ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น “ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี” นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน ผิดโพสต์เฟซบุ๊กราคาขายน้ำมันดีเซล หมิ่นกระทรวงพลังงาน ปี 56 ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 3 หมื่น แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ 15 พ.ย. 59 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.5418/2556 ที่กระทรวงพลังงาน มอบอำนาจให้ นายเอกศักดิ์ ญาโนทัย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1)
ตามฟ้องโจทก์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 56 ที่จำเลยได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “คุยกับหม่อมกร” ระบุถึงราคาขายน้ำมันดีเซล อันเป็นการใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ต่อประชาชนหรือบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นบุคคลที่สามโดยการโฆษณา หรือด้วยวิธีใดๆ โดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต ซึ่งการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำโดยการหมิ่นประมาทโจทก์ เป็นการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ทุกแขวง ทุกเขตกรุงเทพมหานคร และทั่วประเทศ
คดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งรับฟ้องคดีเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 57 ต่อมา ศาลมีคำพิพากษาวันที่ 1 ต.ค. 58 ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 3, 14 (1) ซึ่งเป็นความผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุด ฐานนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ จำคุก 1 ปี และปรับ 30,000 บาท จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้รอการลงโทษจำคุกมีกำหนดเวลา 2 ปี และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาของศาลฉบับเต็ม ในหนังสือพิมพ์รายวัน ไทยโพสต์, แนวหน้า, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, ข่าวสด และกรุงเทพธุรกิจ เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณาทั้งหมด และให้จำเลยลบภาพกับข้อความที่หมิ่นประมาทโจทก์ในระบบคอมพิวเตอร์ผ่านโปรแกรมเฟซบุ๊ก ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของหน้าเพจเว็บไซต์ชื่อว่า “คุยกับหม่อมกร” ถ้าไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
...
ต่อมา ม.ล.กรกสิวัฒน์ จำเลย ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้อง ขณะที่ กระทรวงพลังงาน โจทก์ ยื่นอุทธรณ์เช่นกัน ขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานหนัก
โดย นายบัญชี ปรมีศณาภรณ์ ทนายความฝ่ายกระทรวงพลังงาน โจทก์ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น.