ในชีวิตฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่ง มีหน้าที่ได้รับข่าวสารบ้านเมืองจากทั่วทุกสารทิศมากมาย แต่ทุกวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี ก็มักจะเห็นข่าวเหยื่อกระสุนปืนปริศนาตกจากฟากฟ้าเป็นประจำ เศร้าเนอะ...

และเมื่อ “อาสาม ไทม์แมชชีน” แห่งทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้รับมอบหมายให้เขียนรายงานพิเศษหนึ่งชิ้นในช่วงวันปีใหม่ จึงอยากที่จะหยิบยกพฤติกรรม “พวกไร้จิตสำนึก” มีปืนแต่ไร้สมองแถมยังใจอำมหิตอีกต่างหาก เนื่องจากการกระทำดังกล่าวอาจจะทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

ย้อนเหตุการณ์เศร้า เหยื่อกระสุนปริศนาตกใส่บาดเจ็บล้มตาย

ในวันที่ 1 มกราคม ปี 2558 ระหว่างที่ นางละวาด เนื้อนุ้ย ชาวบ้านจังหวัดกระบี่ กำลังนั่งสวดมนต์ข้ามปีที่วัดลำทับร่วมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ภายในเต็นท์ของวัด ระหว่างที่กำลังสวดมนต์อยู่นั้นเธอก็รู้สึกเจ็บขาซ้าย เมื่อก้มลงดูเห็นเลือดไหลนองออกจากขา และมีรูกระสุนฝังใน

แรงกระสุนนั้นรุนแรงมาก เพราะพุ่งมาจากทิศทางไหนก็ไม่ทราบ แต่ทะลุผ้าใบเต็นท์ เมื่อชาวบ้านใกล้ๆ เห็นก็แตกตื่นและมุงดูเธอที่ร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นได้มีแพทย์มาปฐมพยาบาลและพาไปหาหมอ

เวลาไล่เลี่ยกัน... นายไซฟูดิน มามุ หนุ่มวัย 38 ปี ต้องตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงร้องของลูกสาววัย 7 ขวบ ที่โอดครวญด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้เป็นพ่อไม่รอช้ารีบวิ่งมาหาเธอที่ห้องนอกและก็พบภาพช้ำใจเมื่อเห็นเลือดลูกสาวไหลนองที่ข้อเท้าซ้าย ข้างๆ มีกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ใกล้ที่นอน ดังนั้น จึงไม่รอช้า พ่อได้อุ้มร่างลูกน้อยไปส่งโรงพยาบาลโดยพลัน

“คืนวันปีใหม่ ได้ยินเสียงจุดพลุลั่น นอกจากนี้ยังได้ยินเสียงปืนดังสนั่น ระหว่างนั้นเองก็ได้ยินเสียงลูกสาวร้องด้วยความเจ็บปวด จึงได้รีบนำส่งโรงพยาบาลปัตตานี” นายไซฟูดิน เล่าให้ตำรวจฟังอย่างเจ็บปวดใจ

...

2 เคสดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นในวันปีเก่าเข้าวันปีใหม่ ปี พ.ศ.2558

แต่ชีวิตของ “น้องมายด์” เด็กหญิงวัย 8 ขวบ ชาวจังหวัดราชบุรี แตกต่างจาก นางละวาด และ ลูกสาวของนายไซฟูดิน เพราะขณะเธอกำลังนอนหลับในคืนวันที่ 2 มกราคม 2554 อยู่นั้น “กระสุนปริศนา” ก็พุ่งตัดขั้วหัวใจเธอทำให้เธอหลับไม่มีวันตื่นอีกเลย...

ช่วงกลางดึกวันนั้น น้องมายด์ นักเรียนหญิง ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.อ่างทอง อ.เมืองราชบุรี กำลังนอนอยู่กับตาและยายภายในบ้าน

ปัง ปัง ปัง เสียงปืนหาดังขึ้นหลายนัด ยายที่กำลังนอนหลับไม่ได้ตื่นเพราะเสียงปืน แต่เธอกลับได้ยินเสียงหลานสาวสะอึกหลายครั้ง คล้ายเสียงละเมอ เธอจึงสะดุ้งตื่นและได้ปลุกตาให้ขึ้นมาดู จากนั้นได้พยายามเขย่าตัวเธอแต่กลับไม่มีปฏิกิริยา ดังนั้นแล้ว จึงได้ตัดสินใจลุกขึ้นเปิดไฟดูหลานว่าเป็นอะไรกันแน่

ภาพที่เห็นทำให้ตาและยายต้องช็อก เพราะเห็นเลือดไหลนองที่บริเวณหน้าอก หลังคาสังกะสีมีรูทะลุ ด้วยเหตุนี้ จึงได้รีบนำเธอส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว น้องมายด์เสียชีวิต เพราะกระสุนตัดขั้วหัวใจ คืนนั้นจึงกลายเป็นคืนสุดท้ายที่อยู่ในความทรงจำอันเลวร้ายของครอบครัว

ตำรวจเตือน ยิงปืนขึ้นฟ้า มีโทษหนักหลายข้อหา

หากทำอะไรไม่คิด ก็ต้องเจอกับกฎหมายลงโทษ... ทั้งนี้ อาสามฯ ได้ต่อสายพูดคุยกับ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้ฝากเตือนมายังประชาชนก่อนตะเกิดเหตุ

รองโฆษก สตช. กล่าวว่า การยิงปืนขึ้นฟ้านั้น เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีความเป็นห่วงประชาชน เนื่องจากมีบุคคลบางกลุ่มมักนำปืนมายิงขึ้นฟ้าในช่วงเทศกาลต่างๆ และได้ลงนามสั่งการไปยังตำรวจทั่วประเทศให้เฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ แม้จะเป็นเรื่องที่มีมานานแล้วก็ตาม

ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พยายามประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาชนให้รับทราบถึงโทษ เพราะที่ผ่านมา มีประชาชนบางคนมีอาวุธปืนในครอบครองแล้วเกิดการคึกคะนอง ดังนั้น หากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะมีโทษได้ เราจึงต้องเฝ้าระวังเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุก่อน มาตรการคัดกรองที่ใช้ คือการตั้งจุดตรวจสกัดเพื่อคัดกรองบุคคล หรือ ยานพาหนะ หากเจอก็จะต้องมีการตรวจสอบหากมีที่มาที่ไปไม่ถูกต้องก็จำเป็นต้องยึด

“การยิงปืนขึ้นฟ้านั้น เมื่อกระสุนตกลงมาจากฟ้า อาจจะทำให้โดนคนอื่น ซึ่งอาจจะบาดเจ็บล้มตายได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่มีวิธีการตรวจสอบว่าลูกปืนดังกล่าวมาจากทิศทางใด ฉะนั้น หากเจ้าหน้าที่จับตัวได้ ก็จะมีโทษตามกฎหมาย ซึ่งจะแตกต่างกันออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ความผิดในส่วนของผู้กระทำความผิด 2.ความผิดในส่วนอาวุธปืน และ 3.บุคคลที่ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือทรัพย์สินเสียหาย"

...

ความผิดแรก... ผู้กระทำ จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนี้

มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท

มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 376 ผู้ใดยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 390 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความผิดที่สอง...เกี่ยวกับอาวุธปืน ตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืน

มาตรา 7 ห้ามมิให้ผู้ใดทำ ซื้อ มีใช้ สั่ง หรือ นำเข้าซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน

มาตรา 72 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 20,000 บาท

...

ส่วนปืนที่ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ เช่น อาวุธสงคราม มีความผิดดังนี้

มาตรา 24 ห้ามมิให้ผู้ใด ทํา ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นําเข้า มีหรือ จําหน่าย ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสําหรับการค้า เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน ท้องทีออกให้

มาตรา 38 ห้ามมิให้ผู้ใด ทํา ซื้อ มีใช้สั่ง นําเข้า ค้า หรือจําหน่ายด้วยประการใดๆ ซึ่งวัตถุระเบิด เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่

มาตรา 78 ห้ามมิให้ผู้ใด ทํา ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นําเข้า มีหรือ จําหน่าย ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสําหรับการค้า เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน ท้องที

ส่วนอัตราโทษ

มาตรา 55 ประเภท ชนิด และขนาดของอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุ ระเบิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตาม มาตรา 7 มาตรา 24 หรือมาตรา 38 ให้เป็นไป ตามที่กําหนดในกฎกระทรวง

มาตรา 56 รัฐมนตรีมีอํานาจห้ามมิให้ออกใบอนุญาตอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน เฉพาะบางชนิดในบางท้องที่ หรือทั่วราชอาณาจักรตามที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวง

...

นอกจากนี้ ยังมีความผิดในการพกพาอาวุธปืนด้วย...

มาตรา 8 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทาง สาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจําเป็น และเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์

ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มี ขึ้น เพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด ความในมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่

(1) เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทหารและตํารวจ ซึ่งอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
(2) ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (1) (ข) หรือ (ค) ซึ่งอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่เพื่อการป้องกันประเทศหรือรักษา ความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือรักษาทรัพย์สินอันสําคัญของรัฐ
(3) ประชาชนผู้ได้รับมอบให้มีและใช้ตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (1) (ง) ซึ่งอยู่ใน ระหว่างการช่วยเหลือราชการและมีเหตุจําเป็นต้องมีและใช้อาวุธปืนในการนั้น

มาตรา 72 ทวิ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 มาตรา 12 มาตรา 16 วรรคหนึ่งหรือวรรค สาม มาตรา 20 มาตรา 58 มาตรา 59 มาตรา 65 มาตรา 66 หรือมาตรา 70 วรรคหนึ่งหรือวรรค สอง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรคสองต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และ ปรับตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท

ผู้ใดได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรคสองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

กฎหมายอาญา มาตรา 371 ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริงหรือการอื่นใด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น

ความผิดที่สาม บุคคลที่ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือทรัพย์สินเสียหาย มีความผิดตามกฎหมายอาญา

มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตามมาตรา 390 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ฟ้องร้องทางแพ่ง...ก็ได้หากพิสูจน์ความผิดแล้ว อยู่ในฐานกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น (ต้องมีการพิสูจน์ความผิดแล้ว)

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ที่ผ่านมา แล้วพยายามประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาชนให้รับทราบถึงโทษ เพราะที่ผ่านมา มีประชาชนบางคนมีอาวุธปืนในครอบครองแล้วเกิดการคึกคะนอง ดังนั้น ห้ามพบว่ามีการกระทำผิดก็จะมีโทษได้ เราจึงต้องเฝ้าระวังเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุก่อน มาตรการคัดกรองที่ใช้ คือการตั้งจุดตรวจสกัดเพื่อคัดกรองบุคคล หรือ ยานพาหนะ หากเจอก็จะต้องมีการตรวจสอบหากมีที่มาที่ไปไม่ถูกต้องก็จำเป็นต้องยึด”

“อยากจะฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนที่ครอบครองปืนว่า จะทำอะไรอยากให้ยั้งคิด เพราะเกิดยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วกระสุนตกลงมาโดนคนอื่น บาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็จะมีโทษร้ายแรง ถ้าอยากจะยิงปืนจริงๆ เชิญได้ที่สนามยิงปืนดีกว่า” รองโฆษก สตช. กล่าวทิ้งท้าย