เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน-ดอยอินทนนท์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่บริเวณ กม.ที่ 42 ของถนนจอมทอง - ดอยอินทนนท์ ที่ระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล โดยมีไฮไลต์อยู่บริเวณจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน ซึ่งมีลักษณะเป็นระเบียงไม้ยื่นออกไปจากภูเขา มีความสูงจากพื้นทุ่งหญ้าประมาณ 2 เมตร สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ ทะเลหมอก รวมทั้งตัวเมืองเชียงใหม่ในมุมสูงอย่างชัดเจน ที่สำคัญหากถ่ายรูปในมุมดีๆ จะเสมือนลอยอยู่บนฟ้าก็ว่าได้

และด้วยไฮไลต์ของ ‘จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน’ จึงทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนแหกกฎระเบียบ อาศัยจังหวะหลบหลีกเจ้าหน้าที่ขึ้นไปปีนป่าย เพื่อยืนถ่ายรูปบนราวไม้ที่กั้นไว้ป้องกันนักท่องเที่ยวตกลงไปข้างล่าง

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยเปิดอกกับ นายวุฒิพงษ์ ดงคำฟู ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลพื้นที่แห่งนี้ ถึงเรื่องราวดราม่าที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ 

...

ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า “บริเวณนี้จะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเดิน โดยเส้นทางมีสภาพเป็นป่าดิบเขาหรือป่าเมฆเดินทะลุออกทุ่งหญ้า และเดินเลียบตามสันเขา ระยะทาง 3.2 กม. และในจุดไฮไลต์นั้นมีลักษณะเหมือนระเบียงชมวิวยื่นออกมาอยู่กลางทุ่งหญ้า เวลาถ่ายภาพจะสวยเหมือนอยู่บนฟ้า

โดยบริเวณนี้ก็ถือเป็นจุดเสี่ยงที่เราได้ทำราวไม้กั้นป้องกันนักท่องเที่ยวตกลงไปด้านล่างไว้ แต่หากพลาดพลั้งตกลงมาก็ตกบนทุ่งหญ้าไม่ใช่ตกเขาหรือตกเหว แต่ไม่ถึงขั้นที่ว่าเสียชีวิต เพราะระเบียงนี้สูงจากพื้นเพียง 2 เมตรเท่านั้น”

เลิกแถ! จนท.ซัดกลับ ห้ามยืน นั่งบนราวไม้

นักท่องเที่ยวบางคนยังไม่เข้าใจคิดว่า ราวไม้กั้นบนจุดชมวิวกิ่วแม่ปานนั้น สามารถขึ้นไปนั่งหรือยืนได้ เพราะดูไม่ได้อันตราย หากตกลงมาก็เป็นทุ่งหญ้านั้น

นายวุฒิพงษ์ อธิบายประเด็นนี้อย่างชัดเจนว่า “บริเวณจุดชมวิวกิ่วแม่ปานที่มีราวไม้กั้นอยู่ ซึ่งที่ตรงนี้ไม่ได้ทำมาเพื่อให้คนขึ้นไปนั่งหรือยืนบนราว เพราะเป็นที่สำหรับเอามือจับเพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวพลัดตกจากระเบียงไม้เท่านั้น บางคนอาจจะคิดว่านั่งหรือยืนได้ ตกลงไปก็ไม่ตายเพราะเป็นทุ่งหญ้า

แต่เราก็ได้มีป้ายเตือนอย่างชัดเจนทั้งบนและล่างว่า ห้ามปีนป่าย ซึ่งป้ายก็ได้ติดมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เพิ่งจะมาติดตอนเกิดเหตุ แต่นักท่องเที่ยวบางคนก็ยังจะมีพฤติกรรมแบบนั้น แต่อย่างไรก็ดี หากเจ้าหน้าที่พบเห็นจะต้องเข้าไปตักเตือนอย่างแน่นอน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะแอบทำตอนเจ้าหน้าที่เผลอ”

คนไทยชอบแหกกฎ! อะไรที่ห้ามกลับชอบทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดดังกล่าวเคยมีคนตกลงไปบ้างหรือไม่? นายวุฒิพงษ์ ตอบว่า "สำหรับจุดนี้ยังไม่เคยมีคนตกลงไปเพราะว่ามีราวไม้กั้นไว้อยู่ แต่ทางอุทยานฯ กังวลว่า หากนักท่องเที่ยวเลียนแบบพฤติกรรมไม่ดีเยอะๆ ราวไม้ที่กั้นอาจจะรับน้ำหนักไม่ไหวจนกระทั่งมันพังลงมาและทำให้นักท่องเที่ยวตกลงไปด้านล่างก็ได้"

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มใดที่ชอบขึ้นไปปีนป่ายบนราวไม้กั้น นายวุฒิพษ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวอย่างเอือมระอาว่า “ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่ชอบแหกกฎก็เป็นคนไทยทั้งนั้นแหละ อะไรห้ามๆ ก็อยากจะทำกันจัง ซึ่งอุทยานฯ ไม่เคยอนุญาตให้กระทำ และเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรที่จะทำ เพราะว่ามันเสี่ยงต่ออันตรายต่อตัวเขาเอง และทำไปก็ทำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ต้องมาซ่อมแซมดูแลอีก”

...

จนท. วอน นักท่องเที่ยวเห็นใจซึ่งกันและกัน ยัน ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เดือดร้อน

ด้วยความที่กิ่วแม่ปาน อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น มีนักท่องเที่ยวพลัดตกลงไปเสียชีวิต นั้น ย่อมส่งผลกระทบไปอย่างมากมาย

นายวุฒิพงษ์ เผยว่า หากเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น เจ้าหน้าที่จะต้องโดนสอบสวนอย่างแน่นอนว่าเรื่องราวเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ที่ไม่ใส่ใจดูแลนักท่องเที่ยวทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้าย ซึ่งบางครั้งก็ไม่มีใครเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ไปปีนป่าย และนักท่องเที่ยวบางคนก็ไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่มาดูแล หรือบางคนชอบทำอะไรแผลงๆ ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลเสียต่ออุทยานฯ เช่น ภาพลักษณ์อุทยานฯ เสียหาย ไม่มีใครอยากมาเที่ยวที่นี่ เพราะมีคนมาเสียชีวิต

“ไม่ใช่ว่าร่างคุณอยู่ตรงนั้นก็จบ มันไม่ใช่ ตัวเองไม่ได้เดือดร้อนคนเดียว คนเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้คนเดียว และที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของคุณ ที่ตรงนี้เป็นที่สาธารณะ มันจะเกิดผลกระทบตามมามากมายจากการกระทำของคนไม่กี่คน อยู่ที่สามัญสำนึกของคนจริงๆ เวลานักท่องเที่ยวขึ้นมาที่นี่เราก็อยากให้มีความสุขทุกคน ไม่อยากให้เกิดเหตุไม่ดีอะไร แต่พอเกิดเหตุขึ้นคนก็จะมองเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้มีคนที่ทำไม่กี่คน แต่ทำให้ใครอีกหลายคนต้องมาเดือดร้อน ผมอยากขอความเห็นใจซึ่งกันและกันด้วย”

...

ยืนโพสท่าบนราวไม่ได้เท่! จ่อลงดาบนักท่องเที่ยวแหกกฎ

หลังจากมีข่าวออกมานั้น ทางอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ในเรื่องความเข้มงวดมากขึ้น แต่ก็ยอมรับในข้อจำกัด เนื่องจากเส้นทางดังกล่าว 3.2 กม. นี้ มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ประมาณ 3 คนเท่านั้น เทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวันมากถึง 2,000-3,000 คน จึงให้เจ้าหน้าที่อยู่สแตนด์บายในจุดเสี่ยงต่างๆ นานขึ้น คอยดูแล ตักเตือน และทำความเข้าใจกับไกด์ท้องถิ่น รวมทั้งให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่า พฤติกรรมใดควรปฏิบัติหรือไม่ควรปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวแหกกฎอีกบ้างไหม? นายวุฒิชาติ ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “นักท่องเที่ยวบางคนคิดว่าเป็นความท้าทาย คิดว่าทำแล้วเท่ก็คงยังมีอยู่ เพียงแต่เจ้าหน้าที่จะเข้มงวดมากขึ้น และเมื่อเกิดเหตุการณ์อีกก็คงต้องงัดมาตรการที่ไม่อยากจะทำกับนักท่องเที่ยว คือ การปรับ เพราะฝ่าฝืนป้ายเตือน แต่ก็ไม่อยากทำเพราะอยากให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวโดยสวัสดิภาพและมีความสุขมากกว่า”

...

ในท้ายที่สุดนี้ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ฝากไปยังนักท่องเที่ยวทุกคนด้วยว่า “อยากให้นักท่องเที่ยวช่วยกันปฏิบัติตามกฎระเบียบด้วย และขอให้คนที่ไปเที่ยวด้วยกันช่วยกันตักเตือนกัน เพราะเราเตือนด้วยความห่วงใยในสวัสดิภาพของเขา อยากให้เกิดกระแสของการที่ไม่ส่งเสริมนักท่องเที่ยวที่ปฏิบัติตัวไม่ดี เพราะทำแล้วมันไม่ได้เท่เลย อย่าคิดว่าตัวเองเดือดร้อนคนเดียว คนอื่นก็เดือดร้อนด้วย”

การแหกกฎไม่ได้ทำให้คุณ ‘เท่’ แต่การเคารพกฎคือ สิ่งที่ ‘เท่’ ต่างหากเล่า...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

  • สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราวหรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่

    reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ