราได้แจกไป เปรียบได้ว่าโรงหนังสยามถือเป็นต้นกำเนิดของย่าน สยามสแควร์ ณ ปัจจุบัน
ตระกูล “ตันสัจจา” ทุกคนมีความรักความผูกพันต่อโรงหนังสยามกันทุกคน เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้เกิดขึ้นมาคนในตระกูล “ตันสัจจา” ก็มีความรู้สึกว่าเหมือนกับสูญเสียลูกหลาน ในครอบครัวไปอีกคน โดยที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยลูกหลานได้เลยใน ขณะนั้น ได้แต่นั่งดูโทรทัศน์ติดตามข่าวความเสียหาย แต่ทำอะไรไม่ได้
ในความโชคร้ายของเราก็เกิดสิ่งที่ดีมาเหมือนกัน คือ การให้กำลังใจของลูกค้าเก่าๆ แฟนๆของโรงหนังที่ให้การสนับสนุนมาตลอด ซึ่งเป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้เราสู้ต่อไป จนตอนนี้เราตั้งปณิธานไว้ว่า “แม้จะมีคนมาดูคนเดียว ก็จะเปิดฉายให้ดู” อย่างน้อยก็เป็นการตอบแทนทุกคำเป็นห่วงทุกกำลังใจที่มีให้กับโรงหนังเรา และ เราก็ต้องการเห็นภาพความสุขเดิมๆ ที่มีวัยรุ่น พี่น้องประชาชน มีความสุขเมื่อเดินออกมาจากโรงหนังสยามเราต้องการเห็นภาพเหล่านั้นกลับคืนมาดังเดิม อย่างน้อยในวันนี้ก็มีคนเริ่มกลับมา ณ ที่แห่งนี้อีก ถึงจะไม่มากเท่าที่ผ่านมาแต่นี้ก็เป็นกำลังใจให้เรา เราเห็นภาพในวันนี้เหมือนเป็นแรงกำลังให้เราสู้ต่อไป ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ถูกทอดทิ้ง
ขณะนี้ได้มีแฟนหนังเก่าและใหม่ แสดงความเสียใจและให้กำลังใจกับเราจำนวนมาก ร้องขอให้โรงหนังนำหนังเรื่อง Cinema Paradiso ซึ่งเป็นหนังชีวิตเด็กคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องฉายหนัง แต่โรงหนังกำลังจะถูกรื้อ ทำให้เขาห่วงหาอาทร หนังเรื่องนี้จะเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันที่โรงหนังสยามเกิดความสูญเสียไปแล้ว จึงตัดสินใจเปิดให้บริการแฟนหนัง โดยเปิดฉายหนัง 5 เรื่อง เป็นปฐมฤกษ์รอบเที่ยง 12.00น. ของวันที่ 24 พฤษภาคม เรื่องโรบินฮู้ด (Robin Hood) ไอรอนแมน (Iron Man) อาโคร่า (Agora) วูแมน, อะกัน แอนด์ อะนูดเดิล ช็อป (A Woman, A Gun and a Noodle Shop) และ บรุ๊คลิน ไฟเนสท์ (Brooklyn's Finest) จึงขอวิงวอนให้แฟนหนังและผู้ที่เห็นใจเราได้มาให้การสนับสนุนด้วย
“อยากฝากไปบอกทุกๆคนที่ให้กำลังใจว่า รู้สึกดีใจซาบซึ้งและจะตั้งใจให้โรงหนังสยามกลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง” น้ำเสียงทิ้งท้าย ผสมเสียงแห่งความปิติ ของ นันทา ตัวแทนตระกูล “ตันสัจจา”