2 ตายายชาวจังหวัดสุโขทัย ยึดอาชีพทำว่าวขายทำจากผ้าพลาสติกหลากสี สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ยอดสั่งจองเพียบ แพงสุดตัวละ 700 บาท เผย ว่าวจุฬา ยอดฮิต รองลงมาคือ "ว่าวดุ๊ยดุ่ย" ปีที่ผ่านมาขายได้ร้อยกว่าตัว...
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 81 หมู่ 6 ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านของนายเสวิง เพ็ญเชื้อ อายุ 67 ปี และ นางสมศักดิ์ เพ็ญเชื้อ อายุ 65 ปี สองตายาย เมื่อไปถึงพบตาเสวิง กำลังนั่งเหลาไม้ไผ่เพื่อทำโครงว่าวอยู่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน ส่วนยายสมศักดิ์ กำลังสาละวนอยู่กับการทำผ้าพลาสติกสีสันต่างๆมาติดกับโครงว่าวไม้ไผ่
ตาเสวิง เล่าให้ฟังว่า ตนเองได้หัดทำว่าวมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆ และว่าวที่ตนเองถนัดทำมากที่สุดคือว่าวจุฬาและว่าวดุ๊ยดุ่ย จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาตนจะใช้เวลาว่างนั่งทำโครงว่าวจุฬาและว่าวดุ๊ยดุ่ย ขนาดต่างๆ ไว้ จากนั้นได้คิดนำเอาผ้าพลาสติกหลากสี มาติดที่โครงว่าวแทนกระดาษแก้ว เนื่องจากจะมีความคงทนกว่าและเมื่อเวลามีฝนตกลงปรอยๆ ก็ยังสามารถเล่นได้ไม่ต้องรีบนำว่าวลงเนื่องจากว่าจะกลัวเปียกฝน
...
"ผมมีหน้าที่ทำโครงและติดลานซึ่ง ส่วนภรรยา จะเป็นคนติดพลาสติกและลวดลายบนตัวว่าวด้วยความละเอียด สวยงาม สำหรับว่าวที่ได้รับความนิยมตลอดกาลคือว่าวจุฬา เนื่องจากมีความสวยงามของรูปทรงและเสียงลานเวลาที่ตัดกับลมบนอากาศจะส่งเสียงดังกังวานไพเราะ ส่วนว่าวดุ๊ยดุ่ยก็ได้รับความนิยมเช่นกัน แต่ก็ไม่เท่าว่าวจุฬา ซึ่งว่าวดุ๊ยดุ่ย จะดังเป็นสองเสียง" ตาเสวิง กล่าว
ตาเสวิง กล่าวต่อว่า สำหรับราคาว่าวที่ทำขายจะมีตั้งแต่ราคา 300 บาท 500 บาท และสูงสุด 700 บาท ปีที่ผ่านมาตนเองขายว่าวได้ประมาณร้อยกว่าตัวจึงสร้างรายได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ปัจจุบันจะมีคนทำว่าวอยู่หลายเจ้า แต่ว่าวของตนเองยังคงได้รับความนิยมกว่าเจ้าอื่นเนื่องจากมีลักษณะดี สวยงาม สีสันสดใสและเสียงลานดังไพเราะ
"นอกจากว่าวจุฬาและว่าวดุ๊ยดุ่ยแล้ว ยังมีว่าวชนิดต่างๆ ซึ่งเด็กๆ นิยมนำไปเล่นอีกหลายชนิด อาทิ ว่าวอีลุ้ม ว่าวปลา ว่าวผีเสื้อ และว่าวงู โดยเฉพาะว่าวงู เด็กๆ จะนิยมมาก เนื่องจากหางมีลักษณะยาวสวยงาม" ตากล่าวทิ้งท้าย