สยอง พ่อเจ้าบ่าวขับรถปิกอัพพาญาติและเพื่อนบ้านร่วมขบวน เพื่อพาลูกชายทำพิธีแต่งงานบ้านฝ่ายหญิง เกิดหลับในทำให้รถแหกขบวนพุ่งลงทุ่งนาข้างทางชนอัดคันนาโครมสนั่น มีผู้สังเวยชีวิต 4 ศพ เจ็บ 4 ราย ส่วนคดีรถตู้โดยสารชนประสานงารถปิกอัพ ญาติร่ำไห้รับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีหมดแล้ว “บิ๊กตู่” ย้ำต้องคุมเข้มรถตู้โดยสารให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงรถปิกอัพต้องไม่ให้คนนั่งอยู่กระบะท้าย รมว.คมนาคมเตรียมเสนอ คสช.ใช้ ม.44 เพิ่มโทษคนขับและผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ประกาศใช้ก่อนเทศกาลสงกรานต์ กำหนดให้รถติดจีพีเอส และจะไม่จดทะเบียนรถตู้เป็นรถโดยสารสาธารณะ แต่จะให้เปลี่ยนมาใช้มินิบัสแทน

พ่อเจ้าบ่าวขับแหกขบวนเจ้าบ่าว พุ่งชนคันนามีผู้เสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บ 4 คนรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 03.20 น. วันที่ 4 ม.ค. พ.ต.ท.วิชัย ไถวฤทธิ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด รับแจ้งเหตุรถปิกอัพตกลงไปในทุ่งนาข้างถนนหมายเลข 2116 โพนทอง-ขอนแก่น กม.8-9 ใกล้ทางแยกเข้าบ้านหนองไฮ หมู่ 6 ต.โพธิ์ทอง อ.โพนทอง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย นำกำลังและเจ้าหน้าที่หน่วย กู้ภัยเจ้าพ่อกุดเป่ง รุดไปสอบสวน

ที่เกิดเหตุเป็นถนนขนาด 2 เลนวิ่งสวนกัน ในทุ่งนาห่างถนนราว 200 เมตร พบรถปิกอัพโตโยต้ารีโว่ สีขาวใหม่เอี่ยม ยังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ชนอัดกับคันนาขนาดใหญ่หน้ารถพังยับเยิน มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ กระเด็นออกมาตายนอกรถ 3 ศพ ชื่อนายบุญจันทร์ ราชจันทร์ดา อายุ 29 ปี นายอาคม นามโส อายุ 66 ปี กับนายอาคม บังสะพาน อายุ 45 ปี ทั้งหมดเป็นชาว ต.หนองแก อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู

นอกจากนี้ ยังพบผู้บาดเจ็บอีก 5 คนนอนร้องครวญครางเกลื่อนพื้นทราบชื่อนายธวัชชัย ราชจันทร์ดา อายุ 52 ปี คนขับเป็นพ่อของนายบุญจันทร์ ผู้เสียชีวิต อยู่บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ 8 ต.หนองแก อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู นางพนมพร ราชจันทร์ดา อายุ 47 ปี ภรรยาคนขับ นายสมบัติ โสภาเลิศ อายุ 51 ปี นางประพันธ์ อาจคำไพ อายุ 66 ปี และนายเฉลิม ชัยบุญมา อายุ 51 ปี รีบนำส่ง รพ.โพนทอง แต่นายสมบัติเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตรวม 4 ศพ บาดเจ็บสาหัส 4 คน

...

พ.ต.ท.วิชัย ไถวฤทธิ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่ารถคันที่เกิดเหตุเป็น 1 ใน 4 คัน พานายประยงค์ กาบคมราช อายุ 25 ปี ลูกชายภรรยาคนใหม่ของนายธวัชชัย คนขับ ไปเข้าพิธีแต่งงานที่บ้านศรีชุมพล ต.หนองหมี อ.กุดชุม จ.ยโสธร ซึ่งเป็นบ้านเจ้าสาว เดินทางออกจากบ้านที่ จ.หนองบัวลำภู ช่วงเที่ยงคืน มีนายธวัชชัยขับพาญาติและเพื่อนบ้านตามมาเป็นคันที่สอง ส่วนนายประยงค์นั่งรถคันที่สาม ถึงที่เกิดเหตุรถวิ่งแหกขบวนลงทุ่งนาไปชนกับคันนา ทำให้คนที่นั่งอยู่กระบะท้ายกระเด็นกระแทกพื้นเสียชีวิต ส่วนคนในรถบาดเจ็บ คาดว่าคนขับหลับใน ญาติได้พานายประยงค์ ไปเข้าพิธีแต่งงานตามกำหนด

ส่วนความคืบหน้ากรณีรถตู้โดยสารสายจันทบุรี-กรุงเทพฯ ทะเบียน 15-1352 กรุงเทพมหานคร เสียหลักตกร่องกลางถนนข้ามเลนชนประสานงากับรถปิกอัพอีซูซุ ทะเบียน 1 ฒณ 2483 กรุงเทพมหานคร บนถนนสายบ้านบึง-แกลง หมู่ 1 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 25 ศพนั้น พ.ต.อ.สหัส โหรวิชิต รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เดินทางไปที่ สภ.บ้านบึง ร่วมกับ พ.ต.อ.ดุษฎี กุญชร ณ อยุธยา ผกก.สภ.บ้านบึง ประชุมสรุปสำนวนการสอบสวนนานร่วม 2 ชั่วโมง จากนั้น พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวว่า เรื่องสำนวนคดีจบแล้ว ตำรวจจะสั่งไม่ฟ้อง เพราะคนขับรถตู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และทางบริษัทต้นสังกัดรถตู้มรณะประสานกับบริษัทประกันภัยเพื่อจ่ายค่า สินไหมทดแทนให้คนเจ็บและทายาทผู้เสียชีวิต หากผู้เสียหายรายใดยังไม่พอใจ สามารถใช้สิทธิฟ้องร้องทางแพ่งได้

ด้าน พ.ต.ท.วิโรจน์ แจ่มจำรัส พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า ผู้โดยสารรถตู้ 3 คนที่ยังไม่ทราบชื่อตอนนี้รู้ชื่อแล้วคือ น.ส.ดารณี พรายคง อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 4 หมู่ 1 ต.สามพี่น้อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี น.ส.ดวงฤทัย วงศ์ศิริวิบูลย์ อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 297 หมู่ 1 ต.นาโป่ง อ.เมืองเลย และศพนางวิมล วีระนิธ อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 7 หมู่ 2 ต.เวฬุ อ.ขลุง จ.ตราด ญาติไปติดต่อขอรับศพเพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีแล้ว

เช้าวันเดียวกัน น.ส.ศศินันท์ สิทธิบุศย์ อายุ 45 ปี มารดาของนายพรหมพต หรือกันต์ กอศิริวรานนท์ นิสิตคณะแพทยศาสตร์ปี 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในผู้โดยสารรถตู้มรณะ พร้อมญาตินิมนต์พระสงฆ์ไปรับศพนายพรหมพต ที่สถาบันนิติเวชวิทยา นำขึ้นรถของสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี และรถ รพ.จุฬาลงกรณ์ นำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าคลองกุ้ง อ.เมืองจันทบุรี โดยแวะจุดเกิดเหตุเพื่อทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณของลูกชาย น.ส.ศศินันท์เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ ส่วนตัวฝากความหวังไว้มากเพราะได้ส่งเสียให้ลูกชายเข้าเรียนคณะแพทย์ไว้เป็นที่พึ่งพายามบั้นปลายชีวิต เป็นอนาคตของน้องกันต์และครอบครัว หลังจากนี้ไม่อยากใช้บริการรถตู้อีกหากไม่จำเป็น อยากฝากถึงคนขับรถตู้ทุกคันช่วยตระหนักถึงความปลอดภัยให้มาก

ด้านนายเกษมศันต์ และนางเกศรา ไทยตรงบิดาและมารดานายกันตินันท์ หรือคิว ไทยตรง โปรแกรมเมอร์บริษัทฮิตาชิ สำนักงานใหญ่ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตู้มรณะ เปิดเผยหลังงานพิธีศพลูกชายที่วัดธรรมมาศน์นักบุญโปรแตส บ้านท่าแฉลบ อ.เมืองจันทบุรี ว่า ต้องการฟ้องร้องเป็นคดีตัวอย่างแก่บริษัทรถตู้ร่วมบริการที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ บริษัทต้องออกมารับผิดชอบมากกว่าการให้ตัวแทนบริษัทประกันเป็นผู้ดำเนินการ

ที่สถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ ญาติผู้เสียชีวิตทยอยมารอรับศพตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ทยอยนำศพส่งให้ญาติเมื่อพบเห็นร่างอันไร้วิญญาณของคนในครอบครัวต่างร่ำไห้ด้วยความโศกสลด กระทั่งช่วงเย็นญาติขอรับศพกลับไปทั้งหมด โดยนายสุรศักดิ์ เจือจาน อายุ 26 ปี ญาติฝ่ายรถกระบะ กล่าวว่า ตนได้นำเอกสารมารับศพ 3 ศพ คือ นางพันธ์ เจือจาน แม่ น.ส.สุดาพร เจือจาน น้องสาว และ ด.ช.สุภกฤษ เจือจาน ลูกชาย หลังจากมีการตรวจดีเอ็นเอยืนยันตัวบุคคลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะนำทั้ง 3 ศพ ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ

...

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.นต. กล่าวว่า จากการตรวจพิสูจน์ผู้ขับรถตู้อย่างละเอียด ไม่พบแอลกอฮอล์ในเลือดและไม่มีสารเสพติดในร่างกาย ส่วนการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตจะทราบผลทั้งหมดช่วงค่ำ ส่วนศพที่ถูกไฟไหม้สามารถตรวจดีเอ็นเอยืนยันตัวบุคคลได้ ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเร่งสรุปการเสียชีวิตทั้งหมด ว่าการเสียชีวิตเกิดจากแรงกระแทกหรือเกิดจากการถูกไฟไหม้ ต้องรอผลจากห้องปฏิบัติอีกหน่อย เพราะผู้เสียชีวิตจะมีการสูดก๊าซบางตัวเข้าไป เพื่อเป็นการยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ในขณะที่เกิดไฟไหม้

ส่วน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ของสาเหตุอุบัติเหตุบนท้องถนนมักจะมีรถตู้เข้าไปเกี่ยวข้อง อยากจะฝากไปยังผู้ประกอบการรถตู้ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก ในการประกอบการของรถตู้จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้าไม่มีการประกอบการตามกฎหมาย เป็นรถที่ไม่ได้รับอนุญาต จะผิดฐานประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับระหว่าง 2 หมื่นบาท ถึง 1 แสนบาท ถ้านำรถไปใช้ผิดประเภท จะมีความผิดปรับตั้งแต่ 5 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท ผู้ขับขี่นอกจากจะต้องมีความพร้อมของร่างกาย จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้องด้วย ถ้าใช้ใบอนุญาตผิดประเภท จะมีความผิดอัตราโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท ส่วนการวิ่งผิดเส้นทางจะมีความผิดปรับ 5 พันบาทต่อ 1 วัน สำหรับสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ ยังต้องรอผลการสอบสวนอีกครั้ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการแก้ปัญหารถตู้โดยสารว่า วันนี้รถตู้ให้บรรทุกเท่าไหร่ ต้องมีสายรัดนิรภัยและต้องดูว่าคาดหรือไม่ รถตู้ต้องอยู่ในกรอบกติกา รถตู้ป้ายเหลือง เอามาขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อยถูกต้องตามกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ เชื้อเพลิงต้องเปลี่ยนใช้เอ็นจีวี เรื่องระยะเวลากำลังหารือกันว่าจะให้เปลี่ยนเมื่อไหร่ ส่วนรถกระบะใช้บรรทุกของ ไปนั่งท้ายกันเป็นสิบๆคน ต้องมีมาตรการป้องกัน เพราะให้ตายคนเดียวตนก็รับไม่ได้ คนบาดเจ็บ สูญเสียคือใคร พ่อแม่ ครอบครัว ลูกเมีย อนาคตหายไปทั้งหมด ทุกคนต้องช่วยอย่ามากดดันรัฐบาลว่าต้องทำอะไร เดี๋ยวตนจะให้เขาถอดตัวกฎหมายต่างประเทศมาดูว่าห้ามอะไรบ้าง ใบขับขี่ทำอย่างไร เพียงแต่เรื่องของระบบขนส่งที่ผ่านมาทั้งส่วนของรถไฟ รถเมล์ ขสมก.เคยได้รับการปรับปรุงหรือไม่ ต้องมีรถตู้มาเสริม แต่ดันไม่ปลอดภัยมันเป็นทั้งระบบ

...

นายกฯกล่าวว่า ทุกคนไม่ได้อยู่ในเรื่องของระเบียบมาแต่แรก กฎหมายมีทุกตัว ต่อไปนี้พลขับโดนหมด บริษัทขนส่ง ผู้ประกอบการต้องไปดูแลเรื่องประกันรถ ต่อไปนี้หากรถคันไหนไม่พร้อม ไม่ให้ออกจากท่า แต่ถ้าไม่ช่วยกันมันก็ลำบาก มันก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ อับอายเขา เพราะสูญเสียเยอะทั้งคน และงบประมาณมากมาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่ต้องร่วมมือกัน

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ต้องเข้มงวดต่อไป รถมีกี่ที่นั่ง ต้องนั่งตามนั้น ขณะที่รถปิกอัพกระบะท้ายนั่งไม่ได้เลยเพราะใช้สำหรับบรรทุกสิ่งของ ไม่ใช่นำคนไปนั่ง หากเกิดอุบัติเหตุโอกาสที่จะรอดมันน้อย ต่อไปคงต้องเข้มงวดมากขึ้น จริงๆเราเข้มงวดเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองที่ทำงานร่วมกัน ในที่ประชุม ครม.มีการหารือร่วมกัน จะหารถที่ทำให้เกิดความปลอดภัยในระยะสั้น จะเป็นรถมินิบัสวิ่งในระยะทางสั้นๆได้หรือไม่ เช่น กรุงเทพฯ-จันทบุรี หรือกรุงเทพฯ-ลพบุรี มอบให้กระทรวงคมนาคมไปคิดและดำเนินการเพื่อให้เกิดความปลอดภัย เกิดการบริการที่ดีต่อประชาชน

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. เผยว่า เหตุรถตู้โดยสารชนกับรถปิกอัพครั้งนี้ ถือว่าค่อนข้างร้ายแรง เจ้าหน้าที่ทุกคนพยายามดำเนินงานตามกรอบงาน แต่อาจมีประชาชนบางส่วนที่ละเลยและละเมิด โดยเฉพาะการดื่มสุราจนเกิดอุบัติเหตุบนถนนเส้นรอง และรถโดยสารสาธารณะที่ทำงานเกินช่วงเวลา จนร่างกายคนขับไม่พร้อม ส่วนมาตรการดูแลปัญหารถตู้โดยสาร พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า คสช.ต้องร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมจัดตั้งระบบ แต่หากคนยังขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อส่วนรวมก็แก้ไขปัญหาได้ยาก คิดว่าต้องจัดระเบียบเรื่องของคนขับรถตู้โดยสารให้มากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่รับผิดชอบจะต้องคัดเลือกคนที่ไว้วางใจได้ น่าเชื่อถือ และมีประวัติที่ดีมาเป็นผู้ขับรถ ส่วนจะมีการพิจารณาเพิ่มโทษกับผู้ที่กระทำความผิดหรือไม่นั้น ตนมองว่าเรื่องข้อกฎหมายเป็นเรื่องที่ละเอียด ไม่สามารถทำได้ทันที เพราะการจะดำเนินการทุกอย่างต้องมีการหารือร่วมกันก่อน ที่สำคัญที่สุดคือการมีจิตสำนึกของคน

...

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงกรณีรถตู้โดยสารชนรถกระบะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ดังนั้น ภายในเดือน ม.ค.นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ คสช.ใช้มาตรา 44 เพิ่มบทลงโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญา กับผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะทุกประเภท และผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น หากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงส่งผลกระทบสังคมในวงกว้าง โดยจะเร่งสรุปแผนรายละเอียดการบังคับใช้กฎหมาย ให้มีบทลงโทษต่างๆได้ภายในเดือนนี้ และจะให้มีผลบังคับใช้ก่อนเดือน เม.ย. ที่เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ นอกจากนี้ ยังออกมาตรการแก้ไขปัญหาทั้งระยะเร่งด่วน และระยะยาว ที่จะควบคุมรถโดยสารสาธารณะ

รมว.คมนาคมกล่าวต่อว่า มาตรการเร่งด่วน จะกำหนดให้ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะทุกคันติดตั้งระบบติดตามตำแหน่งที่ตั้งรถผ่านดาวเทียม หรือจีพีเอส ภายใน 31 มี.ค.นี้ จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วของกรมการขนส่งทางบกตรวจความพร้อมทั้งคนขับและสภาพรถ ส่วนมาตรการระยะยาว กรมการขนส่งทางบกได้เคยมีผลการศึกษาว่ารถตู้ไม่เหมาะสมที่จะนำมาให้บริการโดยสารสาธารณะเพราะโครงสร้างเป็นรถขนส่งสินค้า จากการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะในปี 2553 และปี 2557 รถตู้โดยสารจะทยอยหมดอายุการใช้งานตั้งแต่ปี 2562-2564 ก็จะหมดจากระบบ และทางกระทรวงคมนาคมไม่มีนโยบายจดทะเบียนรถตู้เพื่อให้บริการเดินรถ แต่จะผลักดันให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนจากรถตู้มาเป็นรถโดยสารสาธารณะขนาดกลาง ขนาด 20 ที่นั่ง โดยภาครัฐจะประสานงานไปยังกระทรวงการคลังเพื่อหามาตรการช่วยเหลือทางการเงินกับผู้ประกอบการต่อไป

ขณะที่นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ทางกรมการขนส่งทางบกจะรวบรวมรายละเอียดในการเพิ่มบทลงโทษรถโดยสารสาธารณะ ทั้งคนขับ ผู้ประกอบการ เพื่อเสนอกระทรวงคมนาคมก่อนเสนอ คสช.เพื่อมีผลบังคับใช้ และเพื่อเป็นการควบคุมป้องกันและดูแลผู้ให้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะทั้งระบบ ทางกรมการขนส่งทางบก ได้กำหนดว่าภายในเดือน ก.พ.นี้ ผู้ประกอบการเดินรถตู้โดยสารทุกคันจะต้องมาออกรถให้บริการที่สถานีขนส่ง บขส.เท่านั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบคุมเข้มทั้งสภาพคนและสภาพรถ

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ข้อเสนอให้แก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุรถโดยสาร รถตู้ ยังคิดและแก้แบบเดิมๆ เช่น การติดตั้งจีพีเอสที่รถตู้ ไม่สามารถป้องกันคนขับรถเร็วเกินกำหนดได้ ต้องคิดใหม่ทำใหม่ แก้ปัญหาให้ตรงจุด บังคับให้รถโดยสาร รถตู้โดยสาร รถบรรทุก รถพ่วง ติดเครื่องตัดความเร็วที่เครื่องถ้าคนขับเหยียบคันเร่งเกินความเร็วที่กำหนด เช่น 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลายประเทศในสหภาพยุโรปมีกฎหมายบังคับแล้ว เพราะศึกษาพบว่าการขับรถเร็วคือสาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุ