ขอเป็นกำลังใจฟื้นฟู-พัฒนาเพื่อขวัญที่ดีร่างกายเข้มแข็งนายกฯปล่อยคาราวานลงใต้

“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงห่วงใยน้ำท่วมในภาคใต้ พระราชทานลายพระหัตถ์ถึงพสกนิกรคนไทยความว่า “ด้วยความรักและห่วงใย ขอเป็นกำลังใจในการร่วมกันฟื้นฟูและพัฒนาเพื่อขวัญที่ดี จิตใจและร่างกายที่เข้มแข็ง นำมาซึ่งความสุขและมั่นคงของชาติ” พร้อมรับสั่งให้รัฐบาลนำโครงการพระราชดำริรัชกาลที่ 9 ไปใช้ปฏิบัติ “บิ๊กตู่” ร่วมปล่อยคาราวานช่วยคนน้ำท่วม ย้ำเจ้าหน้าที่อย่าไปสร้างปัญหา “บิ๊กป๊อก”สั่งทุกฝ่ายรับมือมรสุมเข้ากรุง 15-16 ม.ค.นี้ ในขณะที่หลายอำเภอของสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช ติดชายฝั่งทะเลยังมีสภาพจมบาดาล สนามบินเมืองคอนเปิดแล้ว ส่วนรถไฟไปได้แค่สถานีชุมทางรถไฟทุ่งสง คาดอีก 7 วัน เปิดให้บริการ

อุทกภัยในหลายจังหวัดของภาคใต้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ล่าสุดแม้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับชายฝั่งทะเลยังคงมีน้ำท่วมขังสูง ในขณะที่หลายหน่วยงานเร่งเข้าไปให้การช่วยเหลือฟื้นฟูเพื่อให้ชาวบ้านกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิม

ในหลวงทรงห่วงน้ำท่วมใต้

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ม.ค. ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระมหากรุณาธิคุณให้ตนในฐานะนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมด้วยองคมนตรี เข้าเฝ้าฯ เป็นการส่วนพระองค์ เพื่อถวายรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งพระองค์ทรงห่วงใย โดยการนำเสนอด้วยพรีเซนเตช่ันของกระทรวงมหาดไทย ที่ รมว.มหาดไทย ในฐานะ ผอ.ศูนย์แก้ไขปัญหาส่วนกลาง นำอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และคณะ เข้าถวายรายงานตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน พระองค์ท่านทรงรับสั่งด้วยความห่วงใยหลายเรื่อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ทั้งที่อยู่อาศัย การประกอบอาชีพ เกษตรกร ชาวประมง ปศุสัตว์ คล้ายกับเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ที่เราได้ประสบกันมา ทรงรับสั่งให้ทำให้ดีที่สุด บูรณาการลดความซ้ำซ้อน ดูแลให้ทั่วถึง ขณะเดียวกัน ให้ดำเนินการคู่ขนานกับการเตรียมแผนงานระยะยาวแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืนในภาคใต้ นอกจากนี้ยังทรงรับสั่งถึงแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่รับสั่งไว้หลายประการขอให้นำมาทบทวนปฏิบัติ โดยจะมีการประชุมศูนย์ส่วนกลางร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามกระแสรับสั่งทั้งหมด

...

พระราชทานลายพระหัตถ์ถึงคนไทย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องสำคัญอีกเรื่อง ขออนุญาตกล่าวให้ทุกคนทราบว่าพระองค์ทรงพระราชทานลายพระหัตถ์มาถึงประชาชนทุกคนว่า “ด้วยความรักและห่วงใย ขอเป็นกำลังใจในการร่วมกันฟื้นฟูและพัฒนาเพื่อขวัญที่ดี จิตใจและร่างกายที่เข้มแข็ง นำมาซึ่งความสุขและมั่นคงของชาติ” และทรงลงพระปรมาภิไธยลงมาใต้ลายพระหัตถ์ด้วย แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงห่วงใยทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทุกภาคส่วนที่ลงไปช่วยกัน และพระราชทานกำลังใจให้ทุกคนด้วย ให้อดทนและเข้าใจว่าเราจะต้องอยู่กับน้ำอย่างไร ซึ่งตนตีความหมายได้ว่า เราจะต้องเรียนรู้เพราะสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง พระองค์ท่านทรงรับสั่งมา เพราะฉะนั้นเราจะต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ในวันข้างหน้าอีก ดังนั้น เราจะต้องเตรียมการให้พร้อม

ทรงชี้แนะนำแนวคิด ร.9 มาใช้

นายกฯ กล่าวว่า เราต้องดูแลระบบการระบายน้ำ ทั้งโครงการพระราชดำริที่มีอยู่ในหลายจังหวัดที่ยังไม่ได้นำมาดู สิ่งก่อสร้างกีดขวางทางน้ำ ทั้งถนน ที่พักอาศัย ต้องดูให้รอบคอบว่าทำอย่างไรให้เดือดร้อนน้อยที่สุด เพื่อการระบายน้ำลงสู่ทะเลมากที่สุด ทั้งหมดอยู่ในแผนบริหารจัดการน้ำอยู่แล้ว ต้องปรับการทำงานให้เร็วขึ้น นอกจากนี้พระองค์ท่านทรงรับสั่งด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระ ราชทานแนวทางไว้หลายอย่าง ในช่วง 70 ปีครองราชย์ จึงอยากให้นำมาใช้และปฏิบัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรง ศึกษาค้นคว้าและทดลองมาหมดแล้ว รัฐบาลนี้จะ น้อมนำรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมดำเนินการต่อไปให้เป็นไปตามกระแสรับสั่งที่รับสั่งลงมา อย่างสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ทรงพระราชทานกระแสรับสั่งไว้ว่า ถ้าทุกข์ก็ทุกข์ไปด้วยกัน สุขก็สุขไปด้วยกัน ในปี 2554 พระองค์ก็ทรงอดทนกับน้ำท่วมเหมือนกัน ทรงช่วยเหลือประชาชน และพระองค์ก็ไปไหนมาไหนไม่ได้เช่นกัน และทรงเล่าให้ฟังว่าลำบากไปด้วย วันนี้เราน่าจะแก้ปัญหาไปได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ซึ่งทุกภาคส่วนและสถาบันพร้อมสนับสนุนรัฐบาลในทุกกรณี โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชน

รับสั่งให้ทหารองครักษ์ลงช่วยอีกแรง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า วันนี้ได้ทรงพระราชทานให้หน่วยบัญชาการถวายรักษาความปลอดภัยลงไปช่วยเหลือร่วมกับทหาร ขณะเดียวกันการช่วยเหลือดูแลผู้บาดเจ็บและสูญเสีย พระองค์ท่านทรงรับสั่งว่า ถ้ามีอะไรที่จะทรงพระราชทานความช่วยเหลือได้ก็จะช่วยควบคู่ไปกับการช่วยเหลือของรัฐบาล สรุปว่าจะเดินไปด้วยกันทั้งหมด ทั้งสถาบัน รัฐบาล และประชาชน ข้าราชการต้องเข้มแข็ง และประพฤติตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ถือว่าเป็นสิริมงคลเป็นกำลังใจกับทุกคน พระองค์ท่านทรงทราบดีว่าทุกคนเหน็ดเหนื่อย เสียสละ อดทนในการช่วยเหลือ ประชาชนก็เช่นกันต้องอดทนกับความยากลำบาก แต่ถ้าเราไม่แก้ไขอะไรเลย ยังทำลายป่า สร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ ไม่ทำตามกฎหมายผังเมือง กฎหมายการ ควบคุมอาคาร จะกลายเป็นปัญหาทั้งสิ้น จะสั่งการอีกครั้งในที่ประชุม ครม. ทำอย่างไรให้ประชาชนรู้ว่าจุดใดคือทางน้ำไหลทุกพื้นที่ ถ้ากำหนดแล้วทุกคนต้องระวัง อย่าก่อสร้างอะไรผิดระเบียบ ผิดกฎหมาย ในเส้นทางนั้นๆ ไม่เช่นนั้นทุกคนจะทำอะไรตามใจฉันจนแก้ไขไม่ได้ เราจะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้ ทั้งเรื่องการรักษาป่า ฟื้นฟู ทำระบบระบายน้ำ ซึ่งต้องใช้งบมหาศาล หลายเรื่องต้องเริ่มใหม่

“บิ๊กตู่” ปล่อยขบวนคาราวานสู่ภาคใต้

ต่อมาเวลา 09.20 น. ที่พระลานพระราชวังดุสิต พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี พล.อ.ธีรชัย นาควานิช องคมนตรี และนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ร่วมกันปล่อยขบวนคาราวาน “รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการช่วยเหลือประชาชน” จำนวนกว่า 900 คัน พร้อมจัดทีมนักศึกษาอาชีวะ และบุคลากรทางการศึกษาประมาณ 300 ทีม เดินทางไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ระหว่างวันที่ 14-21ม.ค.นี้

...

กำชับอย่าไปสร้างปัญหาเพิ่ม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทำพิธีปล่อยขบวนคาราวานว่า เป็นการแสดงพลังของคนไทยที่จะช่วย เหลือดูแลทุกข์สุขประชาชน น้ำใจที่เรามีให้ต่อกัน วันนี้เราอยู่ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์คือลานพระราชวังดุสิต ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประทับอยู่บริเวณนี้ เป็นเรื่องของการบูรณาการที่พระองค์ท่านได้ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีมาร่วมตรงนี้ด้วย สิ่งที่อยากฝากคือขอให้ทุกคนนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน และพระบารมีของพระองค์ท่านไปให้พี่น้องชาวใต้ที่ได้รับความเดือดร้อน และขอให้ทำหน้าที่เป็นทูตปรองดองของรัฐบาล ไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความแตกต่างในเรื่องอัตลักษณ์ สิ่งที่ห่วงมากที่สุดคือการที่พวกเราต้องปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่เหมือนกับที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับสั่งไว้ว่าเราต้องเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ฉะนั้นเราต้องเข้าใจอัตลักษณ์ประชาชนในจังหวัดภาคใต้ อย่าทำอะไรที่ผิดเพี้ยน และอย่าทำให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาโดยเด็ดขาด ทำตัวให้คนใต้รักเรา เพราะจะทำให้การปรองดองนั้นไปทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะกิจ–กรรมนี้ที่รัฐบาลทำให้เกิดขึ้น การปรองดองคือการที่ทุกคนช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน มีจิตสำนึกเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่สร้างปัญหาใหม่ ไม่มีแบ่งแยกไม่ว่าเชื้อชาติใดก็คนไทยทั้งสิ้น เราต้องรวมพลังความรัก ความสามัคคีทั้ง 70 ล้านคนให้ได้

วอนทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้น้ำท่วม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญขอให้ทุกคนสำนึกว่า พระองค์ท่านทรงห่วงจริงๆ ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีมาร่วมและจะหารือประสานกันในการช่วยเหลือ และขอให้ช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช รัฐบาลก็จะนำมาปฏิบัติ ซึ่งหลายอย่างควรที่จะปฏิบัติได้นานแล้ว ปัญหาของเรามันเยอะมาก เราต้องแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นปัญหาอีก แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เว้นแต่พวกเราร่วมมือกัน ซึ่งการแก้ไขปัญหาน้ำ รัฐบาลต้องใช้มาตรการที่เข้มข้น รวมถึงทุกคนต้องรู้เส้นทางน้ำผ่านว่าอยู่ตรงไหนบ้างในทุกจังหวัด คนที่อยู่บริเวณนั้นต้องระมัดระวังตัวเอง ถ้าทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินการ แต่รัฐบาลจะพยายามไม่ให้ใครเดือดร้อนมากที่สุด

...

พระราชทานถุงยังชีพช่วยผู้ประสบภัย

ต่อมาเวลา 20.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวผ่านในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงห่วงใยประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผู้แทน พระองค์อัญเชิญถุงยังชีพพระราชทานสิ่งของ พระราชทาน และชุดธารน้ำใจสภากาชาด สำหรับช่วย เหลือผู้ประสบภัย อีกทั้งทรงห่วงใยพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะที่ความช่วยเหลือของทางราชการ เป็นไปด้วยความยากลำบาก เข้าไปยังไม่ถึง หรือเข้าถึงช้า ส่วนการจะส่งเงินไป ประชาชนก็ไม่สามารถนำเงินไปซื้อข้าวของได้ จะส่งข้าวสารไปก็ไม่มีไฟ ไม่มีน้ำในการหุงต้ม จึงทำให้ลำบาก ขณะเดียวกัน รัฐบาลพยายามช่วยเหลือ โดยบริจาคข้าวชนิดพร้อมรับประทานไปแจกจ่ายในพื้นที่บ้างแล้ว ส่วนกรณีคณะองคมนตรีอัญเชิญพระกระแสรับสั่งฯ ในเรื่องอุทกภัยภาคใต้ เดินทางเข้ามาหารือกับนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐบาลก็รับแนวทางพระราชทานดังกล่าวนั้นใส่เกล้าใส่กระหม่อม เพื่อนำไปดำเนินการต่อไป

รับสั่งรัฐบาลดูแลประชาชนให้รวดเร็ว

ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เป็นประธานการประชุม บกปภ.ช. เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ โดยมีนายพลากร สุวรรณรัฐ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ และ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช องคมนตรี เข้าร่วม พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า เมื่อคืนวันที่ 12 ม.ค. ตนพร้อม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดี ปภ. ได้เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อกราบทูลเรื่องอุทกภัยที่เกิดในพื้นที่ภาคใต้ ทรงมีรับสั่งให้เร่งดูแลประชาชนที่เดือดร้อนจากอุทกภัยให้เร็วที่สุด และให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี ให้นำสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงให้ไว้ไปประยุกต์ใช้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งด้วยว่าท่านจะให้หน่วยทหารจากหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยมาช่วยดูแลพ่อแม่พี่น้องที่ลำบาก

...

เตรียมยกเครื่องระบบเตือนภัยใหม่

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวอีกว่า พระองค์ยังได้พระราชทานให้องคมนตรีมาร่วมรับทราบสถานการณ์ว่าเราทำอะไร อย่างไร เพื่อที่ท่านจะได้มีข้อมูล เพื่อพระราชทานความช่วยเหลือได้ ส่วนการเตือนภัยเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลัก ครั้งนี้แจ้งเตือนหมดทุกแห่งแล้ว อุปกรณ์การเตือนภัยเราใช้ระบบหอกระจายข่าว มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านติดต่อมายังจังหวัดผ่านวิทยุสื่อสาร แต่จะพัฒนาระบบเตือนภัยให้ดีขึ้นในอนาคต อาจต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เมื่อถามว่าถึงกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ทราบว่าจะมีน้ำท่วมที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ไม่ได้มีการแจ้งเตือน พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า มีการแจ้งเตือนไปแล้ว สื่ออย่าพูดส่งเดช ปัญหาอุทกภัยใน อ.บางสะพานเกิดขึ้นทุกปี เพราะมีภูเขาสูงชัน อีกด้านเป็นทะเล ทำให้น้ำไหลบ่า จะเรียกว่าน้ำท่วมไม่ได้เพราะเป็นน้ำไหลบ่ามาจากภูเขาลงไปที่ต่ำด้วยความเร็ว เป็นพื้นที่บังคับ ประชาชนอยู่ขวางน้ำถนนก็อยู่ตรงนี้ไปที่อื่นไม่ได้

สั่งทุกฝ่ายรับมือน้ำท่วมกรุงเทพฯ

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวด้วยว่า วันที่ 15-16 ม.ค.นี้ จะมีมรสุมเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ บกปภ.ช.ได้แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมการรับมือไปแล้ว ให้แต่ละพื้นที่สำรวจว่าพื้นที่ใดเป็นพื้นที่เสี่ยง รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติ และขั้นตอนการฟื้นฟู ทราบว่ามรสุมที่เข้ามาจะมีผลขึ้นมาถึงภาคกลางตอนล่าง ในภาคตะวันออกจะได้รับผลกระทบบ้างตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ส่วนการเยียวยาพืชผลทางการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ดูแลการจ่ายเงินเยียวยาต้องทำตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง ส่วนจะมีการช่วยเหลือเพิ่มเติมอย่างไรเป็นสิ่งที่นายกฯจะต้องหารือ รวมถึงความเสียหายของบ้านเรือนก็เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง ขณะนี้ประชาชนช่วยกันบริจาคเข้ามา รัฐบาลจะนำเงินส่วนนี้มาช่วยเหลือซ่อมแซม รวมถึงสนับสนุนกำลังคน โดยมีกำลังทหารเป็นกำลังหลักที่จะบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน

นายกฯนำทีมรับน้ำใจไทยช่วยใต้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า วันที่ 15 ม.ค. รัฐบาลจะจัดงาน “ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้” ระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตั้งแต่เวลา 18.00-20.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี โดยจะมีการถ่ายทอดสด นายกฯ รองนายกฯ คณะ รัฐมนตรี และศิลปินดารา นักกีฬาชื่อดัง อาทิ ตู่-นันทิดา แก้วบัวสาย น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์ ปีโป้-สิโรจน์ ฉัตรทอง จะมาร่วมนั่งรับบริจาค ที่เตรียมไว้ 25 คู่สาย ขณะที่นายธงไชย แมคอินไตย์ หรือเบิร์ด แสดงความจำนงบริจาคเงินไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท ด้วย โดยเงินที่ได้ครั้งนี้จะนำไปรวมกับกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มียอดบริจาคแล้ว 15 ล้านบาท ยืนยันจะใช้จ่ายอย่างรัดกุมตรวจสอบได้ นอกจากนี้ ในรายการดังกล่าว จะมีการรายงานสถานการณ์ล่าสุดรวมถึงผลกระทบต่างๆ ให้ประชาชนได้เห็นด้วย การจัดกิจกรรมครั้งนี้ ทำแบบประชารัฐ แสดงให้เห็นว่าแม้คนไทยจะมีความแตกต่างทางความคิด แต่เมื่อเจอปัญหาพร้อมมองข้ามสิ่งเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือกัน

ปลัด สปน.เผยยอดบริจาคพุ่ง 20 ล้าน

นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.มีคำสั่งให้สำนักนายกรัฐมนตรี จัดตั้งศูนย์บริจาคเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ และเปิดรับบริจาคเงินเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรีผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบ รัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-06895-0 ชื่อบัญชีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเปิดรับตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. จนถึงวันที่ 15 ม.ค. มียอดบริจาคแล้วทั้งสิ้น 20 ล้านบาท ขณะ เดียวกันมียอดคงเหลือจากปี 2554 อีก 303 ล้านบาท

เตรียมรับมือน้ำท่วมระลอกสอง

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ระนอง ปัตตานี และนราธิวาส ยังคงมีสถานการณ์ใน 8 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร กระบี่ และ ประจวบคีรีขันธ์ รวม 76 อำเภอ 455 ตำบล 3,672 หมู่บ้าน ฝนตกในภาคใต้ลดลง ทำให้สถานการณ์คลี่คลายและเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ช่วงวันที่ 14-19 ม.ค. มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มขึ้น และคลื่นลมมีกำลังแรง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ เสี่ยงภัย และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมรับมืออุทกภัยและดินถล่ม

ส่งทีมอาชีวะช่วยฟื้นฟู

นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ระดมจัดเตรียมอาชีวะอาสา ทีมศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix It Center) ร่วมคาราวานไปกับ “รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาช่วยเหลือ ประชาชน : อาชีวะบริการ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้” เพื่อไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังน้ำลด โดยกำหนดจัดตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน 200 ศูนย์ มีนักเรียน นักศึกษาและคณะครู ศูนย์ละ 30 คน รวม 6,000 คน จากสถานศึกษาต่างๆทั่วประเทศ ให้บริการ การช่วยเหลือเรื่องของการอพยพขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้กลับเข้าบ้านเรือน พื้นที่หลังน้ำลดลง ซ่อมแซมเครื่องใช้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตรต่างๆ โดยจัดให้มีรถบริการเคลื่อนที่ และการซ่อมแซมฟื้นฟูบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย สถานที่ราชการที่ได้รับความเสียหาย ในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย

เร่งฟื้นฟูบางสะพาน

ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชาวบ้านเริ่มเข้าทำความสะอาดบ้านเรือนที่ถูกน้ำป่าพัดเอาดินโคลนและเศษไม้มาทับถม โดยพบว่าข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมทั้งรถยนต์ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายจำนวนมาก นายบรรยงค์ วงศ์สกุล ผอ.วิทยาลัย การอาชีพบางสะพาน นำนักศึกษา ครู อาจารย์ จัดหน่วยเคลื่อนที่ออกให้ความช่วยเหลือซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องมือทางการเกษตรให้กับผู้ประสบภัย ส่วนเส้นทางสายใต้ซึ่งถูกน้ำพัดขาด 2 จุดคือที่คลองหนองหญ้าปล้อง กม.ที่ 365 และสะพานคลองวังยาว กรมทางหลวงติดตั้งสะพานเบลี่ย์สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้แล้วตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 12 ม.ค. มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชม. ขณะเดียวกันก็เกิดดินยุบตัวเป็นหลุมขนาดใหญ่บนถนนเพชรเกษมขาล่อง กม.415+225 หมู่ 8 ต.ทรายทอง อ.บางสะพาน เจ้าหน้าที่ต้องทำทางเบี่ยงและติดตั้งสัญญาณไฟเตือนภัยให้ประชาชนทราบ นอกจากนี้ยังพบว่าชาวบ้าน ต.ร่อนทอง มีสภาพถูกตัดขาดจากโลกภายนอก หลังสะพานถูกน้ำพัดขาด 3 จุด ไม่มี ไฟฟ้าใช้ เดือดร้อนนับหมื่นคน ส่วน รพ.บางสะพาน ซึ่งถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายหนัก ล่าสุดสามารถกลับมาเปิดบริการรักษาประชาชนได้แล้ว

ตามล่าจระเข้ยักษ์ “นาเดีย”

จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าหน้าที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราชได้เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 หรือ “ทุ่งท่าลาด” อ.เมือง นครศรีธรรมราช ซึ่งมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่กว่า 1,257 ไร่ เพื่อเร่งค้นหาจระเข้ยักษ์ชื่อ “นาเดีย” ซึ่งหลุดไปจากบ่อเลี้ยงว่ายังอยู่ในพื้นที่หรือไม่ รวมทั้งส่งชุด “ไกรทอง” ออกไล่ล่า เพราะเกรงจะทำร้ายชาวบ้าน แต่ ยังไม่พบวี่แวว ต่อมาในตอนสายนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.นครศรีธรรมราช นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือแนวทางการสร้างฝายขนาดเล็กเพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนจากน้ำท่วมและกักเก็บน้ำไว้ใช้ในยามหน้าแล้ง โดยที่ประชุมเห็นด้วยกับให้มีการสร้างฝายขนาดเล็กในพื้นที่ 23 อำเภอ จำนวน 600 แห่ง

อีก 7 วันเปิดเดินรถไฟสายใต้

ที่สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟ แห่งประเทศไทย ได้จัดขบวนรถพิเศษลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ลงพื้นที่ภาคใต้ แต่ขบวนรถเดินทางมาได้เพียงแค่สถานีชุมทางทุ่งสงเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงต้องขนถ่ายถุงยังชีพใส่รถบรรทุกส่งไปยังจุดต่างๆเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเป็นการเบื้องต้น จากนั้นนายวุฒิชาติได้เดินทางไปตรวจเส้นทางรถไฟที่ถูกน้ำพัดเสียหายในหลายจุด พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมบำรุงทางให้แล้วเสร็จเพื่อเปิดเดินรถ โดยนายวุฒิชาติกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งกู้เส้นทางภาคใต้ คาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7 วัน ใช้งบ ประมาณราว 20 ล้านบาท ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวในจุดเสี่ยง ในเส้นทางสายใต้ ได้เตรียมแผน เสนอคือการแก้ไขปัญหาช่องลอดทางน้ำ ทั่วเส้นทางภาคใต้ ซึ่งต้องใช้งบประมาณราว 770 ล้านบาท

หลายอำเภอยังจมบาดาล

สำหรับ จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดยังมีน้ำท่วมขังเป็นวงกว้างในพื้นที่ อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.เมืองบางส่วน เนื่องจากเป็นพื้นที่ราบต่ำรับน้ำจากพื้นที่อื่นก่อนจะไหลออกสู่ทะเล ชาวประมงร่วมกันนำเรือประมงพื้นบ้านมาช่วยเร่งผลักดันน้ำลงทะเลอย่างเต็มที่ ซึ่งก็จะช่วยลดระดับน้ำลงได้ระดับหนึ่ง และคาดว่ายังต้องใช้เวลา อีกหลายวันในการผลักดันน้ำลงทะเล ส่วนเส้นทางการเดินรถไฟสายใต้ พบว่ายังไม่สามารถเปิดให้บริการ ได้ตลอดสาย เนื่องจากทางรถไฟที่ได้รับความเสียหาย หลายจุดยังซ่อมไม่เสร็จ ทำให้รถไฟล่องใต้ทุกขบวนจาก กทม.จะมาสิ้นสุดที่สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง แล้วถ่ายผู้โดยสารขึ้นรถบัสไปยังสถานีหาดใหญ่ เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานีปลายทาง

สนามบินนครศรีฯ พร้อมเปิดให้บริการ

นายสุขสวัสดิ์ สุขวรรณโณ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 13 ม.ค. ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ได้ประกาศเปิดให้บริการตามปกติอย่างเป็นทางการ หลังจากได้ซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมเสร็จทั้งหมดแล้ว ส่วนสายการบินจะกลับมาให้บริการตามปกติเมื่อไหร่คงต้องสอบถามจากทางสายการบินเอง เนื่องจากที่ผ่านมาได้ปรับเปลี่ยนไปขึ้นลงที่สนามบินใกล้เคียง และยังไม่ได้ปรับ เปลี่ยนให้ผู้โดยสารกลับมาใช้บริการที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชได้ทัน ทางสายการบินเองจะเป็นผู้แจ้งให้ผู้โดยสารทราบต่อไปว่าจะกลับมาให้บริการได้ในเที่ยวบินไหน ส่วนผลกระทบที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วมยังไม่ได้ประเมินว่าเป็นเท่าไหร่ คงต้องรอพิจารณาในรายละเอียดก่อนถึงจะทราบความเสียหายที่ชัดเจน “ปกติท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชจะมีสายการบินให้บริการ คือ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ สายการบินนกแอร์ และสายการบินไทยแอร์เอเชีย รวม 26 เที่ยวบินต่อวัน โดยเที่ยวเช้าสุดตามตารางบินของสายการบินจะถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ประมาณ 07.00 น. เป็นเที่ยวแรก”

ครูหวั่นกระทบสอบโอเน็ต

จ.สุราษฎร์ธานี ยังมีน้ำท่วมหนักในพื้นที่ อ.พุนพิน เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากพื้นที่ต่างๆ ก่อนจะไหลออกสู่ทะเล ส่วนพื้นที่ อ.เคียนซา มี น้ำท่วมขังในที่ลุ่ม บ้านเรือนราษฎร โรงเรียนหลายแห่งยังมีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะโรงเรียนบ้านคลองโร หมู่ 5 ต.พ่วงพรหมคร มีน้ำท่วมขังสูง อุปกรณ์การเรียนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด น.ส.ปวิชญา สินน้อย ผอ.โรงเรียนบ้านคลองโร กล่าวว่า โรงเรียนต้องปิด การเรียนการสอนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เด็กนักเรียน ชั้นอนุบาล-ม. 3 จำนวน 129 คน ต้องหยุดเรียน และมีความกังวลใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ทำให้นักเรียนเรียนล่าช้ากว่าปกติ และจะมีการสอบ โอเน็ต ในวันที่ 4-5 ก.พ.นี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อการประเมินนักเรียนและสถานศึกษา แต่หากยังมีมวลน้ำก้อนใหม่หรือฝนตกลงมาอีกก็จะนำเด็กนักเรียนระดับชั้น ป.6 และ ม.3 ไปเรียนร่วมกับโรงเรียนอื่นใกล้พื้นที่แทน

ช่วยผู้ป่วย-คนชราออกจากจุดเสี่ยง

ตอนสายวันเดียวกัน พ.อ.พิสุทธิ์ มณฑานุช ผบ.นพค.46 พร้อมกำลังทหารหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 46 ทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ลงพื้นที่บ้านหนองจอก หมู่ 4 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยเหลือ น.ส.สุปรานี ฤทธิ์มาลี อายุ 36 ปี ป่วยโรคไต และคนชราออกจากพื้นที่ หลังมวลน้ำในแม่น้ำตาปีเอ่อล้นทะลักไหลเข้าท่วมพื้นที่เมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา ทำให้ถนนเข้าหมู่บ้านรถสัญจรไม่ได้ ชาวบ้านต้องหันไปใช้เรือในการสัญจรแทน โดยปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ระดับสูง 2-3 เมตร ประชาชนส่วนใหญ่ย้ายออกไปอาศัยอยู่ในจุดที่ปลอดภัย สำหรับภาพรวมวันนี้หลาย พื้นที่ยังวิกฤติ โดยเฉพาะ อ.พระแสง จุดต้นน้ำยังมีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายตำบลระดับน้ำบางจุดสูง 1.5 เมตร เช่นเดียวกับพื้นที่ริมแม่น้ำตาปีตั้งแต่ อ.พระแสงจนถึง อ.พุนพิน มีน้ำท่วมเป็นวงกว้าง ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก หลายหน่วยงานเร่งบรรเทาทุกข์เบื้องต้นแล้ว

เร่งผลักดันน้ำออกทะเล

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เร่งติดตั้งเรือผลักดันน้ำ 32 ลำ ที่บริเวณพื้นที่แม่น้ำตาปี 3 จุด คือ ใต้สะพานจุลจอมเกล้า เขตเทศบาลเมืองท่าข้าม 16 ลำ ใต้สะพานคลองพุนพิน ต.ศรีวิชัย อ.พุนพิน 10 ลำ และสะพานคลองบางกล้วย ต.คลองน้อย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี 6 ลำ เพื่อเร่งผลักดันน้ำในแม่น้ำตาปีออกทะเล หลังมวลน้ำจากพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และกระบี่ ไหลลงแม่น้ำตาปี และหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ อ.พระแสง อ.บ้านนาสาร อ.นาเดิม และ อ.พุนพิน อย่างหนัก ทั้งนี้นายวิชวุทย์ จินโต รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี ติดตามการผลักดันน้ำของเรือที่จุดสะพานคลองบางกล้วย ต.คลองน้อย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี อย่างใกล้ชิด

พระเปิดวัดรับบริจาคช่วยภาคใต้

ในขณะที่ธารน้ำใจจากประชาชนทั่วประเทศยังคงหลั่งไหลสู่ภาคใต้ โดยที่ จ.พะเยา พระราชปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดพะเยา มีหนังสือแจ้งไปยังทุกวัดในสังกัดเปิดรับบริจาคสิ่งของเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ในวันที่ 17 ม.ค. ส่วนที่ จ.สุโขทัย พญ.ภาวิณี เอี่ยมจันทร์ ผอ.รพ.สุโขทัย พร้อมคณะผู้บริหาร ได้จัดส่งทีมแพทย์ฉุกเฉิน (MERT) พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพของ รพ.สุโขทัย จำนวน 20 คน นำยา-เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมข้าวสารอาหารแห้งที่ประชาชนชาวไทยร่วมกันบริจาค ขึ้นรถพ่วงของชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเคลื่อนที่เร็วตอบโต้ภัยพิบัติ เดินทางสู่อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อจัดตั้ง รพ.สนาม และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงผู้ป่วยในพื้นที่ประสบอุทกภัย

หลายจังหวัดไม่แล้งน้ำใจ

จ.ชัยนาท นายสมศักดิ์ จิตรเอื้อตระกูล ผอ.โรงเรียนอนุบาลชัยนาท และคณะครูอาจารย์ช่วยกัน ขนของที่รับบริจาคมาจากผู้ปกครองและนักเรียน ในโครงการ “ธารใจครูนักเรียนชัยนาท ช่วยเหลือพี่น้องภาคใต้” เพื่อนำมาเก็บรวบรวมไว้ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท อ.เมืองชัยนาท เพื่อส่งต่อไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ส่วนที่ จ.สมุทรสงคราม นายคันฉัตร ตันเสถียร ผวจ.เป็นประธานปล่อยขบวนคาราวานนำถุงยังชีพส่งไปช่วยประชาชนในภาคใต้ เช่นเดียวกับ จ.ราชบุรี แพทย์ พยาบาลได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ด้าน จ.นครราชสีมา นายวิสูตร ชัชวาลวงศ์ นายอำเภอปักธงชัย นำเจ้าหน้าที่เปิดศูนย์รับบริจาคสิ่งของเพื่อนำไปมอบให้ผู้ประสบภัยในจังหวัดภาคใต้ ได้รับความสนใจจากชาวบ้าน นำข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรคไปร่วมบริจาคจำนวนมาก