ถวายพระพร ‘ร.10’ ดังกึกก้องทั่วปท.
ผองไทยทั่วหล้าร่วมสวดมนต์น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังกระหึ่มทุกพื้นที่ ก่อนร่วมจุดแสงเทียนแห่งสยามส่องสว่างไสว ขณะที่สำนักพระราชวังแจงยอดคนแห่ขึ้นถวายสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 เฉพาะก่อนวันสิ้นปี วันเดียว 73,614 คน ขณะที่ยอดถวายเงินร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลกว่า 219.81 ล้านบาทแล้ว
ที่ท้องสนามหลวง ตลอดวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปี 2559 ทำให้มีพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศ หลั่งไหลกันมาเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง ด้วยความอาลัยอย่างไม่ขาดสาย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร ที่ตรวจตราและคัดกรองบุคคลที่ผ่านเข้าออกตามจุดคัดกรองทั้ง 8 จุด อย่างละเอียด ก่อนที่จะเข้าสู่ท้องสนามหลวง
ขณะที่พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ยังดำเนินต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 79 โดยในเวลา 07.08 น. สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรมจากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร รวม 8 รูป หน่วยงานองค์กรต่างๆ ที่ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในวันที่ 31 ธ.ค. ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย การไฟฟ้านครหลวง กรมการปกครอง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การตลาด กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค
...
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ วันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ 61 ที่สำนักพระราชวังเปิดให้ราษฎรขึ้นถวายสักการะพระบรมศพ ปรากฏว่าพสกนิกรเดินทางมาถวายสักการะพระ บรมศพ ตั้งแต่เวลา 05.00 น.ของวันที่ 30 ธ.ค.2559 จนข้ามวันไปถึง 01.50 น.ของวันที่ 31 ธ.ค.2559 ถึง 73,614 คน ทำลายสถิติสูงที่สุดของการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดคือ 29 ต.ค.2559 เมื่อรวม 61 วัน มีราษฎรเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ 2,596,007 คน ขณะเดียวกันมียอดเงินที่พสกนิกรถวายเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลรวมแล้ว 219,816,357.50 บาท
ขณะเดียวกัน เนื่องด้วยเป็นวันสิ้นปี 2559 ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนร่วมใจจัดกิจกรรมส่งท้ายศักราชเก่า พ.ศ.2559 เข้าสู่ศักราชใหม่ พ.ศ.2560 เพื่อความเป็นสิริมงคลของประชาชนโดยในช่วงเช้า ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรม การศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จัดพิธีปล่อยขบวนรถไหว้พระ 10 วัด สืบสิริสวัสดิ์ 10 รัชกาล เป็นวันแรก โดยเปิดให้ประชาชนได้ร่วมเดินทางไปไหว้พระ 10 วัด ประจำ 10 รัชกาล ได้แก่ รัชกาลที่ 1 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร รัชกาลที่ 2 วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร รัชกาลที่ 3 วัดราชโอรสาราม รัชกาลที่ 4 วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม รัชกาลที่ 5 วัดเบญจมบพิตร ดุสิตวนาราม รัชกาลที่ 6 วัดบวรนิเวศวิหาร รัชกาลที่ 7 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม รัชกาลที่ 8 วัด สุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร รัชกาลที่ 9 วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก และรัชกาลที่ 10 วัดวชิรธรรมสาธิต โดยผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ และประชาชน ให้ความสนใจมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งประชาชนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้จนถึงวันที่ 2 ม.ค.นี้ นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังอัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มาให้ประชาชนสักการะ ภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตลอดเดือน ม.ค.2560
จากนั้นในช่วงเย็นเป็นต้นมา ที่ท้องสนามหลวง เป็นการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีธรรม และงาน “แสงเทียนแห่งสยาม” ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานต่างๆ จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ และทั่วโลก เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งในพื้นที่ กทม.นอกจากที่ท้องสนามหลวงแล้ว ยังมีสถานที่จัดงานหลักได้แก่ วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร วัดไตรมิตรวิทยาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดสระเกศฯ และวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก
ทั้งนี้ นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า วธ.ตั้งศูนย์ประสานงานสวดมนต์ข้ามปี 2560 ทั้งระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับหน่วยงาน และระดับประเทศ เพื่อรายงานมายังศูนย์กลางที่ทำการ วธ.ชั้น 19 อาคารธนาลงกรณ์ เพื่อรวบรวมข้อมูลจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีทั้งในประเทศ จำนวน 24,584 วัด โดยในกรุงเทพฯ 395 วัด และส่วนภูมิภาค 24,189 วัด รวมทั้งมีวัดไทยจากทั่วโลก 504 วัด โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานสถิติแห่งชาติให้คำปรึกษาเพื่อเก็บข้อมูลและสรุปสถิติผู้เข้าร่วมสวดมนต์ข้ามปีในวัด หน่วยงานที่จัดกิจกรรม และรายงานสถานการณ์แต่ละพื้นที่แบบเรียลไทม์ จากนั้นจะสรุปและเผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในภาพรวมทั้งหมด และรายงานคณะรัฐมนตรีต่อไป
จากนั้นในช่วงค่ำ ที่ท้องสนามหลวง และตามวัดวาอาราม รวมถึงสถานที่สำคัญทั่วประเทศและชุมชนไทยในต่างประเทศทั่วโลก คนไทยทุกหมู่เหล่าต่างออกมาร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีธรรม อย่างพร้อมเพรียง ซึ่งทุกแห่งเริ่มงานตั้งแต่ช่วงค่ำ ด้วยการบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ ขณะที่กิจกรรมหลักเริ่มในเวลา 21.00 น. ด้วยการยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที เพื่อ น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากนั้น เวลา 23.45 น. จึงร่วมกันสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่า ด้วยบทสรรเสริญคุณพระศรีรัตนตรัย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติ และประชาชน พร้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ก่อนจะมีการเจริญจิตภาวนา เป็นเวลา 3 นาที กระทั่งเวลา00.09น. ภายในวัดจะลั่นฆ้องชัย 9 ครั้ง และสวดมนต์บทชัยมงคลคาถา ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และจุดเทียน “แสงเทียนแห่งสยาม” ส่องสว่างพร้อมกันทั่วประเทศ
...
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในท้องสนามหลวง ซึ่งหนาแน่นไปด้วยประชาชน มาตลอดวัน โดยหลังจาก ที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ประกอบพิธีทางศาสนา และนำประชาชนยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที แล้วต่อด้วยการแสดงปาฐกถาธรรม โดยพระเทพปฏิภาณกวี เจ้าคณะ 1 วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กระทั่งเวลา 23.45 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานในพิธี ถวายราชสักการะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระสงฆ์และประชาชนสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่า ด้วยบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย (อิติปิโส ภควา) เวลา 00.00 น.ของวันที่ 1 ม.ค. 2560 ประธานลั่นฆ้องชัยจำนวน 9 ครั้ง พระสงฆ์และประชาชนร่วมกันสวดเจริญชัยมงคลคาถา บทชยันโต และร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “พรปีใหม่” เพลง “สรรเสริญพระบารมี” หน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเวลา 00.09 น. พระสงฆ์และประชาชนร่วมกันสวดมนต์รับปีใหม่ สวดบทมงคลคาถา (พาหุง) ซึ่งเป็นการสวดมนต์และจุดเทียนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบูรพกษัติยาธิราช เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายพระพรชัยแด่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และเสริมสิริมงคลแก่ประเทศไทยให้มีความสุขตลอดปี
ขณะที่แยกราชประสงค์ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้ประกอบการวิสาหกิจย่านราชประสงค์ จัดงาน “โอมสดุดี แด่กษัตริยาธิราช” ในงานมีกิจกรรมมากมายแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ เริ่มจากมีขบวนอัญเชิญเทพ 8 องค์ ซึ่งประดิษฐานในย่านราชประสงค์ และเป็นที่เคารพบูชาของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ประกอบด้วย พระพรหมเอราวัณ ท้าวอัมรินทราธิราช พระตรีมูรติ พระพิฆเนศวร พระอุมาเทวี พระลักษมี พระนารายณ์ทรงสุบรรณ และพระนารายณ์ประทับบนหลังพญาอนันตนาคราช ประดิษฐานบนรถพาหนะเทพ แห่จากสวนลุมพินี ไปตามถนนมายังหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และอัญเชิญ 8 เทพ ขึ้นประดิษฐานบนเขาพระสุเมรุจำลอง ให้ประชาชนได้บูชาในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคล ท่ามกลางตำรวจทหารร่วมตรวจค้นบุคคลที่จะเข้าร่วมงานกันอย่างเข้มงวด
...
ส่วนที่ด้านหน้าลานห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีการจัดงาน “แสงเทียนแห่งสยาม @ Central World” รวมดวงใจ ไทยทั้งชาติ ส่ง ส.ค.ส.ถึงพ่อบนฟ้าโดยมีการแสดงตีกลองสลับกับการรำชุด “เภรีศรีสยามอำนวยพร” จากกลุ่มศิลปินราชพฤกษ์ ของกระทรวงวัฒนธรรม ต่อด้วยวงฟองน้ำ พินต้า-ณัฐนิช รัตยเสรีเกียรติ นักร้องประสานเสียงคนพิการ จากโครงการพัฒนาศักยภาพนักร้องนักดนตรีตาบอดในที่สาธารณะ รวมถึง รูม 39 วงไทยแลนด์ ฟิลด์ฮาร์โมนิค ออเคสตร้าร่วมด้วย กิต-กิตตินันท์ ชินสำราญ จากเวที The Voice และกบ-เสาวนิตย์ นวพันธ์ ฯลฯ รวมถึงศิลปินบอยแบรนด์จากเกาหลี Three One Six (316) ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจดูการรักษาความปลอดภัยของการจัดงานและผู้มาร่วมงาน และเวลา 21.00 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯนำประชาชนยืนสงบนิ่ง 89 วินาที เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และร่วมกันร้องเพลง ความฝันอันสูงสุด ต่อด้วยเวลา 23.45 น. ร่วมกัน สวดมนต์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จนถึงเวลา 00.00 น. มีการลั่นฆ้อง 9 ครั้ง พร้อมกับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “พรปีใหม่” พรจากพ่อที่คนไทยจะไม่มีวันลืม ส่ง ส.ค.ส. ถึงพ่อบนฟ้า และจุดเทียนเพื่อชาติ พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และเพื่อมงคลชีวิต ก้าวสู่ปีพุทธศักราช 2560
สำหรับในวันที่ 1 ม.ค.2560 สำนักพระราชวังแจ้งว่า เปิดให้ประชาชนลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 07.30-17.00 น.และงดการเปิดให้เข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นเวลา 1 วัน สำหรับเจ้าภาพพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพยังคงเป็นไปตามปกติ ทั้งนี้สำนักพระราชวังได้จัดสถานที่ไว้รองรับผู้ที่จะมาลงนามถวายพระพร โดยประชาชนทั่วไปจะเปิดให้ลงนามบริเวณเต็นท์ ที่จัดไว้บนสนามหญ้าหน้าศาลาลูกขุน ข้าราชการ หน่วยงานองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ลงนามถวายพระพร ที่ศาลาสหทัยสมาคม ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ นายทหาร ตำรวจระดับสูง ข้าราชการระดับสูง คณะทูตานุทูต ที่ศาลาว่าการพระราชวัง และในส่วนของพระบรมวงศานุวงศ์ สมาชิกราชสกุล องคมนตรี ลงนามถวายพระพร ได้ที่ห้องมุขกระสันตะวันออกชั้นล่าง ของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โดยกองอำนวย การร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) เปิดจุดคัดกรองประชาชนที่จะเข้าถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่เวลา 06.00-17.30 น.
...
สำหรับบรรยากาศการร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พุทธศาสนิกชนต่างให้ความสำคัญในวันสิ้นปี 2559 ออกมาทำบุญตามวัดต่างๆ และร่วมสวดมนต์ข้ามปีกันอย่างพร้อมเพรียง อาทิ จ.พระนครศรีอยุธยา หลายวัดจัดพิธีสวดมนต์ข้ามปี อาทิ วัดป้อมรามัญ โดยพระครูเกษมจันทวิมล หรือพระอาจารย์แดง เจ้าอาวาส และพระเกจิดัง จัดพิธีสวดมนต์ข้ามปีส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ มีประชาชนและลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก เข้าร่วมพิธีพร้อมศิลปินชื่อดัง ส่วนวัดท่าการ้อง โดยพระพิพัฒนศาสนกิจวิธาน (เจ้าคุณเบิ้ม) เจ้าอาวาสและรองเจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ฟังธรรมเทศนา ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ มีพุทธศาสนิกชนกว่า 2,000 คนเข้าร่วมพิธี และที่วัดใหญ่ชัยมงคล พระครูสิริชัยมงคล รักษาการเจ้าอาวาสและรองเจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา จัดพิธีสวดมนต์ข้ามปีเช่นกัน