ประเทศไทยมีสถิติอุบัติเหตุติดอันดับโลก! ทุกๆ เทศกาลแห่งความสุข ปีใหม่ หรือ สงกรานต์ นอกจากบรรยากาศความสนุกสนานแล้ว ยังต้องนับตัวเลขผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุอีกด้วย...นับเป็นเรื่องน่าเศร้าใจยิ่งนัก

และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้เกิดอุบัติเหตุน่าเศร้าสลดและสะเทือนใจคนทั่วประเทศอีกครั้ง กับเหตุรถบัส บขส. 999 สีชมพูคาดเหลือง ทะเบียน 32-4188 กรุงเทพมหานคร ตกเหวลึกกว่า 200 เมตร จุดเกิดอยู่ที่บริเวณ ถนนทางหลวงหมายเลข 11 เส้นทางพิษณุโลก-เด่นชัย กม.ที่ 350-351 เขตรอยต่อบ้านบึงหลัก-บ้านหนองน้ำเขียว ต.ด่านนาขาม ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายถึง 18 คน และบาดเจ็บ 20 ราย ซึ่งผู้โดยสารทั้งหมดเป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ บริษัท กสท โทรคมนาคม ซึ่งได้จัดคณะไปเที่ยว จ.น่าน และแพร่ และเกิดอุบัติเหตุขึ้นขณะขับรถกลับ

นายอุดม สมมาตร โชเฟอร์รถทัวร์ที่ได้รับบาดเจ็บยอมรับว่า ขากลับขณะวิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางลงเขา รถเสียหลักชนแท่งแบริเออร์ พุ่งตกเหวทำให้มีผู้โดยสารบาดเจ็บและเสียชีวิต

พื้นที่ดังกล่าว นับเป็นเส้นทางอันตรายที่ชาวบ้านแถวนั้นต่างรู้จักกันดี และเรียกว่า “เขาพลึง” นับเป็นเส้นทางมรณะอีกสายที่ผู้ใช้รถต้องระมัดระวัง ซึ่งมีความลาดชันสูงเกิน 7% ทางลงเขายาวถึง 4 กม.

...

ตร.เผย รถทัวร์เร่งความเร็วแซงรถคันหน้า จนเบรกไม่อยู่

สำหรับความคืบหน้าในคดีนี้ พ.ต.ต.รัชตะ สร้อยแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ซึ่งยังเหลือสอบพยานอีก 8-9 ปาก พร้อมกับรอผลสรุปทางวิศวกรรมจากกรมการขนส่งมาประกอบด้วย

ทั้งนี้ จากการสันนิษฐานเบื้องต้น คาดว่า คนขับน่าจะขับมาเร็ว อีกทั้งยังมีพยานในรถเห็นว่า รถทัวร์เร่งความเร็วก่อนที่จะเปลี่ยนเลน เพื่อแซงรถคันอื่นตอนกำลังจะลงเนินพอดี เมื่อวิ่งมาถึงทางโค้งด้วยความเร็วแล้วเบรก จึงทำให้รถเสียหลัก

“ตอนนี้กำลังเอากล่อง GPS ไปตรวจ เพื่อตรวจสอบความเร็วของรถที่ขับมา น่าจะเสร็จประมาณสัปดาห์หน้า ส่วนตัวคนขับรถทัวร์ ยังอยู่โรงพยาบาล ถ้าหายดีแล้วก็ต้องแจ้งข้อหาประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย” พ.ต.ต.รัชตะ กล่าว

ทางหลวง ยัน มาตรการเข้ม! ชี้ จุดเสี่ยงจริงแต่ไร้คนตาย

ด้าน นายชัยสิริ คงพิม รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด แม้ว่าในแต่ละวันมีรถวิ่งผ่านเส้นทางนี้เกือบ 20,000 คัน เนื่องจากเป็นเส้นทางหลัก และเป็นจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยปีละ 10-15 ครั้งแต่ก็ไม่เคยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต เพราะส่วนใหญ่ที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้น จะมีแท่นแบริเออร์ขวางกั้นอยู่ จึงยังไม่เคยมีอุบัติเหตุครั้งไหนที่มีรถตกลงไปในหุบเหว

สำหรับมาตรการดูแลความปลอดภัยบนถนนสายนี้นั้น แขวงทางหลวงฯ ได้ติดป้ายเตือนจำกัดความเร็วตั้งแต่ยอดเขาลงมา คือ 60 กม./ชม. ต่อมาใกล้ๆ จุดเกิดเหตุจำกัดความเร็วเหลือ 45 กม./ชม. จนมาถึงจุดเกิดเหตุจำกัดความเร็วให้เหลือ 30 กม./ชม. พร้อมทั้ง ยังติดปุ่มสะท้อนแสง ติดไฟฟ้าส่องทาง และป้ายเตือนให้ระวังจุดเกิดอุบัติเหตุด้วย

...

ส่วนพื้นผิวถนนได้ใช้ พาราสเลอรี่ซีล (Para Slurry Seal) ฉาบผิวถนนล่าสุดไปเมื่อมีนาคม 59 นี้เอง โดยคุณสมบัติของผิวพาราสเลอรี่ซีล มีลักษณะแข็งแรง ช่วยให้ผิวทางมีความคงทนสูง ลักษณะผิวหน้าไม่ลื่น จะเพิ่มความฝืด ความหนืดของล้อรถกับผิวถนน มีอายุการใช้งานตามสัญญาประมาณ 2 ปี และถนนยังสามารถรับน้ำหนักได้ดีเพียงพอตามมาตรฐานของกรมทางหลวง โดยรับน้ำหนักได้มากกว่า 25 ตันขึ้นไป นอกจากนี้ เรื่องของแบริเออร์นั้น แขวงทางหลวงฯ มีแผนที่จะเพิ่มระยะให้ยาวมากขึ้น เนื่องจากรถทัวร์คันดังกล่าวไปแฉลบหลุดเข้าช่องที่สิ้นสุดแบริเออร์ที่กั้นไว้พอดี คาดว่า หากรถชนแท่งแบริเออร์ไม่แรงเกินไปรถก็คงไม่หลุดตกเขาจนเป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมในครั้งนี้

กูรูยานยนต์ วิเคราะห์ โชเฟอร์ขับลงเขาเร็ว จนรถเสียการควบคุม

ทีมข่าวฯ ได้เชื้อเชิญ นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ มาวิเคราะห์ถึงสาเหตุรถทัวร์ดิ่งเหวที่ จ.อุตรดิตถ์ โดย อ.พัฒนเดช อธิบายว่า ประเด็นแรก สภาพถนน เส้นทางเขาพลึง เด่นชัย-อุตรดิตถ์ เป็นเส้นทางแรกๆ ของประเทศไทยที่มีจุด Safety Zone สำหรับป้องกันรถที่วิ่งมาเร็วเกินไปและจะหลุดโค้ง โดยทางลงเขาจะมีลักษณะเป็นทางแยกเหมือนตัว Y ใช้ในกรณีที่รถลงจากเขาด้วยความเร็วเกินไปหรือเบรกแตกจนคิดว่าควบคุมรถไม่ได้ โดยคนขับต้องควมคุมรถให้วิ่งตรงไปไม่เข้าโค้งตามทาง เมื่อรถพุ่งตรงหลุดจากถนนบริเวณหัวโค้งไปจะเจอกับทางกรวดหรือทรายร่วนและเป็นทางเชิดขึ้นสูง รถก็จะหยุดตรงนั้นไม่พลิกคว่ำและไม่ตกเหว

...

ประเด็นที่สอง รถที่ใช้เป็นรถบขส. 999 ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อมีการเช่าพิเศษเหมาไปเที่ยวนั้น จะเลือกใช้คนขับที่เคยขับเส้นทางนี้ แต่ก็ไม่ทราบว่ากรณีนี้เป็นแบบไหน ฉะนั้น ในเรื่องของสภาพรถกับคนขับที่ไม่คุ้นเส้นทางคิดว่ามีโอกาสเกิดได้น้อย

ฉะนั้น หตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คาดว่าคนขับน่าจะขับรถลงมาเร็วเกินไป ซึ่งก็เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น เผลอ เพลิน หรือประมาท โดยเฉพาะรถใหญ่หากขับลงเขาด้วยความเร็ว การคอนโทรลรถย่อมทำได้ยาก เพียงแค่เหยียบเบรกก็ทำให้รถปัดคว่ำได้แล้ว ซึ่งกรณีนี้ในทางวิทยาศาสตร์โอกาสในการเกิดอุบัติเหตุมีเกือบ 100%

“เทคนิคในการขับรถขึ้นเขา-ลงเขา แนะนำว่า ให้ใจเย็นๆ ขึ้นช้าๆ ลงช้าๆ เท่านั้นเอง สุภาษิตคนขับรถบรรทุกแต่ก่อน ขึ้นเขาขึ้นไม่ไหวไม่ตายแค่อายคน แต่ลงเขาลงไม่ไหวตายแน่นอน ฉะนั้นแล้ว เวลาขึ้นเขา-ลงเขา ขับรถด้วยความระมัดระวัง อย่าประมาท และใช้เกียร์ที่สัมพันธ์กับความชันและรอบเครื่องยนต์ด้วย” กูรูด้านรถยนต์ แนะนำ

...

ขนส่งฯ แจง รถใหม่ ผ่านการตรวจสภาพ คนขับประวัติดี

ด้าน นายณันทพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงการตรวจสอบรถทัวร์คันที่เกิดเหตุว่า รถคันดังกล่าวสภาพค่อนข้างใหม่ ผ่านการตรวจสภาพตามปกติ และยังมีอายุการใช้งานน้อย ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่น่าเกี่ยวกับสภาพรถ ส่วนคนขับ ได้รับรายงานมาว่า มีประวัติดี ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน และไม่ได้มึนเมาด้วย

“ขนส่งฯ มีมาตรการครบทุกด้าน เต็มที่ เข้มงวดกับรถสาธารณะ มีการตรวจสภาพอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี พร้อมกับติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วรถ ควบคุมชั่วโมงในการขับขี่ เสมือนมีตาวิเศษช่วยดู ฉะนั้น คงต้องมองประเด็นของสภาพถนน เพราะไม่ว่ารถจะมีสภาพดีแค่ไหนก็สามารถเกิดอุบัติเหตุได้หากปัญหานั้นเกิดจากกายภาพทางถนน ต้องไปแก้ที่ตรงนั้น” รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุ

หากนึกย้อนไปดูเหตุการณ์รถทัวร์มรณะพุ่งดิ่งเหวแล้วนั้น ความสูญเสียในครั้งนี้...ไม่ใช่ครั้งแรก!

ทัวร์เชียงใหม่เบรกแตก! แหกโค้งลงเหว 100 เมตร

หากย้อนกลับไปเมื่อไม่นานมานี้เอง เคยเกิดเหตุสลดรถทัวร์ตกเหวมาแล้ว โดยเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 57 รถทัวร์ ป.2 เชียงใหม่ มุ่งหน้าอุดรธานี สีฟ้าขาว หมายเลขทะเบียน 10-7063 อุดรธานี บรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคันรถ กระทั่งก่อนถึงจุดเกิดเหตุบริเวณริมถนนสายเด่นชัย-ลำปาง กม.ที่ 38-39 ต.บ่อเหล็กลอง อ.ลอง จ.แพร่ รถเสียหลักแฉลบตกถนน คนขับหักพวงมาลัยขึ้นมาได้ทัน แต่เมื่อเจอกับทางโค้งข้างหน้ากลับเบรกไม่อยู่ รถหลุดโค้งพุ่งลงเหวลึกกว่า 100 เมตร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 18 ราย

เบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากเบรกแตก โดยหลังจากที่รถทัวร์เสียหลักตกถนนครั้งแรกคนขับหักพวงมาลัยรถขึ้นมาบนถนนได้ แต่เบรกไม่ทำงาน รถจึงเสียหลกหลุดโค้งพุ่งเข้าในป่าละเมาะข้างทาง คาดว่าคนขับคิดว่าเป็นที่ราบมีต้นไม้ปกคลุม แต่รถกลับพุ่งตกเหวลึกพลิกคว่ำดังกล่าว

ทัวร์ตกสะพานดิ่งเหวเพชรบูรณ์ ดับ 29 ศพ

อีกเหตุการณ์หนึ่ง ช่วงสิ้นปี เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 56 เวลา 23.30 น. รถโดยสารปรับอากาศ สีฟ้าขาว หมายเลขทะเบียน 10-2726 เชียงราย หมายเลขข้างรถ 637-20 จากขอนแก่นมุ่งหน้าปลายทางเชียงราย บรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคันรถเช่นเดียวกัน โดยวิ่งไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 12 ที่เชื่อมระหว่างภาคเหนือกับภาคอีสาน มาถึงระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 374-375 รถเกิดส่ายไปส่ายมา ไปกระแทกราวสะพานก่อนแหกโค้งบริเวณสะพานพ่อขุนผาเมือง (สะพานห้วยตอง) อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างหุบเขา ก่อนพุ่งตกลงไปในเหวลึกประมาณ 50 เมตร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 29 ราย บาดเจ็บ 4 ราย

นายวิชรัช พุ่มโตมร นายสถานีขนส่งผู้โดยสารสาขา อ.หล่มสัก เผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อรถคันดังกล่าวมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งลงเขาลาดชัน ระยะทางยาวกว่า 3 กม. เมื่อมาถึงบนสะพานก็ยังเป็นทางโค้ง คาดว่าคนขับใช้ความเร็วสูงจึงควบคุมรถไม่อยู่ ทำให้รถเสียหลักแหกโค้งชนกำแพงปูนกั้นขอบทางไถลครูดราวเหล็ก ก่อนลอยละลิ่วเหินทะยานพุ่งตกลงไปในหุบเหวลึกเบื้องล่าง

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะสภาพคน สภาพรถ หรือสภาพถนนก็ตาม พึงระลึกไว้เสมอว่า...อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ หากคุณประมาท!

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

รถทัวร์ 'ผู้เกษียณอายุ กสท' ตกเขาพลึงที่อุตรดิตถ์ สรุปดับ 18 เจ็บ 20

สุดเศร้า ญาติรับ 18 ศพบัสตกเขาพลึง แม่ฝันฟันหักหมดปาก ก่อนเสียลูกชาย

โชเฟอร์ทัวร์ตกเขาพลึง บอกผมโดดทัน ยอดตาย 7 รถทับก้นเหวอีก 10 (ชมคลิป)

วิเคราะห์สาเหตุรถ บขส. 999 ตกเหว

โชเฟอร์ทัวร์ตกเขาพลึง บอกผมโดดทัน ยอดตาย 7 รถทับก้นเหวอีก 10 (ชมคลิป)

ตรวจซากรถทัวร์มรณะ หาเหตุตกเหวเขาพลึง 18 ศพ เบรก-ยางปกติ รอผลกล่องดำ

  • สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราวหรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่
    reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ