“การที่เราต้องกลับไปรื้อฟื้นความทรงจำของลูกเราขึ้นมาอีกครั้ง มันเจ็บปวดนะ
แต่ถ้ามันจะทำให้คนอื่นไม่ต้องมาเจ็บปวดแบบเรา เราก็ยินดีที่จะทำ” - แม่ตุ้ม ชุลีพร คูยิ่งรัตน์

“Dead Feed..ข้อความถึงคนที่ยังอยู่” ไวรัลเรียกน้ำตาจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงของผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากอุบัติเหตุ ก่อนจะแปรเปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นการส่งต่อความห่วงใยไปยังคนรอบข้างให้ขับขี่ปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียดังเช่นครอบครัวของตัวเอง

ครั้งนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้เชิญบุคคลทั้ง 3 ท่านมาให้สัมภาษณ์ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังคลิปที่เรียกได้ว่าเป็นคลิปอุบัติเหตุคลิปแรกที่ใช้ตัวของผู้ที่ประสบเหตุการณ์จริงมาถ่ายทอด และถือว่าเป็นคลิปที่ซึ้งที่สุดของ สสส. ด้วย

โดยคนแรก คือ คุณแม่ตุ้ม ชุลีพร คูยิ่งรัตน์ ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวการสูญเสียลูกชายจากชีวิตจริง คุณจิ๊บ กวีวัชน์ ตันตระกูล ครีเอทีฟแคมเปญ และคุณโจอี้ อารยะ สุริหาร ผู้สร้างสรรค์และควบคุมการถ่ายทำ

...

เปิดใจ ‘แม่ตุ้ม’ เปลี่ยนความสูญเสียส่งต่อความห่วงใย

เรื่องราวในอดีตที่สุดแสนจะเจ็บปวดคงไม่มีใครอยากไปขุดมันขึ้นมาจากความทรงจำ แต่...ไม่ใช่ซิงเกิลมัม ผู้สูญเสียลูกชายคนโตไปในวัยเพียงแค่ 23 ปีคนนี้

ผู้สื่อข่าว พูดคุยกับ คุณแม่ตุ้ม ชุลีพร คูยิ่งรัตน์ แม่ของน้องอาร์ม อภิวัฒน์ รุ่งเรือง พี่ใหญ่ของบ้าน เด็กหนุ่มที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นมาได้ไม่กี่ปี เวลาบนโลกของเขาช่างน้อยเหลือเกิน...

“น้องอาร์ม เขาเริ่มขับรถตั้งแต่ ม.2 และเป็นเด็กที่มีวินัยมากๆ เมื่อขึ้นรถจะคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง เวลาคุณแม่เป็นคนขับ และเขาเป็นคนนั่งเขาจะบอกว่า หม่าม้าครับ หม่าม้าขับรถต้องคิดว่าหม่าม้าเป็นคนนั่งอยู่ในรถและกำลังหลับอยู่นะครับ เพราะคุณแม่เป็นคนขับรถที่ไม่นิ่ม แต่เขาขับรถนิ่มมาก และเรื่องขับรถเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เคยห่วงน้องอาร์มเลย” แม่ตุ้มพูดถึงลูกชายคนโต

“แต่เมื่อสองปีที่แล้ว ช่วงเช้ามืดระหว่างทางจะกลับบ้านไม่ถึง 2 กม. ตรงวงแหวนรอบนอก ช่วงระหว่างดอยสะเก็ดกับแยกลิขิตชีวัน ขณะที่ น้องอาร์มแซงขวา มีรถคู่กรณีวิ่งสวนมาด้วยความเร็วชนประสานงากับรถน้องอาร์ม ด้วยความแรงและน้องไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยทำให้พวงมาลัยไปกระแทกกับหน้าอกหัวใจแตก...” เล่าถึงตรงนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะ

คุณแม่ตุ้มตั้งสติก่อนจะเล่าต่อว่า “...สิ่งที่หลายคนเห็นในคลิปนั้นเป็นภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเราเลยนับตั้งแต่วินาทีที่น้องอาร์มจากไป เพราะว่าเราตั้งสติมาโดยตลอด แม้ลึกๆ ข้างในเราเจ็บปวดและใจสลายมากก็ตาม ทุกครั้งที่นึกถึงภาพที่น้องอาร์มสะพายกีตาร์และเดินเข้ามาในห้อง กอดหอมเรา หม่าม้าครับ อาร์มไปนะครับ มันเป็นสิ่งที่เขาทำทุกครั้ง นึกถึงครั้งใดก็สะเทือนใจทุกที และทีมงานก็ไปขุดความทรงจำนี้ออกมาอีกครั้ง”

“ถามว่า มันเป็นการตอกย้ำมั้ยก็ส่วนหนึ่ง เพราะการที่เราต้องกลับไปรื้อฟื้นความทรงจำของลูกเราขึ้นมาอีกครั้ง มันเจ็บปวดนะ แต่ถ้ามันจะทำให้คนอื่นไม่ต้องมาเจ็บปวดแบบเรา เราก็ยินดีที่จะทำ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าเคสของน้องอาร์มจะเป็นประโยชน์ต่อสังคม หรือสามารถเอาไปช่วยคนอื่นได้ แต่พอได้ยินคำว่า รณรงค์ลดอุบัติเหตุก็ไม่ต้องคิดอะไรมากตอบตกลงในทันที” คุณแม่ตุ้มอธิบายถึงเหตุผลที่ยอมเล่นโฆษณาชิ้นนี้

...

ถ้าคนตายพูดได้...เขาอยากบอกอะไรกับคนที่ยังอยู่?

ขณะที่ ทีมงานผู้ผลิตก็ได้เปิดใจถึงเบื้องหลังโฆษณาชิ้นนี้กับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์เช่นกัน โดย ‘กลับบ้านปลอดภัย’ เป็นโจทย์ของไวรัลชิ้นนี้ที่ถูกส่งมาถึงมือคุณจิ๊บ กวีวัชน์ ตันตระกูล ครีเอทีฟแคมเปญ ก่อนคิดทบทวนดูพบว่า โฆษณาเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เห็นทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเตือนภัย ความอันตราย ความน่ากลัว ความสูญเสียนั้น ไม่สามารถทำให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายได้ กลับกลายเป็นว่า ยิ่งเสพโฆษณาบ่อยๆ ก็ยิ่งทำให้คนดื้อยาแทน ทีมงานของคุณจิ๊บจึงหยิบยกเรื่องราวจากครอบครัวที่สูญเสียมาเตือนสติคนใกล้ตัว โดยใช้โซเชียลมีเดียของผู้เสียชีวิตเป็นช่องทางในการเตือนคนใกล้ตัวให้ระมัดระวังไม่ให้ประสบเหตุดังเช่นตัวเอง

...

“ลองคิดดูว่า ถ้าสมมติเพื่อนเราเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และเขาสามารถมาบอกเราได้ เขาคงเตือนให้เราระมัดระวังไม่ให้เป็นเหมือนเขา เราก็จะรู้สึกระวังขึ้นมาทันที อย่างเพื่อนผมขับรถแล้วไม่ใส่หมวกกันน็อกและเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ตั้งแต่นั้นมาจะไปไหนผมก็จะใส่หมวกกันน็อกป้องกันไว้ตลอด ผมเลยคิดว่าแนวทางการเล่าเรื่องนี้น่าจะได้ผล รวมถึงครั้งนี้แตกต่างจากคลิปอุบัติเหตุครั้งก่อนๆ ของสสส. ตรงที่ไม่ได้สร้างมันขึ้นมาให้คนเข้ามาอิน เพื่อให้คนเกิดการรับรู้ แต่เป็นการใช้ผู้สูญเสียตัวจริง ออกมาเล่าความรู้สึกของเขาจริงๆ” คุณจิ๊บ อธิบาย

จากไวรัลชิ้นนี้จะเห็นได้ว่า ทางทีมงานใช้โซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กเป็นช่องทางในการติดต่อระหว่างคนตายและคนที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยเรื่องนี้คุณจิ๊บ อธิบายให้เราฟังว่า “ในเมื่อเราตั้งโจทย์ว่า ถ้าเพื่อนของเราที่จากไป จะมาบอกอะไรสักอย่างกับเรา เฟซบุ๊กน่าจะเป็นอะไรที่อิมแพคมากที่สุด และการตั้งสเตตัสเฟซบุ๊กขึ้นมา เชื่อว่าเพื่อนๆ รอบตัวของเขาจะเห็นข้อความนี้ และทางทีมงานได้ขอความร่วมมือกับคุณแม่ตุ้มให้โพสต์สเตตัสขึ้นมาจริงๆ ด้วย”

...

ผกก. เผย กังวลใช้คนจริงแสดงจริง หวั่นกระตุ้นความเจ็บปวด

ด้านบรรยากาศการถ่ายทำ คุณโจอี้ อารยะ สุริหาร ผู้กำกับโฆษณาไฟแรงที่เพิ่งฝากผลงานในหนังเรื่อง '20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น' เล่าให้เราฟังว่า ปกติแล้วได้มีโอกาสกำกับหนังโฆษณาให้กับ สสส. บ่อย แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะใช้คนที่เจอเรื่องราวความสูญเสียจริงๆ จึงไม่ได้มีการแคสนักแสดง แต่เป็นการขอความร่วมมือจากคนที่มีญาติเสียชีวิตจากการขับรถโดยประมาทมาแสดงในเรื่องนี้

และแน่นอนว่า เมื่อหนังต้องการที่จะเล่นกับความรู้สึกของคนที่ประสบพบเจอความสูญเสียจริงๆ โดยไม่ใช้ตัวแสดงแทน ยิ่งต้องคำนึงถึงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกของเขา ผลกระทบหลังจากหนังเผยแพร่ จะต้องคิดเยอะกว่าปกติ เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่กระทบต่อความรู้สึกของผู้สูญเสียจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการถามคำถาม วิธีการพูดคุย ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมาก ไม่ให้ผู้สูญเสียรู้สึกว่า ทีมงานไปบังคับให้ทำ หรือการไปกระตุ้นให้เขาเจ็บปวดมากกว่าเดิม และซ้ำเติมความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต

“พอถึงเวลาถ่ายทำจริงเราแค่อธิบายให้เขาฟังว่าโปรเจกต์นี้ต้องเป็นอย่างไร จะสื่ออะไร และเราใช้เวลานั่งพูดคุยกับพวกเขาอยู่นานพอสมควร แต่ละคนประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเค้นอารมณ์อะไรมาก พอถึงจุดๆ หนึ่งที่เขานึกถึงคนที่เขารัก เขาก็จะเล่าให้เราฟังทุกความรู้สึก ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยิ่งพอเราอยู่กับความรู้สึกนั้นนานๆ นั่งจ้องมอนิเตอร์นานๆ ก็ยิ่งรู้สึกอินกับเรื่องราวของพวกเขามากๆ ก็ไม่แปลกที่จะเห็นในคลิปเบื้องหลังว่าทีมงานหลายคนร้องไห้ตามคนเล่าไปด้วย” คุณโจอี้ เล่าถึงบรรยากาศตอนถ่ายทำ

ในฐานะผู้กำกับ อยากให้คนที่ดูคลิปได้อะไรจากคลิปนี้? คุณโจอี้ กล่าวว่า “อยากให้ระวังตัวมากขึ้น คิดถึงญาติพี่น้อง คิดถึงคนรอบข้างมากขึ้น อันนี้คือจุดประสงค์หลักของหนังเรื่องนี้เลยครับ”

ไม่ใช่แค่ 'โฆษณา' แต่คือ 'การเซฟชีวิตคน'

เมื่อโฆษณา Dead Feed ข้อความถึงคนที่ยังอยู่ ได้เผยแพร่ออกไปมีจำนวนคนรับชมกว่า 1 ล้านครั้ง ผู้สื่อข่าว ถาม คุณจิ๊บ ครีเอทีฟแคมเปญ ถึงผลตอบรับหลังจากคลิปเผยแพร่ออกไปเป็นอย่างไรบ้าง? คุณจิ๊บ เผยว่า “มันได้ผลในแง่ของโฆษณาที่ออกมา ไม่ใช่แค่คนดู แต่การแท็กคนที่เรารักให้มารับรู้ถึงสิ่งที่เราต้องการจะสื่อต่างหาก เป็นการเตือนสติคนใกล้ตัวที่เราต้องการ ถึงแม้ว่ามันจะยังตอบไม่ได้ว่าโฆษณาชิ้นนี้จะทำให้ลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุลง แต่เชื่อว่าจะทำให้คนระมัดระวังมากขึ้นครับ”

“Dead Feed ข้อความถึงคนที่ยังอยู่...ผมไม่ได้มองว่า มันคืองานโฆษณาด้วยซ้ำไป แต่คิดว่าเราใช้ช่องทางโฆษณานี้ ทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อที่ปลายทางคือ การเซฟชีวิตคน ต่างหากครับ” คุณจิ๊บ ครีเอทีฟแคมเปญ ทิ้งท้าย.

โปรดอย่าลืมว่า ชีวิตคนที่อยู่เจ็บปวดที่สุด...ขับรถไม่ประมาทกันเถอะชาวไทย!



ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

*ขอบคุณภาพเบื้องหลังจาก สสส.*