รถตู้โดยสาร พาหนะคู่การเดินทางของชาวไทย ที่ได้รับความนิยมในลำดับต้นๆ ด้วยเหตุเพราะสะดวก เพราะหาขึ้นก็สุดจะง่าย จ่ายไม่แพง(มาก) รวดเร็ว(บางครั้งก็ไม่รู้จะเร็วไปไหน)
และเป็นทางเลือกที่...อึม....มีเพียงไม่มากนัก สำหรับชาวไทย ที่ไม่มีสตุ้งสตางค์ เหลือเฟือ สำหรับการบริการขนส่งสาธารณะระดับไฮโซ หรือ ครั้น หากจะไปขึ้นรถทัวร์โดยสารกลับบ้านเกิด ในช่วงเทศกาลหยุดยาว ก็มักจะมีที่ว่างไม่เพียงพอ ...สำหรับการรองรับคนจำนวนมาก ที่ต้องการเดินทางกลับบ้านไปพบญาติมิตรในวันสำคัญๆ เช่น ปีใหม่ หรือ สงกรานต์
หากแต่....
เป็นทราบกันดีอยู่ในหัวใจคนไทย ก็คือ .... แม้จะมีข้อดี...ดั่งที่กล่าวมาข้างต้น แต่สิ่งที่ คนไทยผู้ไม่มีทางเลือกมากนัก ต้องยอมรับความเสี่ยงเอาเอง โดยตั้งใจ หรือ ไม่เต็มใจจะยอมรับนัก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากนี้แล้ว ก็คือ....
อันตรายที่อาจถึงชีวิต จาก อุบัติเหตุ ที่ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำไปซ้ำมา ตราบจนทุกวันนี้
คนไทย ยุค รัฐบาลลุงตู่ ก็ยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ว่า ...... แค่สร้างต่อรถไฟฟ้าไปเชื่อมอีกแค่สถานีเดียวเพื่อให้บริการครบวงจร ต้องใช้ ม.44 ถึง 2 ครั้ง ภายในปีเดียว เอ๊ยไม่เกี่ยวๆ ...

...
เมื่อไหร่? ....ประชาชนคนไทย ถึงจะมั่นใจได้ว่า จะเกิดความปลอดภัยในชีวิต จากการขึ้นนั่งรถตู้โดยสาร ใน มหกรรมวันพบญาติช่วงเทศกาลหยุดยาว ที่ควรมีแต่ความปีติยินดี มากกว่า คราบน้ำตา...
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ซ้ำไป ซ้ำมา จากสาเหตุเดิมๆ ที่รับรู้กันจนแทบจะกลายเป็นการท่องจำ.... อาทิ คนขับหลับใน ขับรถเร็วเกินกำหนด ขับรถโดยประมาท เมาแล้วขับ รับผู้โดยสารเกินกำหนด ไร้ประตูนิรภัย รถไม่ยอมติดเครื่องดับเพลิง ไม่มีเข็มขัดนิรภัย ติดตั้งที่นั่งเกิน เป็นรถตู้เถื่อนวิ่งให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ติดตั้งแก๊สโดยไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย รถตู้สภาพเก่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เรื่อยไปจนกระทั่ง เก็บค่าโดยสารเกิน!
เหล่านี้ ..... คือ เรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดย คนไทยจำต้องก้มหัวยอมรับ โดยไม่มีสิทธิเรียกร้องให้มันเกิดอะไรใหม่ๆ ได้เลยกระนั้น หรือ? คนไทยยังคงเป็นเพียง คนที่มีคุณภาพชีวิตราคาต่ำ ต้องมาเสียชีวิตเพราะเรื่องเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ ที่ไม่เคยได้รับการแก้ไข คนที่ผิดมีเพียง คนขับรถตู้ หรือ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หรือ ข้าราชการ ที่ควรเข้าไปกวดขันดูแลตรวจตราความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึง เอาผิดกับผู้ประกอบการมักง่ายให้เข็ดหลาบ ควรจะเข้ามาจัดการอย่างเป็นรูปธรรม มิใช่เพียงลูบหน้าปะจมูก หรือ คิดเพียงจ่ายเงินชดเชยแล้วก็จบกัน!
หรือควรจะเปลี่ยนแปลง ว่า หาก ยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซ้ำๆ ซากๆ อีก เจ้าหน้าที่ และข้าราชการ ที่ควรทำงานกวดขันดูแล ควรจะต้องรับโทษด้วย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้คนไทยต้องมาเสียชีวิต ด้วยเรื่องที่ควรจะป้องกันได้! หากแม้เพียงคิดที่จะทำ...
หรือ ...มากกว่าทำงานกันแบบ เช้าชามเย็นชาม เช่นทุกวันนี้! พอมีเรื่องก็ออกมาพูดที หรือ ออกมาตรวจตราแค่พอเป็นพิธี!
ประชาชนคนไทย ควรมีสิทธิไหม? ที่จะเอาผิด เจ้าหน้าที่ หรือ ข้าราชการ ที่ปล่อยปละละเลยการทำหน้าที่ จนทำให้มีคนตาย

ล่าสุด ก็เช่นดั่งทุกปี ...เรื่องที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง... เมื่อได้เห็นข่าวอุบัติเหตุช่วงเทศกาลแห่งความสุข “วันปีใหม่” ทั้งของไทย (สงกรานต์) หรือ ของสากล ในช่วง 7 วันอันตรายของทุกปี แทนที่ทุกคนจะกลับบ้านพบหน้าพ่อแม่พี่น้องอย่างอบอุ่น แต่บางครอบครัวกลับต้องสูญเสียคนรักเพราะได้กลับบ้านเป็นครั้งสุดท้าย
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง กับกรณี อุบัติเหตุรถตู้ชนกับรถกระบะ เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันทีถึง 25 ราย โดยมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ส่วนสาเหตุจะมาจากอะไรนั้น คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบอีกครั้ง...
...
ทีมข่าวเฉพาะกิจ พลิกแฟ้มข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลไทยรัฐ พบว่า หลายครั้งอุบัติเหตุจากรถตู้ มักทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และกรณีนี้ก็เป็นอีกครั้ง...ที่ผู้สูญเสียจากเหตุการณ์สลดมากมาย
รถตู้เติมแก๊ส จับยัดรวม 22 คน พลิกคว่ำชนต้นไม้ข้างทาง ไฟคลอกดับสยอง 9 ศพ
11 เมษายน 2557 สภ.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถตู้เสียหลักพลิกคว่ำชนต้นไม้ข้างทางจนเกิดไฟลุกไหม้ ริมถนนสุขุมวิทขาเข้าเมืองจันทบุรี ตรงบ้านลิ้ว หมู่ 1 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
สอบสวนทราบว่า รถตู้คันที่เกิดเหตุ ทะเบียน ฮพ 5479 กรุงเทพมหานคร มีการดัดแปลงเป็นรถโดยสารวิ่งประจำทาง กรุงเทพฯ- จันทบุรี-ตราด บรรทุกผู้โดยสารอัดแน่นรวมคนขับทั้งสิ้น 22 คน! เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุรถเกิดเสียหลักชนกับต้นไม้ข้างทาง จากนั้นได้ไถลไปชนไปชนต้นไม้ใหญ่อีกต้น พลิกคว่ำ ถังแก๊สที่ติดกับตัวรถเกิดระเบิดไฟลุกท่วมอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ที่อยู่ในรถถูกไฟคลอกตายทันที 8 ราย และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 ราย ที่น่าสลดใจเป็นอย่างยิ่งคือ ในจำนวน 1 ใน 9 นั้น มีหญิงกำลังตั้งครรภ์รวมอยู่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา ที่หวังกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์
รถตู้ขนแรงงานกัมพูชาไปยะลา ชนต้นไม้ ตาย 7 ศพ
16 ม.ค.58 พนักงานสอบสวน สภ.ควนมีด อ.จะนะ รับแจ้งเหตุรถตู้โดยสารสายยะลา-นราธิวาส เสียหลักพุ่งชนต้นไม้พลิกคว่ำตกข้างทางในพื้นที่ หมู่ 1 บ้านโคกทราย ถนนสายเอเชีย ต.จะโหน่ง อ.จะนะ จ.สงขลา โดยในที่เกิดเหตุ พบรถตู้ทะเบียน 10-5364 สงขลา ในสภาพเสียหลักชนต้นไม้พลิกคว่ำไปตกลงคูน้ำ สภาพรถพังยับเยิน ในซากรถพบผู้บาดเจ็บ 8 ราย โดยเป็นชาวไทย กัมพูชา และมาเลเซีย จึงทยอยส่งโรงพยาบาล โดยมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 5 ราย ซึ่งต่อมามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย ทำให้เสียชีวิตรวม 7 ราย
...
สอบสวนทราบว่า ในรถมีคนไทย 2 ราย ชาวมาเลเซีย 2 ราย ที่เหลืออีก 11 เป็นแรงงานกัมพูชาที่เข้าเมืองแบบถูกกฎหมาย ซึ่งรถวิ่งมาจาก อ.อรัญประเทศ จะเดินทางไปยัง สุไหงโก-ลก เมื่อถึงที่เกิดเหตุคาดว่าคนขับอาจจะหลับใน เพราะขับรถด้วยระยะทางไกลจึงทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เนื่องจากตรงจุดที่เกิดเหตุไม่พบรอยเบรก ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุมีคนเจ็บตายดังกล่าว

ปราจีนบุรี รถตู้โดยสารชนต้นไม้ ไฟคลอกดับ4 พลเมืองดีเข้าช่วยออกมาได้ 6 คน
11 เม.ย.59 เกิดอุบัติเหตุรถตู้โดยสารแล้วเกิดไฟลุกอีกครั้ง ครั้งนี้เกิดที่ บริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าบ้านสร้าง ถนนสายปราจีนบุรี-บ้านสร้าง หมู่ที่ 1 ต.บ้านสร้าง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ซึ่ง พนักงานสอบสวน สภ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ตู้โดยสารชนต้นไม้ข้างทาง ทั้งนี้ จุดเกิดเหตุ พบรถยนต์ตู้โดยสารสายปราจีนบุรี-ชลบุรี สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฮภ 3912 กรุงเทพมหานคร ชนอัดกับต้นไม้ริมทาง เพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็ว มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ รถดับเพลิงจากเทศบาลบ้านสร้างและเทศบาลเมืองปราจีนบุรี ช่วยนำรถบรรทุกน้ำมาช่วยกันดับ
...
หลังจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมฉีดน้ำ นานประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงได้สงบ ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตถูกเพลิงไหม้อยู่ภายในรถ บริเวณกลางเบาะด้านซ้ายและขวา จำนวน 2 ศพ ส่วนบริเวณด้านหน้าคนขับถูกเพลิงไหม้เช่นเดียวกัน และมีอีกหนึ่งศพกระเด็นอยู่ด้านนอกหน้ารถ รวมทั้งหมดที่ถูกไฟคลอกเสียชีวิตทั้งสิ้น จำนวน 4 ราย
จากเหตุดังกล่าว ได้มีพลเมืองดีเข้าช่วยเหลืออย่างทันท่วงที คือ นายธวัชชัย กล้ากะชีวิต อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 88 หมู่ที่ 1 ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งมีอาชีพค้าขาย พร้อมกล่าวว่า ตนเองขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ เห็นรถยนต์ตู้โดยสารคันดังกล่าว ขับมาจากทางด้านตัวอำเภอเมืองปราจีนบุรี มุ่งหน้าด้านไปทางอำเภอบ้านสร้าง ซึ่งช่วงจุดเกิดเหตุ เป็นทางตรงเห็นรถตู้ขับมาด้วยความเร็วสูง และพุ่งลงไหล่ทางด้านซ้ายชนกับต้นไม้อย่างแรงเสียงดังสนั่น จนรถยุบไปครึ่งคัน ตนเองได้วิ่งลงจากรถเข้าไปทุบกระจกรถด้านขวาจนแตก พร้อมทั้งดึงผู้โดยสารออกมาจากรถได้ จำนวน 3 คน รวมทั้งมีชาวบ้านในละแวกดังกล่าว เข้ามาช่วยกัน จนสามารถนำผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บออกมาได้ รวม 6 คน ตนเองและชาวบ้านพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมอีก แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ไฟกำลังลุกไหม้และแก๊สระเบิดอย่างรุนแรง จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารส่วนที่เหลือถูกไฟคลอกเสียชีวิต
เหตุการณ์ครั้งนี้ ตำรวจคาดว่า คนขับอาจจะหลับใน...
สยอง 4 ศพ! รถตู้เมืองคอน-สุราษฎร์ ชนกระบะพลิกคว่ำ ไฟลุกย่างสดทั้งเป็น
เดือนเดียวปีเดียวกัน 27 เม.ย.59 สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถตู้โดยสารสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี เฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะและรถจักรยานยนต์ ทำให้รถตู้เกิดไฟไหม้ลุกท่วมทั้งคัน คลอกผู้โดยสารเสียชีวิตคารถตู้ 4 ศพ บนถนนสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นถนน 4 ช่องจราจร ฝั่งมุ่งหน้าไป จ.สุราษฎร์ธานี หน้ามัสยิดสระบัว หมู่ 6 ต.ท่าศาลา จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ท่าศาลา และจนท.มูลนิธิต่างๆ ใน อ.ท่าศาลา
ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ตู้โดยสาร ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน 10-3760 สุราษฎร์ธานี ไฟไหม้คลอกรถตู้ทั้งคัน มีผู้โดยสารถูกไฟคลอกตายคารถตู้ตรงเบาะที่นั่งด้านหลังจำนวน 4 ศพ สภาพศพดำไหม้เป็นตอตะโก เป็นเพศหญิง 1 ราย ชาย 3 คน เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อและที่อยู่เพราะสภาพศพไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโก ไม่พบหลักฐานใด นอกจากนี้ ยังพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฟีโน่ ไม่ทราบสี ทะเบียน 1กค-3849 ถูกไฟไหม้ทั้งคัน และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บว-5325 นครศรีธรรมราช จอดเสียหลักเกาะกลางถนน โดยมีคนเจ็บ 6 ราย ถูกส่งโรงพยาบาล

สอบสวนทราบว่า รถตู้คันดังกล่าวนำผู้โดยสารเต็มคันรถจำนวนประมาณ 8 คน มุ่งหน้าไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อถึงที่เกิดเหตุรถตู้ได้เกิดเสียหลักเฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะ และเสียหลักพุ่งไปชนกับรถจักรยานยนต์อย่างจัง ทำให้ไฟไหม้ลุกท่วมรถตู้อย่างรวดเร็วทั้งคัน ไหม้คลอกร่างผู้โดยสารดำเกรียมเป็นตอตะโก 4 ศพ
สรุปตัวเลข 5 วันอันตรายปีใหม่ 2560 ตายพุ่ง 442 ศพ
จากการสรุปผลการดำเนินงานของ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.)ประจำปี 2560 ในช่วง 7 วันอันตราย พ.ศ.2560 รวม 5 วัน พบว่ามีตัวเลขผู้เสียชีวิตมากถึง 367 ราย บาดเจ็บ 3,342 ราย ขณะที่ ยอดผู้เสียชีวิตสูงสุดอยู่ที่ จ.ชลบุรี มากถึง 31 ราย ส่วน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 37.53 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 33.03 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.06
เมื่อเทียบสถิติในปีที่แล้ว ช่วง 7 วันอันตรายในปี 2559 มียอดผู้เสียชีวิต 442 ราย บาดเจ็บ 3,656 ราย ส่วนในปี 2558 มีผู้เสียชีวิตน้อยกว่า คือ เสียชีวิต 364 ราย บาดเจ็บ 3,559 ราย
เหลืออีก 2 วัน...
ไม่รู้ตัวเลขจะพุ่งสูงขึ้นอีกเท่าไร...
สุดท้ายฯ ขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หมั่นขันนอตตรวจสอบ ลงดาบ คนผิดให้ได้ หรือ ผู้ประกอบการ “มักง่าย” เห็นแก่ได้หวังที่จะกอบโกยโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยชีวิตประชาชนตาดำๆ กรุณาเรียกความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการ ไม่รู้สึกผวา...เมื่อย่างก้าวขึ้นรถ อย่าทำเรื่องนี้ให้เหมือน "วัวหายที่ไร้คอก" ที่คอยบอกทีหลังว่า "เรามีมาตรการแก้ไข...แต่หลังเกิดเหตุสลดขึ้นแล้ว!"

รายงานพิเศษที่เกี่ยวข้อง