พสกนิกรชาวไทยภูเขา 999 คน เข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ร่ำไห้สะอื้นเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ประดิษฐานเบื้องหน้าพระบรมโกศ รำลึกพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงชุบชีวิตราษฎรชาวไทยภูเขาให้อยู่ดีกินดี มีแผ่นดินอาศัย มีอาชีพทำกิน และทรงทำให้คนเมืองไม่เกลียดคนดอย กษัตริย์เบลเยียมทรงโปรดฯ ให้อุปทูตเป็นผู้แทนพระองค์มาถวายสักการะ ผู้นำเมียนมา-ฟิลิปปินส์ร่วมลงนามแสดงความอาลัย ปลื้ม 3 เรือใบซุปเปอร์มดที่ “ในหลวง ร.9” ทรงออกแบบ แล่นฝ่ากระแสลมกระแสคลื่นแม่น้ำเจ้าพระยาจากเมืองนนท์มายังท่านิเวศน์วรดิฐ เทิดพระเกียรติ ส่วนโปรแกรมออนไลน์การถวายบังคมพระบรมศพ เสร็จ 14-15 พ.ย. ต่างจังหวัดจัดกิจกรรมแสดงความอาลัยต่อเนื่อง ทั้งแปรอักษร ทำความดีถวายและร่วมรำลึกโครงการพระราชดำริ
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย แต่มิอาจทำให้พสกนิกรทั่วแผ่นดินไทยย่อท้อไม่ ยังเดินทางฝ่าสายฝนมาถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรม โกศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง กันอย่างไม่ขาดสาย ด้วยหัวใจที่จงรักภักดีสุดซึ้งและรำลึกถึงมิเว้นวาย
พสกนิกรยังแน่นสนามหลวง
ทั้งนี้ ที่บริเวณปริมณฑลท้องสนามหลวงและบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 9 พ.ย. พสกนิกรจากทั่วทิศ เดินทางมาเข้าแถวตอนเรียงสี่ เข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง โดยท้ายแถวอยู่ที่ด้านทิศเหนือของท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุดนี้จะมีลูกบอลลูนขนาดใหญ่เขียนว่าจุดเข้าคิวลอยอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ได้กางเต็นท์จำนวน 70 เต็นท์ ให้ประชาชนไว้กันแดดกันฝน ก่อนจะค่อยทยอยปล่อยแถวเป็นกลุ่มๆ เข้ามาที่บริเวณฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา แล้ววกเข้าสู่สนามหลวงด้านทิศใต้ ตัดเข้ากลางสนามหลวง มานั่งรอในเต็นท์ที่บริเวณหน้าถนนหน้าพระธาตุ หน้ากรมศิลปากร โดยหัวแถวอยู่ที่หน้าประตูวิเศษไชยศรี ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา แต่ไม่ได้ทำให้พสกนิกรเกิดความย่อท้อแต่ประการใด ยังเดินทางเข้ามาต่อแถวกันอย่างต่อเนื่อง
...
2 ราชนิกูล “ยุคล” บำเพ็ญพระราชกุศล
ในส่วนพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 9 พ.ย. เวลา 07.00 น. พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล ทรงเป็นประธาน บำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร และถวายภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดบวรนิเวศวิหารและวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรม ต่อมาเวลา 11.00 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงเป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจาก วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
ชาวเขา 9 ชนเผ่าร่วมอาลัย
เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้การต้อนรับชาวไทยภูเขา 9 ชนเผ่า จาก 20 จังหวัด จำนวน 999 คน ประกอบด้วย กะเหรี่ยง 249 คน ม้ง 207 คน ลาหู่ 99 คน อาข่า 99 คน เมี่ยน 99 คน ลีซู 99 คน ลัวะ 49 คน ขมุ 49 คน และถิ่น 49 คน ที่วิหารคด วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรม “999 ดวงใจร่วมอาลัยพ่อหลวง” จัดโดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในจำนวนนี้มีบุคคลในภาพ ที่เคยร่วมรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชจำนวน 9 เหตุการณ์ในความทรงจำรวมอยู่ด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ได้มอบกระเป๋าให้กับ ทุกคนก่อนจะนำขึ้นรถ ขสมก. จำนวน 25 คัน เดินทางไปยังสนามหลวง
นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจ
เวลา 12.00 น. ชาวไทยภูเขา 9 ชนเผ่า ทั้งหมด ได้ตั้งริ้วขบวนแยกตามชนเผ่าบริเวณหน้ากระทรวงกลาโหม ก่อนจะเข้าถวายสักการะพระบรมศพ โดยแต่ละคนแต่งกายในชุดประจำเผ่าที่สวยสดงดงาม หลายคนนำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาถือไว้แนบอกหรือเหนือศีรษะ รวมถึงบุคคลในภาพเหตุการณ์ความทรงจำ ก็นำภาพที่บันทึกไว้มาถือไว้แนบอก เรียกความสนใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาบริเวณรอบพระบรมมหาราชวังจำนวนไม่น้อย จนนำโทรศัพท์และกล้องมาบันทึกภาพ
ตั้งริ้วขบวนเดินเข้าวังฟังพระพิธีธรรม
จากนั้นชาวไทยภูเขา 999 คน ได้เดินแถวเป็นริ้วขบวน นำโดย นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ เข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ตัดผ่านวัดพระแก้ว เข้าไปตั้งแถวที่จุดพักคอยหน้าศาลาสหทัยสมาคมจากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง นำคณะทั้งหมด เดินเข้าเขตพระราชฐานชั้นกลางผ่านประตูสุวรรณบริบาล เข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทางประตูกำแพงแก้วฝั่งเหนือ จนทั้งหมดได้เข้าสู่ภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าหน้าที่ให้นั่งรออยู่ในเต็นท์พักคอยบริเวณด้านหน้า ร่วมฟังพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ร่ำไห้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์
กระทั่ง เวลา 15.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดช จึงทรงโปรดให้กลุ่มชาวไทยภูเขา ที่นั่งพักคอยอยู่ด้านล่าง ได้ขึ้นมาสักการะพระบรมศพ ขณะที่ยังประทับอยู่บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สร้างความปลาบปลื้มปีติ ให้เหล่าชาวไทยภูเขาเป็นอย่างยิ่ง ระหว่างที่ชาวไทยภูเขาได้น้อมกายก้มกราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ประดิษฐานอยู่ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ชาวเขาผู้สูงอายุหลายคนที่เคยได้เข้าเฝ้ารับเสด็จพระองค์ สมัยที่ทรงตรากตรำพระวรกาย เสด็จฯไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อชุบชีวิตราษฎรชาวไทยภูเขาให้อยู่ดีกินดี เมื่อเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาของความอาดูรเอาไว้ได้
เก็บภาพพระบรมโกศไว้บูชาชั่วชีวิต
เมื่อสิ้นสุดการสักการะพระบรมศพ ก็ยังได้เกิดฝนตกโปรยปรายลงมา กลุ่มชาวไทยภูเขาที่มาแสดงความกตัญญูกตเวทิตา ต่อองค์พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้รับภาพพระบรมโกศ พระบรมศพ พระ ราชทานติดมือกลับไปด้วย ต่างประคองภาพพระบรมโกศแนบอกเพื่อไม่ให้เปียกฝน ทั้งยังบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จะนำภาพนี้เก็บไว้สักการะบูชาตราบจนชีวิตจะหาไม่ จากนั้นได้ทยอยเดินออกทางประตูมณีนพรัตน์ ไปตั้งริ้วขบวนบริเวณหน้ากระทรวงกลาโหม เดินทางกลับ โดยแต่ละคนมีสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรู้สึกดีใจ ถือเป็นบุญ ที่ได้มากราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือพ่อหลวงในดวงใจของราษฎรบนพื้นที่สูง แม้ทุกคนยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความอาลัย หลังออกมาจากการถวายบังคมพระบรมศพ
...
อยากเป่าแคนส่งเสด็จสู่สรวงสวรรค์
นายอันไซ แซ่ย่าง อายุ 74 ปี ชนเผ่าชาวม้ง เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งแรก ที่ได้เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า เมื่อครั้งพระองค์เสด็จฯมายังหมู่บ้านแม่สาใหม่ ต.แม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2521 ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 8 คนที่ร่วมทำพิธีผูกขวัญข้อพระกรตามประเพณีชาวม้ง โดยได้ถวายพระพรให้พระองค์อยู่ดีมีสุขอายุยืนยาว พระองค์มีรับสั่งว่าดีมาก ขณะนั้นตื่นเต้นมากและเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต เส้นทางที่เสด็จฯแสนยากลำบาก แต่พระองค์ก็ยังเสด็จฯมา
สมัยนั้นครอบครัวตนและชาวบ้านปลูกฝิ่นทำไร่เลื่อนลอย พระองค์มาส่งเสริม ปลูกชา กาแฟ พืชผักเมืองหนาว จัดทำโครงการหลวง ทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมาก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกกับการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 นายอันไซซึ่งมีดวงตาแดงก่ำ ได้พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ก่อนที่จะสะอื้นแล้วหลั่งน้ำตารินออกมา แล้วตอบว่า วันนี้ได้นำแคนประจำตัวมาด้วย ถ้ามีโอกาสอยู่ในพระบรมมหาราชวังจะเป่าบรรเลง เพื่อส่งพระองค์สู่สรวงสวรรค์ และได้เป่าครั้งหนึ่งแล้วภายในวัดเบญจมบพิตรฯ
มีแผ่นดินอยู่มีอาชีพได้เพราะ “ในหลวง”
ขณะที่นายเจริญไชย ไชยกอ อายุ 56 ปี ชนเผ่าลาหู่ ผู้เคยเข้าเฝ้าฯถวายของที่ระลึกเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯบ้านห้วยลึก ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2527 ภาพเหตุการณ์ของนายเจริญไชยได้ถูกตีพิมพ์บนด้านหลังธนบัตรฉบับละ 100 บาท ซึ่งเป็นธนบัตรที่ระลึก เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ครั้งนั้นได้เข้าเฝ้าฯพร้อมทั้งรายงานให้ทราบถึงพ่อตน ที่ทำงานเป็นหัวหน้าหน่วยพัฒนาชาวเขาของกองกำกับการตำรวจชายแดน ถวายงานเกี่ยวกับส่งเสริมชาวบ้านการดูแลป่า ดูแลต้นน้ำ และโครงการหลวง ซึ่งพ่อเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2526 พระองค์ทรงรับสั่งให้ตนสานงานต่อ อย่าทิ้งชาวเขา อย่าทิ้งดอย ได้ปฏิบัติงานตามที่พระองค์มีพระราชดำริมาโดยตลอด วันที่เสด็จสวรรคตชาวบ้านทุกคนเสียใจอย่างยิ่ง เพราะพวกเราชาวไทยบนพื้นที่สูงมีแผ่นดินอยู่ มีอาชีพได้รับการศึกษาก็เพราะพระองค์ท่าน
...
ทรงทำให้คนเมืองไม่เกลียดคนดอย
เช่นเดียวกับนายจอนิ โอ่โดเชา อายุ 72 ปี ชนเผ่ากะเหรี่ยง ซึ่งเคยเข้าเฝ้าฯเมื่อครั้งเสด็จฯโครงการหลวงขุนวางและสถานีทดลองการเกษตร ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ครั้งนั้นได้มีโอกาสเป็น 1 ใน 3 คนที่ทำพิธีผูกข้อพระกรพระองค์ ได้ถวายพระพรในหลวง ร. 9 ว่า ให้ทนเหมือนก้อนหิน เย็นเหมือนน้ำ อายุยืน พระองค์ทรงแย้มพระสรวลกลับมา สร้างความปีติมาก พระองค์ทำให้คนในเมืองไม่เกลียดชังคนดอย แถมยังสร้างสัมพันธ์กับคนบนที่สูง รวมถึงตนที่เหมือนอยู่ในป่าในดอย รู้สึกเศร้ามากพูดไม่ถูกในวันที่พระองค์เสด็จสวรรคต หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระราชทาน เป็นหลักสำคัญที่ทำให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข ซึ่งตนยึดปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
กษัตริย์เบลเยียมส่งอุปทูตถวายสักการะ
ขณะที่ในเวลา 14.13 น. สมเด็จพระราชาธิบดีฟิลีป เลโอโปล หลุยส์ มารียา แห่งราชอาณาจักรเบลเยียม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายนิโคลัส นิอง อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนพระองค์ เดินทางมาถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และลงนามแสดงความอาลัย ณ อาคารสำนักราชเลขาธิการ ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีฟิลีป เลโอโปล หลุยส์ มารียา เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทย ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรเบลเยียม ถึง 3 ครั้ง โดยในปี 2544 เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระ ตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล ในปี 2549 ทรงเข้าร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครบ 60 ปี และในปี 2556 เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ โรงพยาบาลศิริราช ในฐานะพระราชอาคันตุกะส่วนพระองค์
...
ผู้นำพม่า–ฟิลิปปินส์ แสดงความอาลัย
นอกจากนี้ ตลอดทั้งวัน ยังมีผู้นำและผู้แทน ประมุขจากต่างประเทศเดินทางมาวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง และลงนามแสดงความอาลัย ณ อาคารสำนักราชเลขาธิการ ตามลำดับ เริ่มจากนายตินจ่อ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ที่เดินทางมาช่วงเช้า และช่วงบ่ายมีนายโรดริโก ดูเตร์เต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เดินทางมาในโอกาสที่นายโรดริโก ดู-เตร์เต มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก
ตร.ปชส.จุดรับ–ส่งชัตเติลบัส
อีกด้าน ในเวลา 10.00 น. บริเวณหน้าสภาทนายความ (เก่า) ถนนราชดำเนินกลาง พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รรท.รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบก.จร. และตำรวจ บก.จร.ลงพื้นที่ แจกใบปลิวประชาสัมพันธ์เส้นทางจุดจอดรถชัตเติลบัส ให้ผู้ที่เดินทางมาสนามหลวงด้วยรถสาธารณะ พร้อมทั้งติดป้ายแบบแขวน ประชาสัมพันธ์เส้นทางการขึ้นรถโดยสารฟรี พล.ต.ต.จิรพัฒน์เผยว่า เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่เดินทางมาท้องสนามหลวง และเดินทางกลับ รถบริการฟรี 4 จุดหลัก คือ ที่ป้ายรถประจำทางหน้าร้านอาหาร สกายไฮ ใกล้โรงแรมรัตนโกสินทร์ ที่กรมรักษาดินแดน ที่ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า และหน้าสำนักงานสลากฯเก่า รวมทั้งสิ้น 16 เส้นทางที่มาสนามหลวง คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เอกมัย หัวลำโพง วงเวียนใหญ่ สายใต้ใหม่ เซ็นทรัลบางใหญ่ หมอชิต 2 เมืองทองธานี เซ็นทรัลพระราม 2 เซ็นทรัลศาลายา เมกาบางนา พุทธมณฑลสาย 4 แอร์พอร์ตลิงก์มักกะสัน ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต สโมสรตำรวจ และนางเลิ้ง นอกจากนี้จะมีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ว่ารถโดยสารในแต่ละจุด มีจุดหมายที่ใดบ้าง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
สำรวจโป๊ะท่าเรือรองรับคลื่น ปชช.
เวลา 11.45 น. มีการประชุมกองอำนวยการร่วม รักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ภายหลังประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.ต.อำนวยนิ่มมะโน รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ที่ประชุมหารือเรื่องการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่จะสัญจรมาทางน้ำในวันที่ 12,13 พ.ย. จะมีพิธีพระราชทานปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยจะเน้นความปลอดภัยโป๊ะเรือต่างๆ เบื้องต้นสำนักงานเขตพระนคร ไปตรวจสอบทุกโป๊ะเรือ พบว่าอยู่ในมาตรฐานที่กำหนด วันที่ 11 พ.ย. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. จะไปตรวจสอบท่าเทียบเรือทั่วแม่น้ำเจ้าพระยา เตรียมความพร้อมเทศกาลลอยกระทง สำหรับการรองรับพระภิกษุสงฆ์ที่จะเดินทางมาเจริญจิตภาวนาปลงธรรมสังเวชพระบรมศพฯ จะเชิญผู้แทนจากสำนักพุทธศาสนา มาหารือเรื่องการดูแลจัดที่พักคอยให้พระสงฆ์ตามความเหมาะสม อาจจะเป็นที่วัดโพธิ์ วัดมหาธาตุฯ หรือที่ราชนาวีสโมสร
ยืนยันไม่มีการลัดคิวแน่นอน
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวอีกว่า ส่วนประชาชน อยากให้เดินทางมากับกระทรวงมหาดไทย เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และมีการตรวจสอบแอลกอฮอล์ของโชเฟอร์รถบัสด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนเกิดความสับสนในการจัดคิว จากการปล่อยประชาชนที่เต็นท์พักคอย รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า จุดต่อคิวจะมีบอลลูนลอยเป็นสัญลักษณ์อยู่แล้ว การปล่อยคิวประชาชน เป็นไปตามที่สำนักพระราชวังส่งสัญญาณมาว่าให้ประชาชนเข้าไปได้ ยืนยันว่าไม่มีการปล่อยให้ใครได้เข้าไปก่อน หากประชาชนที่อยู่ในเต็นท์ที่ 1 ลุกออกไปเข้าคิว ก็จะให้คนที่อยู่เต็นท์ 2 เข้ามานั่งที่เต็นท์ 1 แทน เมื่อ กทม.ได้ตั้งเต็นท์ครบจำนวน 70 เต็นท์ที่ด้านทิศเหนือของสนามหลวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประชาชนที่พักคอยในเต็นท์จะได้เข้าสักการะได้ทั้งหมด
ทรงทอดไก่ต่อเนื่องแจกประชาชน
เวลา 13.05 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะองค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาด เสด็จส่วนพระองค์ยังรถโรงครัวเคลื่อนที่ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน หน้ากรมศิลปากร เพื่อทรงทอดไก่ประทานพร้อมข้าวเหนียวนึ่ง และข้าวเหนียวชุบไข่ทอด ให้กับราษฎรที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ ท่ามกลางพสกนิกรเดินทางมาเฝ้ารอชื่นชมพระบารมีและรับอาหารที่ทรงปรุงสดด้วยพระองค์เองกันอย่างเนืองแน่น พร้อมกันนี้ยังมีหน่วยงานต่างๆนำอาหารมาร่วมสมทบ อาทิ ขนมจีบ ซาลาเปา แอปเปิ้ล ลูกพลับ มะม่วง องุ่น โดยมีนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “เอ” ไชยา มิตรชัย, “โอ๊ต” สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์, อาท เควัน, นิโคล เทริโอ และนาตาลี เดวิส มาช่วยแจก
พิการทางตามาถวายสักการะ
ที่มณฑลท้องสนามหลวง นายทนง กันทอง อายุ 42 ปี พนักงาน Call Center เอไอเอสผู้พิการทางสายตา กล่าวว่า เดินทางมาสักการะพระบรมศพกับน้องสาวที่พิการทางสายตาเช่นกัน เนื่องจากซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่เมื่อปี 2539 ได้เสด็จฯมาที่โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ อ.เมืองเชียงใหม่ ตอนนั้นเรียนชั้น ป.6 ร่วมรับเสด็จ พระองค์ท่านได้ยื่นพระหัตถ์มาจับที่ไหล่ซ้าย พร้อมรับสั่งว่า “ตั้งใจเรียน” ตนถึงกับร้องไห้พูดไม่ออกด้วยความตื้นตันใจ ถึงแม้ดวงตาจะมองไม่เห็นทั้งคู่ แต่ใช้การถามทางคนอื่น เมื่อมาถึงก็มีจิตอาสาคอยช่วยเหลือ จนสามารถมากราบพระบรมศพ รู้สึกดีใจที่ได้มา
หนุ่มพิการปั่นจักรยานมากราบ
อีกรายมีนายธนวิน ปินะถา อายุ 29 ปี พิการขาลีบทั้งสองข้าง พร้อมกับญาติๆได้ร่วมกันปั่นจักรยานจากวัดยางศรีสุราช อ.ยางศรีสุราช จ.มหาสารคาม เดินทางมายังพระบรมมหาราชวัง โดยมาถึงท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก นายธนวินกล่าวว่า เริ่มปั่นจักรยานออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ชักชวนญาติๆปั่นมาด้วยกัน 5 คน เข้ามาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ตนพิการตั้งแต่กำเนิดขาลีบ สูงเพียง 90 เซนติเมตร แต่ร่างกายส่วนอื่นๆเป็นปกติดี แม้ขาจะใช้การไม่ได้ แต่มือยังใช้การได้ดีทั้งสองข้าง เวลาไปไหนมาไหนมีจักรยานขนาดเล็กใช้มือปั่น ได้นำรถจักรยานคู่ชีพนี้ปั่นจนมาถึงสนามหลวงเป็นผลสำเร็จ ระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตร ใช้เวลา 9 วัน
ชาวเยอรมันเป่าเพลงพระราชนิพนธ์
ที่บริเวณประตูวิเศษไชยศรี มีนายครูส เสรส อายุ 67 ปี อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ชาวเยอรมันแต่งกายสีดำไว้ทุกข์ สวมวิกสีธงชาติไทย ยืนเป่าทรัมเป็ตสลับกับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ “สายฝน” มีผู้ให้ความสนใจยืนฟังและปรบมือชื่นชมจำนวนมาก นายครูสกล่าวว่า มาอยู่ที่ประเทศไทย 9 ปี กับภรรยาคนไทย รู้สึกประทับใจที่พระราชาของคนไทย มีพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อให้คนไทยอยู่ดี และชอบบทเพลงพระราชนิพนธ์ เนื่องจากตนเป่าทรัมเป็ตได้ตั้งแต่เด็ก จึงฝึกซ้อมบทเพลงพระราชนิพนธ์มากมาย อาทิ เพลงสายฝน เพลงยามเย็น และเพลงสดุดีมหาราชา เคยไปเป่าที่ รพ.ศิริราช และที่สาธารณะในวันที่ 5 ธ.ค. หลายครั้ง ตนรักในหลวง รู้สึกใจหายที่เสด็จสวรรคต
แล่นเรือใบซุปเปอร์มดจากนนท์มาวัง
ขณะที่เรือใบซุปเปอร์มด จำนวน 3 ลำ เป็นเรือใบที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงออกแบบไว้ ลำที่ 1 สีเหลือง แล่นโดย จ.อ.ธรรมศักดิ์ มีอยู่สามเสน ลำใบเรือสีแดง แล่นโดย พ.จ.อ.สุธี พูลพัฒน์ และลำที่ 3 ใบเรือสีฟ้าแล่นโดย จ.อ.ชาลี อิทธิ จากท่า Haven 69 จาก ต.ไทรม้า อ.เมืองนนทบุรี ตั้งแต่เวลา 09.00 น. มาขึ้นที่ท่านิเวศน์วรดิษฐ์ ตรงข้ามกับประตูเทวาภิรมย์ พระบรมมหาราชวัง ระยะทาง 17 กิโลเมตร ถึงเวลา 14.00 น. รวม 5 ชั่วโมง ผู้แล่นเรือใบทั้งหมดเป็นครูฝึกเรือใบทีมชาติไทย มีอาสาสมัครขับเรือเจ็ตสกีคอยอำนวยความสะดวก จ.อ.ธรรมศักดิ์กล่าวว่า เรือใบซุปเปอร์มดนี้ พระองค์ท่านออกแบบไว้และถูกสร้างทั้งหมด 60 ลำ วันนี้ถือเป็นการแล่นเรือใบในแม่น้ำเป็นครั้งแรก อุปสรรคคือลมพัดน้อย อากาศร้อนและฝนตก แต่พวกตนมีความตั้งใจจะแล่นเรือใบถวายสักการะพระบรมศพ ได้ตั้งใจเต็มที่ถือเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเผยแพร่พระอัจฉริยะ ของพระองค์ เมื่อทำสำเร็จ ตนปลาบปลื้มดีใจอย่างยิ่ง
ยอดลงนามอาลัยทะลุ 7.4 ล้าน
วันเดียวกัน กระทรวงมหาดไทย สรุปผลการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความอาลัย และการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในส่วนของต่างจังหวัด มีประชาชนลงนามแสดงความอาลัย ณ วันที่ 8 พ.ย. จำนวนทั้งสิ้น 144,241 ราย มียอดสะสมการลงนามแสดงความอาลัยตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.เป็นต้นมาทั้งสิ้น 7,438,842 ราย กิจกรรมเพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช โดยกิจกรรมสวดอภิธรรม มียอดสะสม 9,672,163 คน การทำบุญตักบาตร ยอดสะสม 2,826,097 คน กิจกรรมอื่นๆมียอดสะสม 2,518,185 คน
โปรแกรมออนไลน์เสร็จ 14–15 พ.ย.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงทะเบียนออนไลน์สำหรับประชาชนที่ต้องการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชว่า ตัวโปรแกรมลงทะเบียนออนไลน์น่าจะเสร็จในวันที่ 14-15 พ.ย. จากนั้นจะต้องดูการเชื่อมต่อกับจังหวัดต่างๆทั้ง 77 จังหวัดว่าจะเกิดเสถียรภาพหรือไม่ จะนำมากำหนดจุดปลายทางที่บริเวณใกล้กับพระบรมมหาราชวัง เมื่อทำเสร็จสิ้นจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.ประชาชนที่เดินทางมาตามอัธยาศัยซึ่งประชาชนเป็นชุดใหญ่ 2.ประชาชนที่มาจากการลงทะเบียนออนไลน์ ซึ่งเราต้องดูการบริหารคิวออนไลน์ให้มีความเสถียรและยุติธรรมและต้องจัดบริหารให้ 2 ส่วนได้เข้าไปอย่างยุติธรรมและเหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าใครจองก่อนได้ก่อน แต่คนที่มาเองตามอัธยาศัยก็ต้องได้สิทธิเช่นเดียวกัน เพราะมาตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ไม่ได้ให้แต่คนออนไลน์ได้ก่อนเพียงระบบเดียว ส่วนประชาชนที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตอาจจะใช้ช่องทางของศูนย์ดำรงธรรมหรือใช้ช่องทางจากจังหวัดและอำเภอ
เอกชนมอบรถช่วยขนสิ่งของ
ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายเคียวอิจิ ทานาดะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และคณะผู้บริหาร ที่นำสิ่งของมามอบให้เพื่อรับรองและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนำข้าวเปลือกจากโรงสีข้าวรัชมงคล เพื่อบรรจุเป็นข้าว “พอเพียง” และเป็นข้าวขวัญถุงที่ระลึก 27 ตัน และมอบข้าวสารจากโรงสีข้าวรัชมงคล เพื่อหุงแจกจ่ายให้กับประชาชน 140 ตัน ให้กระทรวงกลาโหมเพื่อบริการประชาชน 65 ตัน และออกบูธร่วมกับผู้แทนจำหน่าย เพื่อจัดทำอาหาร 75 ตัน รถเข็นนั่งสำหรับผู้พิการและคนชรา 200 คัน พัดพลาสติก 365,000 เล่ม และได้จัดพนักงานโตโยต้า สนับสนุนรถยนต์เพื่อใช้ในราชการสำนักปลัดฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ขับรถ รถกระบะไฮลักซ์ รีโว่ 20 คัน รถตู้คอมมิวเตอร์ 5 คัน มอบแก่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ เพื่อใช้ขนสิ่งของที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่มาถวายสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่องด้วย
“มาร์ค” ร่วมเกี่ยวข้าว “๙ ตามรอยพ่อ”
เมื่อเวลา 14.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเกี่ยวข้าวกับชาวนาจิตอาสาและประชาชนในพื้นที่เขตคลองสามวาในโครงการเกี่ยวข้าวก้าวตามรอยพ่อ เพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่นาข้าวบริเวณถนนไมตรีจิต 7 เพื่อเกี่ยวข้าวเป็นรูปเลข ๙ บนทุ่งนาข้าวประมาณ 4 ไร่ โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงงานเกือบทุกด้าน แต่ทรงสนพระทัยเป็นพิเศษคือ การเกษตรและข้าวมาเกี่ยวข้าวโดยจะเหลือต้นข้าวที่เป็นเลข ๙ น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เพื่อย้ำเตือนคนไทยว่า เราต้องไม่ทิ้งรากฐานของเรา ข้าว การเกษตร และผืนนาคือหัวใจของสังคม และประเทศไทย
ถวายพระราชสมัญญา “มหาราช”
นายบวร ยสินทร ผู้ประสานงานเครือข่าย 13 ตุลาภูมิพลมหาราช กล่าวว่า เครือข่ายฯทำหนังสือถึงรัฐบาล ขอจัดกิจกรรมประชุมใหญ่ หารือรายละเอียดและขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อพสกนิกรทั่วประเทศ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระราชสมัญญา “ภูมิพลมหาราช” แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะนี้รอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.พิจารณาว่าจะอนุญาตให้จัดกิจกรรมดังกล่าวหรือไม่ ขณะเดียวกันจะให้เครือข่ายภาคประชาชน ช่วยกันรวบรวมรายชื่อประชาชนทั้งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัดให้ได้มากที่สุด
ในวันที่ 11 พ.ย. เวลา 11.30 น. เครือข่ายฯจะแถลงข่าวกิจกรรม ที่ห้องประชุมราชตฤณมัยสมาคม สนามม้านางเลิ้ง และจะตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามผลต่อไป เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักที่ภาคประชาชนจะต้องน้อมเกล้าฯถวายพระราชสมัญญา โดยรัฐบาลให้ข้อคิดเห็นได้ และต้องเข้ามาสนับสนุน ไม่ควรห้ามเนื่องจากเป็นการแสดงความจงรักภักดี ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะดำเนินการ แต่ทุกฝ่ายต้องทำร่วมกัน
คนล้นหลามเข้าคิวแลกธนบัตร
สำหรับบรรยากาศการเปิดแลกธนบัตรที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 2 รุ่นสุดท้าย จำนวน 1.8 ล้านฉบับ รุ่นบัตรธนาคารเนื่องในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 บริบูรณ์ 5 ธันวาคม 2530 ชนิดราคา 60 บาท และธนบัตรที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ธนบัตรไทย ปี 2545 ซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 ชนิดราคา 100 บาทที่ธนาคารแห่งประเทศไทย จัดสรรมาให้ธนาคารพาณิชย์เปิดแลกพร้อมกันทั่วประเทศ มีประชาชนให้ความสนใจต่อคิวแลกเป็นจำนวนมาก โดยที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ รัชโยธิน มีประชาชนมารอคิวแรกตั้งแต่ 01.00 น. ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ถนนสีลม คิวแรกมารอตั้งแต่ 04.00 น. ธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ ซอยนานา คิวแรกมารอตั้งแต่ 05.00 น.
แค่ชั่วโมงเดียวหมดเกลี้ยง
ขณะที่สาขาอื่นๆ มีประชาชนมายืนรอแน่นข้างหน้าก่อนสาขาเปิดทำการ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาจัดระเบียบแบ่งแถว แจกบัตรคิว หรือบางสาขาที่ไม่มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก คนแลกต้องทำบัตรคิวแจกกันเองป้องกันการแซงคิว หลังจากเปิดให้แลก ตั้งแต่ 08.30 น. บางสาขาได้โควตามาน้อยแลกหมดภายใน 10 นาที ขณะที่สำนักงานใหญ่เปิดแลกหมดโดยใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่ ผู้มาเข้าคิวกล่าวว่า ทำใจไว้แล้วว่าคิวต้องยาวแน่ แต่ก็ต้องยอมเพราะธนบัตรในหลวงทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้าย ไม่มีให้แลกอีก อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกเป็นสมบัติให้ลูกหลานดู
บรรเลงดนตรี 4 วัฒนธรรม
ขณะที่พสกนิกรทั่วประเทศพร้อมใจจัดกิจกรรม แสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่บริเวณริมแม่น้ำปัตตานีทั้งสองฝั่งและเชิงสะพานเดชานุชิต เชิงสะพานศักดิ์เสนีย์ อ.เมืองปัตตานี นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผวจ.ปัตตานี ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้าและประชาชนกว่า 5 พันคน ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี มีการบรรเลงเพลงด้วยเครื่องดนตรี 4 วัฒนธรรมคือดนตรีไทย จีน สากล และมลายูท้องถิ่นจากนักเรียนโรงเรียนต่างๆกว่า 30 แห่ง รวมถึงครูเพลงอีกหลายชีวิตที่มาร่วมบรรเลง นอกจากนี้ มีการแปรอักษรคำว่า “รายอกีตอ” เป็นภาษามลายูท้องถิ่น มีใจความว่า “พระมหากษัตริย์ของเรา”
รำลึกโครงการพระราชดำริ
ที่ จ.กาฬสินธุ์ นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.กาฬสินธุ์ นำพสกนิกร นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชนกว่า 20,000 คน ปิดถนนกลางเมืองกาฬสินธุ์ “วงเวียนโปงลางยักษ์ ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงใต้ร่มพระบารมี เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีต่อชาวกาฬสินธุ์ ในการพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้ง จนเกิดโครงการพระราชดำริมากมาย อาทิ โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ การก่อสร้างโรงสีข้าวพระราชทาน อ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบน หนองเลิงเปือย หรือแม้แต่อุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์
แห่แลกธนบัตรที่ระลึกแน่น
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆนำธนบัตรที่ระลึก 2 แบบมาให้ประชาชนแลกซื้อ เป็นธนบัตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในมหามงคลสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา ใบละ 60 บาท จำนวน 9 แสนฉบับ และธนบัตรที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ธนบัตรไทย ใบละ 100 บาท จำนวน 9 แสนฉบับ รวม 1.8 ล้านฉบับ และธนาคารให้แลกได้แบบใดแบบหนึ่งคนละ 1 ฉบับเท่านั้น มีประชาชนไปรอเข้าคิวรับเป็นจำนวนมาก เช่นที่ จ.บึงกาฬ ภูเก็ต ชัยนาท ตราด พิษณุโลก พิจิตร และสงขลา โดยนายวินัย กลิ่นหอม อายุ 63 ปี ชาว อ.เมืองพิษณุโลก เผยว่า มารอคิวแลกธนบัตรที่ระลึกฉบับละ 60 บาท และตั้งใจเก็บไว้เป็นที่ระลึกตลอดไป
อาชีวะพร้อมใจปฏิญาณตน
ด้านสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมกับสถาบันอาชีวศึกษาจากทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “๙๙๙,๙๙๙ คน ปฏิญาณตนเพื่อพ่อ อาชีวะสมานฉันท์” โดยที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี นายพงษ์ศักดิพล ทาแก้ว ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี นำคณะผู้บริหาร ครู และนักศึกษากว่า 1,000 คน ร่วมกันปฏิญาณตนว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ส่วนนายธนกร ไชยกุล ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี นำคณะครูและนักศึกษากิจกรรมที่บริเวณลานหน้าเสาธง ด้านนายบุญส่ง เดชะมณีสถิตย์ ผวจ.เชียงราย ร่วมกับครูและนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวะเอกชนของจังหวัดเชียงราย รวม 15 แห่งร่วมพิธีที่วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย เช่นเดียวกับที่สนามวิทยาลัยเทคนิคพัทลุง นายภิรมย์ นิลทนา รอง ผวจ.พัทลุง เป็นประธานจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ครู–นักเรียนแปรอักษรเลข ๙
ที่สนามโรงเรียนประจวบวิทยาลัย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ นางนวลใย นิลบรรพ์ ผู้อำนวยการฯและอาจารย์ร่วมกับนักเรียน 2,625 คน แปรภาพอักษร ๙ ในรูปหัวใจ แสดงความอาลัยและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ส่วนนางพัชราภรณ์ รุปิฤทธิชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ร่วมกับนักเรียนกว่า 3,000 คน แปรขบวนรูปประเทศไทยมีเลข ๙ อยู่ตรงกลาง ขณะที่นางวนิชา นาวีกิจ รองผู้อำนวยการโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล นำนักเรียนกว่า 4,500 คน แปรอักษรเลข ๙ รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์เสด็จเยี่ยมราษฎรใน จ.สกลนคร ถึง 109 ครั้ง
ร่วมปลูกต้นรอบกว๊านพะเยา
ที่สวนสาธารณะบ้านสันเวียงใหม่ หมู่ 3 ต.บ้านสาง อ.เมืองพะเยา นายณรงค์ศักดิ์ เฉลิมเกียรติ ผวจ.พะเยา เปิดโครงการปลูกต้นไม้ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการร่วมกันปลูกต้นไม้ อาทิ ราชพฤกษ์ (คูน) กาหลง เหลืองเชียงราย และอินทนิลน้ำ จำนวน 2,999 ต้น รอบกว๊านพะเยา ระยะทาง 27 กม. นายณรงค์ศักดิ์เผยว่า โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์กว๊านพะเยาแบบประชารัฐ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ร่วมกันปลูกต้นไม้ อีกทั้งเป็นการฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณโดยรอบกว๊านพะเยา และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด
ชนเผ่าร่วมแสดงความอาลัย
ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน อ.เมืองน่าน นายไพศาล วิมลรัตน์ ผวจ.น่าน ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และกลุ่มชาติพันธุ์น่านทั้ง 10 ชนเผ่า ประกอบด้วย ชนเผ่าพื้นเมือง ชาติพันธุ์จีน ชนเผ่าลั้วะ อิ้วเมี่ยน ถิ่น ม้ง ขมุ ไทลื้อ ไทพวน และไทยวน กว่า 2,500 คน ร่วมพิธีรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่เสด็จเยี่ยมพสกนิกร จ.น่าน 22 ครั้ง ส่วนที่สถานีรถไฟนครสวรรค์ (หนองปลิง) อ.เมืองนครสวรรค์ นายธนาคม จงจิระ ผวจ.นครสวรรค์ ให้การต้อนรับราษฎรบนพื้นที่สูงจาก 13 จังหวัดภาคเหนือ ในจำนวนนี้มีราษฎร 5 ชนเผ่า รวม 60 คน ที่เดินทางจาก จ.กำแพงเพชร ร่วมขบวนด้วย โดยมีจุดหมายที่สถานีรถไฟหัวลำโพง กทม. เพื่อร่วมกิจกรรม “999 ดวงใจ ร่วมถวายอาลัยพ่อหลวง”
โรงทานถวายเป็นพระราชกุศล
ที่หน้าวิทยาลัยอาชีวศึกษาสงขลา อ.เมืองสงขลา มีการเปิดโรงทาน “ปันน้ำใจสู่พี่น้องผู้ร่วม แผ่นดินไทย” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งจะเปิดในทุกวันพุธที่ 2 ของเดือน เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รวมระยะเวลา 9 เดือน ขณะที่บรรดาเจ้าของกิจการร้านอาหารบริเวณสี่แยกถนนโยธา-ถนนโพธิ์กลาง หรือสี่แยกเต๊กฮะ เขตเทศบาลนครนครราชสีมาร่วมกันเปิดโรงทานนำอาหารมาให้ประชาชนได้ทานฟรี มีคนไปเข้าแถวรอรับกันเป็นจำนวนมาก ทำให้อาหารหมดเกลี้ยงภายใน 1 ชม. นายศักดิ์ชัย พงษ์พินิจกุล อายุ 67 ปี เจ้าของร้านเฮียเฮงบะหมี่เกี๊ยว เผยว่า ร่วมกับร้านอาหารข้างเคียงรวม 6 ร้าน ที่มีความตั้งใจจะขอทำความดีเพื่อพระองค์ท่าน นำอาหารในร้านมาเลี้ยงชาวบ้านที่ผ่านไปมา
“รูปในหลวง” มีทุกบ้าน
วันเดียวกัน นายประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหารโรงแรมเครือกะตะกรุ๊ปรีสอร์ต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่าตนเกิดในรัชกาลที่ 9 ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนชาวต่างจังหวัดและที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ ตั้งแต่จำความได้ เห็นรูปในหลวงแขวนอยู่ข้างฝาผนังบ้าน พ่อบอกเราอาศัยแผ่นดินของท่านอยู่ ฉะนั้นต้องสำนึกในบุญคุณท่านโดยเป็นคนดี เมื่อโตขึ้น ได้เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ เหงื่อไหลไคลย้อย เดินป่าฝ่าดง ขึ้นเขาลงห้วย ฝ่าพายุฝนไปเยี่ยมชาวบ้านที่อยู่ในที่ทุรกันดาร
จัดแข่งเรือใบคิงส์คัพ “รีกัตต้า”
ประธานกรรมการบริหารโรงแรมเครือกะตะกรุ๊ปรีสอร์ทกล่าวต่อว่า ในปี พ.ศ.2529 สโมสรราชวรุณ สโมสรเรือใบแห่งประเทศไทย กองทัพเรือ และจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมจัดแข่งเรือใบชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพรีกัตต้า เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสที่ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ที่โรงแรมภูเก็ตยอร์ชคลับ หาดในหาน ติดต่อกันมา 12 ปี จนโรงแรมเปลี่ยนเจ้าของ จึงย้ายมาจัดที่โรงแรมกะตะบีช รีสอร์ทแอนด์สปา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 จนบัดนี้ คิงส์คัพรีกัตต้า จัดติดต่อมาปีนี้เป็นปีที่ 30 โดยโรงแรมกะตะบีชรีสอร์ทเป็นเจ้าภาพร่วมเป็นปีที่ 19 สนับสนุนปีละ 1.5ล้านบาทและโรงแรมจะเป็นรีกัตต้าโฮมตลอดไป ซึ่ง 2 เหตุการณ์นี้ สร้างความสุขความภูมิใจแก่ตนมาก เพราะได้สนองปณิธานที่ตั้งใจทำเพื่อในหลวง และยังมีปณิธานที่แน่วแน่ที่จะทำต่อไป
คนพิการโยกสามล้อเข้ากรุง
ส่วนนายพิภพ เลไธสง ประธานกลุ่มพัฒนาคนพิการ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พร้อมเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ และกลุ่มพัฒนาอาชีพคนพิการ อ.กบินทร์บุรี ร่วมกันส่งคนพิการ 9 คนใช้รถสามล้อโยกเดินทางออกจากหน้าโรงพยาบาลกบินทร์บุรี มุ่งหน้าไปถวายสักการะพระบรมศพที่พระบรม มหาราชวัง กทม. เช่นเดียวกับ ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ ภูศิลาแทน อายุ 68 ปี นายกิตติ ภูเนานิล อายุ 68 ปี นายฉวี ประทุมโช อายุ 63 ปี และว่าที่ ร.ต.รณชิต ภูพลอย อายุ 43 ปี ชาว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ วิ่งออกจาก อ.ยางตลาด มุ่งหน้าเข้าสู่ กทม. ตั้งเป้าว่าจะใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 11 วัน
จัด “รวมใจคนสื่อน้อมเกล้าฯ”
ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศ ไทย ถนนสามเสน กทม. มีการประชุมร่วมกันของ 14 องค์กรวิชาชีพสื่อ อาทิ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน เพื่อสรุปรายละเอียดการจัดงาน “รวมใจคนสื่อน้อมเกล้าฯ แสดงความอาลัย “พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙” ในวันที่ 13 พ.ย.2559 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยมีนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรต์ และนายอัศศิริ ธรรมโชติ ศิลปินแห่งชาติและนักเขียนซีไรต์ อ่านบทร้อยแก้ว ร้อยกรอง จากนั้นสื่อมวลชนร่วมกันจุดเทียนและร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี