รับมือคลื่นปชช.ในวันหยุด ชงครม.14พ.ย.คืนภาวะปกติ ชี้เศรษฐกิจต้องขับเคลื่อน


พสกนิกรยังเดินทางมาต่อเนื่องเข้าสู่ท้องสนามหลวง เพื่อรอเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ขณะที่นายกรัฐมนตรีลงตรวจพื้นที่ กำชับ จนท.ทำงานเชิงรุก อย่าแก้ปัญหาไปวันๆ แนะ กทม.เผยแพร่พระราชกรณียกิจ เป็นการทำความเข้าใจ หวังลดความขัดแย้งคนเห็นต่าง ขณะที่ ศตส.คลอดแล้ว แนวปฏิบัติสถานบันเทิง ไฟเขียวทีวี-วิทยุคืนสภาวะปกติหลัง 14 พ.ย. แต่ละครยังให้เน้นเนื้อหาให้สอดคล้องกับสังคมที่อยู่ในช่วงเทิดทูนและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ส่วนการจัดการแสดงดนตรีให้เป็นดุลพินิจของ ผวจ.-นายอำเภอ พร้อมมอบ 2 กระทรวงไอที จัดแนวทางการจองคิวออนไลน์ ด้าน ตำรวจ-ก.ท่องเที่ยว ประสานรับมือนักท่องเที่ยวที่มาเข้าชมวัดพระแก้วตามปกติ

พสกนิกรจากทั่วประเทศยังคงตั้งหน้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะได้แสดงความจงรักภักดีเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งแม้ทางการเพิ่มจำนวนคนให้เข้าไปได้เป็นวันละ 3 หมื่นคนแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่รอคิวนานเป็นวันตกค้างเป็นจำนวนมาก

คนตกค้างเข้าถวายสักการะก่อน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ก่อนฟ้าสางวันที่ 31 ต.ค. ที่บริเวณปริมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ก็เนืองแน่นไปด้วยเหล่าพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศที่เดินทางมาเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ต่อเนื่อง เป็นวันที่ 3 โดยเจ้าหน้าที่จัดให้เข้าคิวแบบแถวตอนเรียง 4 แถว หัวแถวอยู่ที่ประตูวิเศษไชยศรี ส่วนท้ายแถวอยู่ที่บริเวณประตูมณีนพรัตน์ โดยมีทหารคอยแจ้งผ่านโทรโข่งว่า ผู้ที่เข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ สามารถเข้าต่อคิวบริเวณประตูทางเข้าศาลฎีกาได้ และผู้ที่แต่งกายไม่เรียบร้อยก็อย่าได้กังวล เพราะด้านในสนามหลวงมีจิตอาสานำเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย รวมทั้งรองเท้าให้ยืมด้วย นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารคอยใช้เครื่องตรวจนับจำนวนผู้ที่เข้ามากราบถวายสักการะพระบรมศพ เมื่อครบจำนวน 3 หมื่นคนจะปิดทันที ซึ่งเมื่อเวลา 05.15 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้เปิดให้คนกลุ่มแรก ซึ่งเป็นชุดที่ตกค้างจากเมื่อคืนวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่พักค้างแรม อยู่ในเต็นท์ประมาณ 200 คน ได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพก่อนเป็นชุดแรก

...

ความอาดูรปกคลุมไปทั่ว

สำหรับการถวายสักการะพระบรมศพของเหล่าพสกนิกรในวันที่ 3 นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ประชาชน ที่เดินทางมาต่างได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สามารถขึ้นไปถวายสักการะพระบรมศพได้ ในขณะพระราชพิธียังคงดำเนินอยู่ ตั้งแต่ช่วงเช้า ในระหว่างที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระ เจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ คุณพลอย-ไพลิน เจนเซน และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาองค์โตและองค์เล็กในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ช่วงที่พระพิธีธรรมรับพระราชทานฉันเช้า ประชาชนสามารถขึ้นมาสักการะพระบรมศพได้ เช่นเดียวกับเวลา 11.00 น. ขณะที่ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงเป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม ทำให้ตลอดวันบรรยากาศบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเต็มไปด้วยสรรพเสียงสำเนียงของความเศร้าสลด เหล่าราษฎรของในหลวงรัชกาลที่ 9 คนใดที่ได้ผ่านขึ้นไปยืนหน้าพระบรมโกศ เมื่อเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ ในฉลองพระองค์บรมราชภูษิตาภรณ์ รับฟังเสียงบทสวดพระอภิธรรมของพระพิธีธรรม หรือเสียงปี่แตรของการประโคมย่ำยาม ก็เป็นเรื่องยากที่ใครก็ตามจะสามารถกลั้นน้ำตาของความอาดูรไว้ได้อยู่

ถวายสักการะรอบละ 70 คน

กระทั่งในช่วงสาย ที่บริเวณฝั่งตรงข้ามประตูวิเศษไชยศรี ประชาชนจำนวนมากทยอยเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ โดยสามารถเดินมาต่อแถวบริเวณท้องสนามหลวงฝั่งศาลฎีกาโดยไม่ต้องไปรับบัตรคิว เจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะรอบละ 70 คน พร้อมจัดแพทย์ พยาบาล และผู้มีจิตอาสา คอยให้บริการและอำนวยความสะดวกประชาชน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจ จนท.

จากนั้นเวลา 11.30 น. ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) สนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ กอร.รส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามการอำนวยความสะดวกประชาชนที่เดินทางเข้าเฝ้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เข้าร่วม โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ทำงานทุกคนว่า “เหนื่อยไหม ทำให้ประชาชนนะ เหนื่อยไม่ได้ ขอให้ช่วยกันทำงาน”

กำชับอย่าแก้ปัญหาแบบขอไปที

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนเห็นความแตกต่างจากเดิมมีความเรียบร้อยมากขึ้น เพราะทุกส่วนที่เกี่ยวข้องดูแลงานอย่างเต็มที่ ขอให้การทำงานร่วมกันโดยความเข้าใจไม่มีข้อขัดแย้งเพื่อให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ช่วงนี้ถือว่าอยู่ในระยะที่ 2 จะมีประชาชนจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ขอให้วางแผนในช่วง 50 วัน 100 วัน หรือ 1 ปี ว่าจะสามารถรองรับคนได้เท่าไหร่ ทำงานเชิงรุกไม่ใช่แก้ปัญหาไปวันๆ ต้องมีแผนเผชิญเหตุเพื่อพร้อมรับมือในสถานการณ์ที่ปกติและไม่ปกติ ใครทำความผิดก็ต้องจับกุมให้ได้ และขอให้ กอร.รส.รายงานทุกสถานการณ์มายังศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ของรัฐบาล

เผยโปรดเกล้าฯสักการะได้แม้ช่วงเสด็จ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การต่อคิวเข้าแถวถวายสักการะพระบรมศพนั้น สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้โปรดเกล้าฯให้ประชาชนเข้าไปกราบพระบรมศพในช่วงที่มีพระราชพิธีได้ ซึ่งเรื่องแบบนี้เราจะคิดเองไม่ได้เพราะเป็นระเบียบของสำนักพระราชวังที่มีมากว่า 100 ปีแล้ว และขอประชาชนอย่าไปต่อว่าเจ้าหน้าที่ ส่วนเจ้าหน้าที่ต้องไปดูเรื่องการจัดคิวว่าจะมีการระบุรายชื่อได้หรือไม่เพื่อป้องกันการแทรกคิว ขอให้เจ้าหน้าที่ดูแลและคัดกรองประชาชนที่จะเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพให้มีสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ สำหรับผู้ที่เป็นเส้นเลือดอุดตัน และเป็นลมชัก รวมถึงดูบุคคลที่มีโรคประจำตัว จิตไม่ปกติต้องช่วยกันดูแล ไม่เช่นนั้นจะเกิดความขัดแย้งได้ ส่วนปัญหาโรคซึมเศร้านั้นยังไม่มีรายงานว่าพบประชาชนที่เป็นโรคซึมเศร้าอันเนื่องมาจากการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

...

ให้ กทม.นำพระราชกรณียกิจขึ้นจอ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องการเดินทาง หากพบคนขับรถมีอาการมึนเมาก็ให้ลงจากรถ และแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที โดยจะให้มีการตั้งจุดตรวจแอลกอฮอล์มากขึ้น ต้องเน้นย้ำเรื่องการปลอดภัยและแก้ปัญหาโดยการร่วมมือกันภายใต้ความพอใจและความสุขของประชาชน ขอให้ชี้แจงว่า บ้านเมืองเดินหน้าไปอย่างไร ซึ่งในโซเชียลมีเดียมีการบิดเบือน จึงต้องทำความเข้าใจ โดยอยากให้ กทม.ไปดูว่าจะสามารถนำพระราชกรณียกิจและผลงานของรัฐบาลหรือนโยบายของรัฐบาลมาเปิดฉายผ่านจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดในพื้นที่ท้องสนามหลวงได้หรือไม่ ขอให้ใช้กฎหมายให้น้อยที่สุดในการดูแลประชาชน แต่ใช้ความเข้าใจและการชี้แจง ซึ่งถือเป็นโอกาสเดียวที่จะทำ ให้ประชาชนรักสถาบัน รวมถึงข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความขัดแย้งเหมือนที่ผ่านมาที่มุ่งเน้นการใช้กฎหมาย

ของแจกเหลือให้เอาไปช่วยคนจน

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงคนที่มารับของแจก โดยไม่ได้เข้ามาถวายสักการะ ก็อย่าไปไล่เขา แต่คนเหล่านี้ก็ขอให้เบาๆลง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจจะต้องตรวจสอบว่า มีการเข้าออกกันคนละกี่ครั้ง ต้องลงทะเบียนทุกครั้งที่เข้าออก ส่วนเรื่องของแจกหรืออาหารการกินที่มีมากก็ขอให้เอาไปช่วยคนจนหรือหาสถานที่ตามวัดเปิดเป็นโรงทาน ส่วนของแห้งขอให้เอาไปช่วยเหลือน้ำท่วม เหล่าศิลปินดาราสามารถมาแจกของได้แต่ต้องดูความเหมาะสม วันนี้อยากให้มีการประชาสัมพันธ์เรื่องของพระราชพิธีต่างๆให้มากขึ้น โดยอาจมีการแถลงข่าวเป็นรายชั่วโมงหรือสามชั่วโมง สื่อออกไปให้คนได้รู้เพื่อที่ชาวต่างชาติจะได้เข้าใจมากขึ้น และเห็นภาพของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนไทย

ปลอบใจป้าร่ำไห้คิดถึงในหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังประชุมเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะเดินตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และทักทายประชาชน โดยระหว่างที่เข้าเยี่ยมเต็นท์โรงพยาบาลสนาม พล.อ.ประยุทธ์ได้ เข้าสวมกอดนางพาส บัวแสง อายุ 61 ปี ชาวบ้านจ.ขอนแก่น ที่นั่งรถเข็นมารอพบ นางพาสถึงกับหลั่งน้ำตาร่ำไห้ พร้อมระบายความโศกเศร้าเสียใจว่า คิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามไถ่ถึงความเป็นอยู่และให้กำลังใจว่า ขอให้ต่อสู้ต่อไป ขอให้อดทนแล้วจะผ่านอุปสรรคทั้งหลายได้

...

นายกฯสั่ง กอร.รส.รับมือเชิงรุก

ต่อมา พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะรอง ผอ.กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) กล่าวว่า นอกจากนายกฯขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ร่วมทำงานเต็มกำลังความสามารถแล้วยังเน้นย้ำเรื่องการรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวก และการดูแลความสะอาด พร้อมชื่นชมการทำงานของหน่วยแพทย์จากองค์กรต่างๆ จากกรณีมีประชาชน 3 ราย เส้นเลือดในสมองแตก แต่ทีมแพทย์ช่วยชีวิตได้ทันท่วงที จนปลอดภัยและชื่นชมจิตอาสาที่มาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน แต่อยากให้แบ่งกลุ่มจิตอาสาให้ชัดเจน กอร.รส.พยายามจะจัดระเบียบอยู่ นอกจากนี้นายกฯได้สั่งการให้ กอร.รส. เตรียมแผนรองรับเชิงรุกในช่วงพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล 50 วัน และ 100 วัน รวมถึงเตรียมการสร้างพระเมรุมาศฝั่งทิศใต้ของสนามหลวง ซึ่งจะทยอยเคลื่อนย้ายเต็นท์ต่างๆมายังฝั่งทิศเหนือ หรือฝั่งถนนราชดำเนิน ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานครจะติดตั้งเต็นท์กว่า 30 หลัง เป็นจุดพักคอยของประชาชนและจัดแสดงนิทรรศการพระราชกรณียกิจของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

สั่ง 2 กระทรวงไอทีรับจองคิวออนไลน์

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์กล่าวอีกว่า นายกฯเป็นห่วงประชาชนจากต่างจังหวัดที่ตกค้าง ไม่สามารถเข้าถวายสักการะพระบรมศพได้ภายในเวลาที่กำหนด กำชับให้ กทม.จัดหาที่พักค้างคืนให้ และยังเป็นห่วงเรื่องการแซงคิว หลังจากยกเลิกการแจกบัตรคิว เป็นใช้ระบบคิวกลุ่มละ 70 คน นายกฯ เสนอให้มีหัวหน้ากลุ่ม วันเสาร์-อาทิตย์จะใช้นักเรียนเตรียมทหาร นักศึกษาวิชาทหาร ส่วนวันราชการจะใช้จิตอาสา ควบคุมดูแลความเรียบร้อยไม่ให้เกิดปัญหาแซงคิว ได้เน้นย้ำจิตอาสาที่มาทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยประชาชนที่จะเข้าไปถวายสักการะ ห้ามสกัดกั้นหรือดึงประชาชนที่แต่งกายไม่สุภาพออกจากแถว เพราะสำนักพระราชวังได้เตรียมชุดสุภาพไว้ให้เปลี่ยนอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ศตส.เห็นชอบแนวคิดการจองคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพทางออนไลน์ โดยมอบหมายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปศึกษาแนวทางการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นธรรมกับคนที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี เบื้องต้นอาจกำหนดสัดส่วนตัวเลขคนที่จะจองคิวออนไลน์กับคนที่เดินทางมาด้วยตัวเองให้เหมาะสม

...

แก้ไขคนเร่ร่อน–กักตุนอาหาร

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ยังกล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องการกักตุนอาหาร ว่านายกฯมองว่าการกระทำของบุคคลดังกล่าวส่อถึงความขาดแคลน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ต้องได้รับความช่วยเหลือก็จะส่งเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมเข้ามาดูแลให้คำปรึกษาด้านอาชีพ แต่หากกลุ่มบุคคลที่ยังกักตุนอาหารจะมีมาตรการทำประวัติ และไม่ให้เข้าพื้นที่ เช่นเดียวกับบุคคลที่เร่ร่อน ที่เข้ามาพักค้างในท้องสนามหลวง เบื้องต้นได้คัดกรองด้วยการลงทะเบียน สิ่งที่ต้องช่วยเหลือคือสร้างอาชีพ คนเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นปัญหา จะต้องแก้ไขด้วยการจัดโซนนิ่งเป็นหมวดหมู่และแจกอาหารเป็นมื้อเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ส่วนการตั้งเต็นท์เพิ่มอีก 30 หลัง ยังไม่ได้กำหนดพื้นที่ แต่ จะทำให้เร็วที่สุดสอดคล้องกับความจำเป็นที่ต้องปิด สนามหลวงในช่วงเวลา 21.00-04.00 น.ของทุกวัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำความสะอาดพื้นที่ ส่วนการปรับพื้นที่สร้างพระเมรุมาศนั้น จะเริ่มได้ในช่วงวันที่ 1 ก.พ. 2560 โดยคณะทำงานกองอำนวยการร่วมฯ จะมีการประชุมและปรับแผนงานตามการประเมินสถานการณ์ในทุกวัน

ยาย 80 ปี รอนานจนเป็นลม

กระทั่งช่วงใกล้เที่ยง ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าในขณะที่ประชาชนต่อแถวรับอาหาร ที่บริเวณเต็นท์ 36 ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีหญิงชราใส่ชุดขาวเป็นลมหน้ามืด โดยมี น.ส.กานต์มณี พึ่งเลี่ยม อาสายุวกาชาดจากโรงเรียนศึกษานารีและกลุ่มเพื่อน ช่วยใช้พัดระบายความร้อนอบอ้าว ขณะที่ประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงช่วยกันใช้ผ้าเย็นเช็ดต้นคอและนวดเฟ้นจนอาการดีขึ้น จึงแจ้งทหารนำรถเข็นมาช่วยพาไปกราบถวายสักการะพระบรมศพตามที่ตั้งใจ สอบถามชื่อนางสมวง จันทร อายุ 80 ปี ตาข้างซ้ายเสียมานานแล้ว มองเห็นข้างขวาเพียงข้างเดียว แต่ก็ฝ้าฟางมองไม่ชัด ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง จากนั้นได้เล่าเสียงสะอื้นว่า หลังจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สวรรคต เสียใจมาก จึงได้ไปถือศีล 15 วัน ที่สำนักปฏิบัติธรรมใน จ.สระบุรี วันนี้เดินทางมาตามลำพังอยากจะเข้าไปกราบหน้าพระบรมศพ แต่มาได้แค่นี้ก็หน้ามืดเป็นลมไปก่อน ดีใจที่มีคนช่วยพัด พูดให้กำลังใจ ตนแก่มากแล้วอยากขอเข้าไปกราบท่านเป็นครั้งสุดท้าย แม้สังขารจะไม่ไหว แต่วันนี้ใจเป็นใหญ่กว่าร่างกาย จึงตั้งมั่นว่าจะต้องไปให้ถึงหากต้องตายหน้าพระบรมศพ ตนก็พร้อมและจะถือว่าเป็นบุญมากที่ได้แสดงความรักกับพระองค์ท่านจนวาระสุดท้าย

จะน้อมนำคำสอนพ่อหลวงไปใช้

จากนั้น ตลอดช่วงบ่ายที่บริเวณประตูเทวาภิรมย์ พระบรมมหาราชวัง ใช้เป็นทางออกของประชาชน หลังจากถวายสักการะพระบรมศพ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า เจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้เข้าถวายสักการะพระบรมศพรอบละประมาณ 100 คน พร้อมจัดกำลังแพทย์ พยาบาล ผู้มีจิตอาสา และเตรียมรถเข็นอำนวยความสะดวกผู้พิการและผู้สูงวัย ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด ขณะเดียวกันเมื่อสอบถามคนที่ได้เข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต่างบอกไม่ต่างกันว่า แม้จะเสียใจอย่างมากที่สูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่ง แต่จากนี้ไปจะขอน้อมนำพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ นายชูชีพ เวหะชาติ อายุ 59 ปี ผู้พิการชาว จ.จันทบุรี ที่มาพร้อมครอบครัว โดยรถสาธารณะจาก อ.สัตหีบ และปัจจุบันยึดอาชีพพับใบตาลเป็นรูปตั๊กแตนขายตัวละ 20 บาทแถวย่านสยามสแควร์ บอกว่าหลังจากนี้หากทางสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนทั่วไปถวายพวงหรีดได้ จะประดิษฐ์พวงหรีดจากใบตาลมาถวายต่อไป ขณะที่ น.ส.อนุตรา คำหลง อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า เกิดไม่ทันในช่วงที่พ่อหลวงทรงงานหนักเพื่อประชาชนคนไทย แต่ได้ศึกษาพระราชกรณียกิจของพ่อหลวง ทำให้เกิดความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จะยึดคำสอนของพ่อหลวงที่เคยตรัสไว้ว่า “ไม่ว่าจะทำงานสิ่งใด อย่าคิดว่าทำไม่ได้ ทุกสิ่งที่ตั้งใจ เราสามารถทำได้”

พระราชทานอาหารให้ ปชช.

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เวลา 15.25 น.พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชา ทินัดดามาตุ เสด็จยังรถหน่วยเคลื่อนที่ “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ)ช่วยด้วยใจคนไทยไม่ทิ้งกัน” ของมูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย ที่จอดอยู่หน้ากรมศิลปากร เพื่อทรงทอดไก่ประทานพร้อมข้าวเหนียวนึ่งให้กับประชาชน ที่มาเข้าแถวรอถวายสักการะพระบรมศพ โดยมีพสกนิกรเดินทางมาเฝ้ารอชื่นชมพระบารมีเป็นจำนวนมาก อีกด้านหนึ่งที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร บริเวณสนามหลวงฝั่งทิศใต้ เจ้าหน้าที่ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ก็นำอาหารพระราชทานจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มาแจกจ่ายประชาชน อาทิ ข้าวขาหมู แซนด์วิช นมกล่องหนองโพ ข้าวเทอริยากิไก่ ซูชิ ข้าวพะแนงหมู ข้าวพะแนงไก่ ข้าวซี่โครงหมูอบ ขณะเดียวกัน ที่เต็นท์หมายเลข 11 สนามหลวงฝั่งทิศเหนือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภา จุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทร กิติคุณ พระราชทานอาหารกล่องข้าวพะโล้ไก่เห็ดหอม และข้าวต้มจืดไก่ตุ๋น ให้เจ้าหน้าที่มาแจกจ่าย พร้อมนำหน่วยแพทย์-พยาบาลจากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์และโรงพยาบาลวิชัยยุทธ มาดูแลด้านสุขภาพด้วย

ศาลอาญา-กกต.จัดแจกอาหารผลไม้

สำหรับการจัดการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ ของบรรดาหน่วยงานรัฐนั้น ตลอดวันที่ 31 ต.ค.ยังคงเต็มที่ทั้งอาหารคาวหวานน้ำดื่ม รวมถึงเวชภัณฑ์ต่างๆ โดยที่เต็นท์ 32 ของ กกต. จิตอาสา เยื้องประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แจกลองกองตันหยงมัส ของดีจังหวัดนราธิวาส กว่า 1,000 กก. ซึ่งจะแจกไปจนถึงวันที่ 19 พ.ย.นี้ เช่นเดียวกับนายสุภัทร์ สุทธิมนัส อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พร้อมด้วยรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาและผู้บริหารศาลอาญา แถลงข่าวโครงการ “ศาลอาญาร่วมใจน้อมถวายเพื่อเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ว่าจะจัดกิจกรรมแจกเครื่องดื่ม อาหาร สิ่งของที่จำเป็นสำหรับผู้ที่จะเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.นี้เป็นต้นไป ในวันหยุดราชการเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ที่บริเวณเต็นท์ของผู้ปฏิบัติธรรมของศาลยุติธรรม ในสนามหลวงฝั่งตรงข้ามประตูใหญ่ของศาลฎีกา เยื้องวัดพระแก้ว โดยเบื้องต้นจะจัดกิจกรรมนี้จนถึงเดือนมกราคม 2560 ขณะที่ในส่วนของคนในวงการบันเทิงยังคงทยอยมาเป็นจิตอาสาเก็บขยะ แจกอาหารอย่างต่อเนื่อง ที่เต็นท์กองทัพอากาศ หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฝั่งสนามหลวง อาทิ กลุ่มนักแสดงจากช่อง 8 ประกอบด้วย บอส พุทธิพงษ์, มาร์ติน มิดาล, มังกร ปภาวิน, โบว์ลิ่ง ปริศนา และณฉัตร วัลเณซ่า

กรมสุขภาพจิตให้บริการคลายเครียด

วันเดียวกัน นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกรมสุขภาพจิตและสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ นำรถโมบายคลายเครียดมาจอดบริเวณกลางท้องสนามหลวงเพื่อให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมกราบถวายสักการะพระบรมศพเข้ารับบริการได้ตั้งแต่เวลา 09.00- 17.00 น. ถือว่าเป็นคันแรกของประเทศที่จะให้บริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นสถานที่มิดชิด สร้างความอุ่นใจให้กับผู้เข้ารักษา ภายในรถนั้นประกอบด้วย แพทย์ที่คอยคัดกรองอาการ เก้าอี้นวด ทีวี เพื่อเป็นการผ่อนคลายเบื้องต้น ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เปิดเผยว่า ภาพรวมจิตใจของคนไทยในขณะนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะการโศกเศร้าจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในช่วง 4-6 สัปดาห์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่หากบุคคลใดมีอาการเสียใจเศร้าโศกมากกว่า 6 สัปดาห์และมีแนวโน้มที่มากขึ้นขอให้พบแพทย์ในทันที จากสถิติตั้งแต่ 14 ตุลาคมมีผู้ป่วยที่มีความเครียดวิตกกังวล ประมาณ 900 คน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ

“จักรทิพย์” ไม่เพิ่ม ตร.มั่นใจคุมอยู่

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการดูแลความปลอดภัยประชาชนที่เข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวังว่า ช่วงที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในส่วนของตำรวจใช้กำลัง 3,000-3,500 นาย ประจำจุดคัดกรองทั้ง 8 จุดรอบสนามหลวง เบื้องต้นยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลัง แต่ยอมรับว่าด้วยปริมาณคนจำนวนมาก ทำให้การจัดคิวประชาชนอาจมีปัญหาบ้าง กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณพระบรมมหาราชวัง หรือ กอร.รส. ได้ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับจำนวนคนและสถานการณ์แล้ว และยังอยู่ระหว่างการหารือว่าจะปิดพื้นที่ท้องสนามหลวงในช่วงค่ำ และเปิดให้ประชาชนเข้าพื้นที่ในช่วงเช้ามืด เพื่อรอเข้าถวายสักการะพระบรมศพหรือไม่ ส่วนการตรวจยึดอาวุธที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการพลั้งเผลอ ยืนยันยังไม่มีสิ่งบอกเหตุผิดปกติ เพราะได้วางกำลังสายตรวจดูแลทั้งวงในและวงนอกสนามหลวง

ปิดถนน 27 สายในวันหยุด

พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รรท.ผบช.น.กล่าวว่า ช่วงวันธรรมดาตำรวจจะปิดถนน 8 สายรอบสนามหลวง พร้อมจัดการเดินรถวันเวย์ ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะปิดการจราจรเพิ่มเป็น 27 สาย เพื่อรองรับประชาชนจากต่างจังหวัดที่จะเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ภาพรวมการดูแลจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เกิดผลกระทบในบริเวณกว้าง ช่วงการเปิดภาคเรียนก็ไม่ส่งปัญหาด้านการจราจรเช่นกัน

รวบแล้วคนหมิ่นเบื้องสูง 10 ราย

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ดำเนินคดีผู้ต้องหาไปแล้ว 167 คดี แต่ในช่วงวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมาถึงปัจจุบันพบผู้กระทำผิด 25 ราย ดำเนินคดีไปแล้ว 10 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุม 15 ราย ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบติดตามจับกุมผู้กระทำผิดทั้งหมดโดยไม่ละเว้น ส่วนผู้ต้องหาที่ทำผิดและหลบหนีไปต่างประเทศนั้น ตำรวจประสานตามช่องทางต่างๆที่มีทั้งหมด และได้รับการตอบรับจากประเทศต่างๆ กลับมาเป็นระยะ อยากจะฝากเตือนผู้โพสต์ข้อความในสังคมออนไลน์ที่อาจเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงด้วยว่าจะมีความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท

เร่งหาแนวปฏิบัติสถานบันเทิง

ขณะที่ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการปฏิบัติของผู้ประกอบการสถานบันเทิงว่า นายกฯเป็นห่วงว่าวันนี้สังคมอยู่ในช่วงของความโศกเศร้า แต่เศรษฐกิจยังต้องขับเคลื่อน มีประชาชนส่วนหนึ่งที่ประกอบกิจการสถานบันเทิง จึงมอบหมายให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ไปหาข้อยุติ โดยให้ส่วนราชการ ประชาชน เอกชน และบรรดาศิลปิน หาทางออกร่วมกัน ซึ่งต้องมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จะได้มีแนวทางปฏิบัติ ส่วนแนวทางปฏิบัติของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งมีรายการบันเทิงอยู่นั้น หากเลย 30 วัน ทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป สื่อทุกแขนงรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะไม่ได้ถูกกดดันโดยรัฐบาล แต่จะถูกกดดันจากกระแสสังคม จึงต้องหล่อเลี้ยงความรู้สึกของสังคมและตัวสื่อเอง ส่วนกิจกรรมการละเล่นในพื้นที่ของจังหวัดต่างๆ มีแนวคิดจะให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 30 วันเช่นกัน โดยข้าราชการในจังหวัดจะพิจารณาความเหมาะสมกันเอง

ชง ครม.ไฟเขียวคืนสภาวะปกติ

จากนั้นเวลา 13.00 น. ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี หารือกับนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะเลขานุการศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ถึงข้อปฏิบัติที่ชัดเจนให้ภาคธุรกิจบันเทิง หลังการหารือและได้ข้อสรุป พล.อ.ธนะศักดิ์ นายสุวพันธุ์ พร้อมด้วย พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่ตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อรายงานข้อสรุปดังกล่าว ต่อมาเวลา 16.45 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือว่า จากที่ได้หารือกับผู้ประกอบการบันเทิงไปก่อนนี้ และได้ข้อสรุปซึ่งจะนำข้อสรุปนี้เข้าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 1 พ.ย. อยากให้เป็นไปตามปกติมากที่สุดโดยคำนึงถึงความเหมาะสม อาทิ ละครโทรทัศน์ ผู้จัดละคร ระบบทุกอย่างจำเป็นต้องเดินหน้าต่อ แต่รายการอาจต้องสอดแทรกความรู้และพระมหากรุณาธิคุณ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ส่วนกรณีไหนที่ไม่เหมาะสม สุดโต่ง จนเกินไปก็ไม่สมควร เรื่องนี้นายกฯ อนุมัติในหลักการแล้ว เพียงแต่รอฟังความเห็นของ ครม. ส่วนผู้ประกอบการรายใดที่ยังสงสัยก็สามารถโทร.สอบถามได้ที่ศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) สายด่วน 1111 สำหรับการจัดงานแต่งงานในช่วงนี้รัฐบาลแทบจะไม่ได้ห้าม สามารถจัดได้ปกติในที่รโหฐาน ไม่อยากให้ประชาชนกังวลมาก เว้นแต่จะไปตั้งคอนเสิร์ตเอิกเกริกแถวราชดำเนิน ถือว่าผิดธรรมชาติ

14 พ.ย.ปล่อยละครออนแอร์ปกติ

ทั้งนี้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมด้วยว่า หลังจากวันที่ 18 ต.ค. ครม.ได้ขอความร่วมมือให้งดจัดกิจกรรมความบันเทิงเป็นเวลา 30 วัน ทุกภาคส่วนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และในวันที่ 14 พ.ย. จะครบตามกำหนดเวลา ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ให้กลับมาดำเนินการตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมมหรสพ การแสดงดนตรี รวมถึงรายการโทรทัศน์ วิทยุ ละคร สามารถทำได้ตามผังรายการเดิม สำหรับการจัดคอนเสิร์ต ผู้จัดต้องได้รับคำแนะนำจากผู้ว่าฯ นายอำเภอ นายกสมาคมที่เกี่ยวกับบันเทิงให้คำแนะนำ หรือถ้าไม่แน่ใจอะไรทำได้หรือไม่ได้ให้สอบถามมายัง ศตส. สำหรับเนื้อหาละครขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดละครว่าเนื้อหามีความเหมาะสมสอด คล้องกับอารมณ์หรือเกินกว่าสังคมรับได้หรือไม่ เพราะอารมณ์คนในสังคมอยู่ในช่วงเทิดทูนและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ดังนั้นรัฐบาลจะไม่เข้าไปกำกับเนื้อหา แต่สังคมจะเป็นผู้กำกับเอง ทั้งนี้หลังประชุม ครม. จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

คาดต่างชาติชมวัดพระแก้ว 6 พันคน

ในส่วนของการท่องเที่ยวที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระแก้วมรกตได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไปนั้น น.ส.วรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวในการให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมพระบรม มหาราชวังหรือวัดพระแก้ว ว่าคาดว่าวันแรกที่เปิดให้เข้าชมวัดพระแก้ว จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6,000 คน เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาด้วยตัวเอง 1,000 คน และมากับบริษัททัวร์ 5,000 คน จากนั้นน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในวันถัดไป ซึ่งกรมการท่องเที่ยวพร้อมสำนักพระราชวังจะประเมินว่านักท่องเที่ยวมาเข้าชมใช้เวลาเท่าใด เพื่อเป็นแนวทางในการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวให้เยี่ยมชมเป็นรอบๆ และรอบละกี่คน ใช้เวลารอบละกี่นาที

จัด 4 จุดรถจอดรับ-ส่งนักท่องเที่ยว

น.ส.วรรณสิริ กล่าวถึงจุดรับส่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและพื้นที่จอดรถบัส ดังนี้ จุดที่ 1 มาและกลับทางรถยนต์ ให้จอดส่ง-รับ ได้ที่โรงแรมรอยัล รัตนโกสินทร์ จุดที่ 2 มาทางรถยนต์ ให้ จอดรถส่งที่โรงแรมรอยัล รัตนโกสินทร์ กลับทางเรือที่ท่าช้าง ระหว่างนั้นให้รถบัสขับไปจอดที่บริเวณเชิงสะพานพระราม 8 บริเวณสายใต้เก่า บริเวณวัดดุสิต และบริเวณร้านอาหารของเอกชน เป็นต้น ส่วนจุดที่ 3 มาทางเรือ ให้รถทัวร์จอดส่งและรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยลงเรือที่เอเชียทีค (เรือจุได้ 400 คน) มาขึ้นที่ท่ามหาราช ซึ่งนักท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคนละ 130 บาท แต่สำหรับรถทัวร์ขนาดเล็กอย่างรถตู้ สามารถรับและส่งนักท่องเที่ยวได้ที่สะพานช้างโรงสี จุดเดียวกับรถรับ-ส่งคนไทย ที่มาร่วมถวายบังคมพระบรมศพพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ส่วนช่วง
เวลาการเปิดพระบรมมหาราชวัง สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ กำหนดตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. เข้าและออกทางประตูวิเศษไชยศรี ทั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือวันละ 6 คน ประจำอยู่ ณ ป้อมยามกระจกสีขาว และเต็นท์ช่วยเหลือ เยื้องบริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกรณีพลัดหลงจากกรุ๊ปทัวร์

5 หน่วยงานร่วมตั้งวอร์รูม

น.ส.วรรณสิริกล่าวด้วยว่า ได้ตั้งศูนย์วอร์รูมประจำที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีตัวแทนจาก 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ผู้แทนกรมการท่องเที่ยว ผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้แทนกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) หน่วยงานละ 1 คน เพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร แก้ปัญหารับรายงานและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยสามารถโทรศัพท์ขอรับความช่วยเหลือที่เบอร์ 0-2283-1555

“กรมยังได้ขอความร่วมมือไปยังสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือแอตต้า เพื่อให้แจ้งข้อมูลล่วงหน้าว่า แต่ละวันจะมีรถบัสพานักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้วันละเท่าใด ให้นักท่องเที่ยวเขียนชื่อบริษัททัวร์ มัคคุเทศก์ (ไกด์) พร้อมเบอร์โทร. เพื่อใช้กรณีที่นักท่องเที่ยวพลัดหลง ขอความร่วมมือบริษัททัวร์จัดสลับเวลาพานักท่องเที่ยวเข้าวัดพระแก้วเพื่อลดความแออัด ตลอดจนช่วยกำชับนักท่องเที่ยวไม่พกสัมภาระที่มากเกินไป ของมีคม เพื่อความสะดวก รวดเร็วต่อการตรวจค้นด้วย”

แยกส่วนชัดกันนักท่องเที่ยวปะปน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ก็ตระเตรียมความพร้อม และทำความสะอาดเส้นทางใหม่ ที่จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปใช้เป็นทางเดินเข้าไปสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในวันที่ 1 พ.ย.เริ่มจากบริเวณประตูมณีนพรัตน์ ประตูพระบรมมหาราชวัง ฝั่งเหนือทางเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่ติดถนนหน้าพระลาน ขนาบข้างด้วยป้อมเขื่อนเพชรและป้อมเผด็จดัสกร ทั้งนี้ เมื่อแถวของพสกนิกรผ่านเข้ามาในพระบรมมหาราชวัง ฝั่งทิศเหนือสถานที่ตั้งของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทั้งหมดจะได้เข้าไปตั้งแถวอยู่ในร่มเงาของพระระเบียงคด ของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยสำนักพระราชวังอำนวยความสะดวกให้ด้วยการนำเชือกสีแดงสองเส้น มากั้นไว้แสดงสัญลักษณ์ ตลอดเส้นทาง พร้อมป้ายข้อความเป็นภาษาไทย จีน และอังกฤษ ว่า “สำหรับผู้ที่เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ” มาติดไว้เพื่อไม่ให้ปะปนกับนักท่องเที่ยวที่เข้าชมวัดพระแก้ว

เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังระบุว่า นอกจากทำให้ผู้ที่มาถวายสักการะพระบรมศพ ได้มีร่มบังแดดฝนแล้ว ระหว่างรอยังสามารถชมความวิจิตรงดงามของจิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์ ตลอดแนวพระระเบียงคต ทั้งนี้เมื่อถึงประตูศรีรัตนศาสดารามทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน ก็จะให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอมรวิถี หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน แล้วเลี้ยวขวาตั้งแถว หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สถานที่ประดิษฐานพระบรมศพ ทางประตูกำแพงแก้วฝั่งตะวันออก

ยอดลงนาม ตจว.กว่า 4.6 ล้านราย

นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยสรุปยอดการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความอาลัยและการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในส่วนของต่างหวัด มีประชาชนลงนามแสดงความไว้อาลัย ณ วันที่ 30 ต.ค. มีทั้งสิ้น 116,505 ราย มียอดสะสมการลงนามแสดงความไว้อาลัยตั้งแต่วันที่ 14-30 ต.ค. จำนวนทั้งสิ้น 4,604,960 ราย กิจกรรมสวดอภิธรรม มียอดสะสมตั้งแต่วันที่ 14-30 ต.ค. รวมทั้งสิ้น 7,119,543 คน กิจกรรมทำบุญตักบาตร 2,410,720 คน กิจกรรมอื่น 1,837,944 คน ขณะที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้าวพอเพียงของที่ระลึกให้ประชาชนที่เดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพว่าได้รับแจ้งจากสำนักพระราชวังว่ามีประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมศพ วันละ 30,000 คน จึงจะเพิ่มจำนวนการผลิต เพื่อให้เพียงพอมากที่สุด

มส.จัดสวดพระพุทธมนต์ถวาย “ในหลวง” ร.9

ต่อมาในช่วงเย็น ที่ชั้น 2 พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ คณะสงฆ์เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มอบหมายให้พระวิสุทธิวงศาจารย์ (วิเชียร อโนมคุโณ) รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เป็นประธาน โดยมีพระสงฆ์ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีจำนวนมากจนเต็มพื้นที่ชั้น 2 ของพระมหาเจดีย์

ทั้งนี้ นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ในวันที่ 5 พ.ย. มส.จะมีการจัดสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทางสำนักพระราชวังได้มีหนังสือตอบรับมายัง พศ.แล้ว ซึ่งประชาชนที่ไปถวายบังคมพระบรมศพ สามารถมาเข้าร่วมพิธีได้ โดยทาง พศ.จะมีหนังสือบทสวดพระพุทธมนต์แจกให้ ขณะเดียวกันยังให้สามารถดาวน์โหลดบทสวดพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ฟรี ทางเว็บไซต์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ www.onab.go.th

รวมองค์ความรู้ทรงอนุรักษ์วัฒนธรรม

ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับดำเนินงานตามแนวพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในมิติด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม มาใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานเกี่ยวกับการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมและหลักธรรมทางศาสนา รวมถึงการดำเนินโครงการต่างๆตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมทั้งให้มีการรวบรวมองค์ความรู้ที่พระองค์ทรงฟื้นฟู อนุรักษ์และส่งเสริมพระราชพิธี ประเพณีและวัฒนธรรมไทย อาทิ พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค จากนั้น วธ.จะนำข้อมูลมาจัดทำวีดิทัศน์ และหนังสือ เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้ประชาชนและเยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้ และนำไปใช้เป็นแนวทางประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

หอสมุดทำมุมหนังสือ “ในหลวง”

รมว.วัฒนธรรมกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ได้รับรายงานว่า หอสมุดแห่งชาติ ทั้งในกรุงเทพมหานครและหอสมุดแห่งชาติส่วนภูมิภาคอีก 11 แห่ง ได้แก่ ชลบุรี สงขลา สงขลา (หาดใหญ่) สุพรรณบุรี เชียงใหม่ ตรัง นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครพนม จันทบุรีและกาญจนบุรี ได้รวบรวมหนังสือเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในส่วนของพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำมาจัดทำมุมหนังสือเฉพาะภายในหอสมุด เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริการศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้ต่างๆ

แบงก์ชาติขุดกรุแบงก์ที่ระลึก

วันเดียวกัน นายวรพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีประชาชนจำนวนมากสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จาก ธปท. รวมถึงธนบัตรที่ระลึกที่เหลือให้ประชาชนจ่ายแลกได้เพิ่มเติมนั้น ธปท.ขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบสต๊อกทั้งหมดแล้ว พบว่าปัจจุบัน ธปท.ยังมีธนบัตรที่ระลึกที่จะสามารถจัดสรรเพิ่มเติมให้กับธนาคารพาณิชย์และธนาคารออมสินนำไปจ่ายแลกให้กับประชาชนได้อีก 2 แบบเท่านั้น คือบัตรธนาคารเนื่องในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาหกสิบบริบูรณ์ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ ชนิดราคา 60 บาท จ่ายแลกในราคา 60 บาท จำนวน 9 แสนฉบับ และธนบัตรที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปี ธนบัตรไทย (ปี ๒๕๔๕) ชนิดราคา 100 บาท จ่ายแลกในราคา 100 บาท จำนวน 9 แสนฉบับ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ได้รับแจ้งยอดจัดสรรโควตาธนบัตรที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพิ่มเติม 2 รุ่นดังกล่าว จะนำมาจ่ายแลกแก่ประชาชนในวันที่ 9 พ.ย.นี้ จำนวนรวม 1.2 ล้านฉบับ กำหนดให้แลก 1 คน ต่อ 1 ฉบับ

เร่งปรับพื้นสนามหลวงหลังฝนเทหนัก

จากนั้นในเวลา 19.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราช กุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร สวดพระอภิธรรม ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ท้องสนามหลวง ฝนได้เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ประชาชนต่อคิวเพื่อเข้าถวายสักการะพระ บรมศพต่างพากันเข้าไปหลบฝนตามเต็นท์ต่างๆ แต่บางคนที่นำร่มหรือเสื้อกันฝนมาด้วย นำออกมาใช้กันฝน และยังรอคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพอย่างไม่ทดท้อ ส่วนเต็นท์จ่ายอาหาร น้ำดื่ม ภายในท้องสนามหลวงได้หยุดการจ่ายอาหาร เนื่องจากกรุงเทพมหานคร ขอความร่วมมือหยุดแจกจ่ายอาหารในเวลา 20.00 น. เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ มีบางเต็นท์เก็บสิ่งของขึ้นที่สูง เนื่องจากทางกรุงเทพมหานคร จะล้างทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบ โดยสนามหลวงฝั่งพระบรมมหาราชวัง เจ้าหน้าที่ให้ประชาชนออกจากพื้นที่ และทางกรุงเทพมหานคร นำรถเครื่องจักรเข้ามาเตรียมปรับปรุงภูมิทัศน์ เนื่องจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้พื้นสนามกลายสภาพเป็นดินโคลน โดยเจ้าหน้าที่จะนำทรายและหินคลุกมาใส่เพิ่มเติมแทน

ชาวดอยสะเก็ดแสดงความอาลัย

ส่วนบรรยากาศการจัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตามจังหวัดต่างๆ ที่บริเวณลานหน้าวัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พระราชโพธิ์วรคุณ เจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด ร่วมกับสภาวัฒนธรรมอำเภอดอยสะเก็ด ข้าราชการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านจาก 13 ตำบลใน อ.ดอยสะเก็ด กว่า 1 พันคนยืนเรียงแถวเป็นรูปหัวใจ ร่วมกันจุดเทียนแสดงความอาลัย หลังจากในอดีตพระองค์ท่านทรงนำโครงการพระราชดำริห้วยฮ่องไคร้ ทำให้ระบบนิเวศและผืนป่ากลับมาอุดมสมบูรณ์ และยังสร้างอาชีพและรายได้ อีกทั้งมีพระราชดำริให้กรมชลประทานสร้างเขื่อนแม่กวงอุดมธาราช่วยเกษตรกร อ.ดอยสะเก็ด และอ.สันกำแพง จนมีน้ำอุปโภคบริโภคและใช้ในการเกษตรจนทุกวันนี้

ช้างกราบแสดงความจงรักภักดี

ที่สถาบันคชบาลแห่งชาติศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง จัดพิธีน้อมรำลึกแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการนำช้าง 30 เชือก รวมทั้งช้างพลายปฐมสมภพ อายุ 9 ปี ที่ในหลวง ร.9 ทรงตั้งชื่อให้หมอบกราบหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อแสดงความจงรักภักดีบริเวณลานหน้าอาคารกัลยาณิวัฒนา นายสวัสดิ์ ตวงรัตน์หรดี ผอ.สถาบันคชบาลฯ กล่าวว่า การนำช้างมาจัดพิธีแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชครั้งนี้เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อสถาบันคชบาลแห่งชาติตลอดมา

ตร.สุดทึ่งพระบรมฉายาลักษณ์

ที่สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ตำรวจได้นำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมาตั้งเหนือประตูทางเข้า จากการสังเกตรอบกรอบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีรอยกระสุนทั้งหมด 9 รู และกรอบพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ โดย ร.ต.ต.ภูษิต ลิ่มประเสริฐ รอง สวป.สภ.ทุ่งใหญ่ เปิดเผยถึงที่มาพระบรมฉายาลักษณ์ทั้งสองพระองค์ว่า เมื่อปี 2520 มีผู้การการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) บุกยิงถล่มและทุ่งใหญ่เสียหายหมด มีเพียงพระบรมฉายาลักษณ์ทั้งสองพระองค์ที่ถูกกระสุนแค่กรอบเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก ต่อมาหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบเรื่องได้เสด็จเยี่ยมราษฎรใน อ.ทุ่งใหญ่ ถึง 2 ครั้ง ในปี 2522 และปี 2523 ขณะนี้ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ดูแลรักษาพระบรมฉายาลักษณ์ไว้อย่างดีเพราะถือเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่อยู่คู่กับโรงพัก

ช่างภาพปลื้มเคยรับใช้ใกล้ชิด

ส่วนนางลินจง โกยะวาทิน อายุ 71 ปี เจ้าของร้านถ่ายภาพ“นครศิลป์” อยู่บ้านเลขที่ 465 หมู่ 2 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล ที่เคยรับใช้เบื้องพระยุคลบาท ทำหน้าที่เป็นช่างภาพเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯ จ.สตูล เมื่อเดือน ก.ย.2518 โดยนางลินจง เปิดเผยว่า ตอนที่พระองค์เสด็จฯพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน ณ ร.ร.สตูลวิทยา และเสด็จไปยังมัสยิดมำบังหรือมัสยิดกลาง จ.สตูล ทรงปลูกต้นราชพฤกษ์ 2 ต้น ขณะนั้นตนประกอบอาชีพเป็นช่างภาพอิสระ มีห้องภาพเป็นของตนเองได้รับมอบหมายให้เป็นช่างภาพของจังหวัดเพียงคนเดียว รู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างมาก และวันที่ 20 ก.ย.2522 พระองค์ท่านเสด็จฯทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าวัดดุลยาราม ต.ฉลุง อ.เมืองสตูล ได้ทำหน้าที่อันทรงเกียรติอีกครั้ง ตอนนี้ได้สร้าง “ห้องภาพของพ่อ” เพื่อรวมรวบพระราชประวัติและภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ไว้ให้เยาวชนศึกษาเรียนรู้

คณะดีเกฮูลูแต่งเพลงน้อมรำลึก

ที่สถาบันการพลศึกษา วิทยาลัยเขตยะลา อ.เมืองยะลา คณะศิลปินดีเกฮูลู ยูนุห์ตูยง ซึ่งเป็นคณะดีเกฮูลูชื่อดังในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย น.ส.ไซนุง ตายี รวมพลังกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดย น.ส.ไซนุง ตายี เปิดเผยว่า คณะดีเกฮูลู ยูนุห์ตูยง ก่อตั้งมากว่า 28 ปี ตระเวนเล่นตามชายแดนใต้ และนอกประเทศทั้ง จีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ทุกวันที่ 5 ธันวาคม และ 12 สิงหาคม ของทุกปีจะไปแสดงสดที่สนามหลวงและได้รับรางวัลจำนวนมากจึงได้แต่งบทเพลง “เทิดไท้องค์ราชัน” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ถึงเราจะเป็นมุสลิมเราก็รักพระองค์ท่าน

เปลี่ยนชื่อถนน-รำลึกวันเสด็จ

นายอรุณ อัครปรีดี อายุ 79 ปี อดีตนายก-เทศมนตรีเทศบาลเมืองบัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2498 หรือเมื่อ 61 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯด้วยรถยนต์พระที่นั่งจาก จ.ชัยภูมิ เยี่ยมราษฎรชาวบัวใหญ่ ตามเส้นทางถนนนิเวศรัตน์ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นถนนทางหลวงสาย 202 (ยกเว้นในช่วงเขตเทศบาลเมืองบัวใหญ่) แต่ขณะนี้ชาวบัวใหญ่ได้หารือกันเพื่อจะเปลี่ยนชื่อถนนนิเวศรัตน์เป็นถนนราชดำเนิน หรือถนนทรงเสด็จ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงมีต่อชาวบัวใหญ่ โดยจะทำประชามติในเร็วๆนี้ ขณะที่นายประพัทธพงศ์ พราหมณี นายอำเภอบัวใหญ่ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ถ้าชาวบัวใหญ่มีประชามติเห็นควรเปลี่ยนชื่อก็ไม่ใช่เป็นเรื่องยาก โดยแจ้งไปยังนายนิพนธ์ ลิ้มวงศ์ยุติ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบัวใหญ่ รับทราบเพื่อเปลี่ยนชื่อถนนได้

สะสมพระบรมฉายาลักษณ์

ขณะที่นางละบอบ สัมฤทธิ์รินทร์ อายุ 68 ปี เจ้าของร้านขายของชำชื่อต้นไทร ตั้งอยู่เลขที่ 2156 ถนนเลียบริมทางรถไฟ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ได้เก็บสะสมรูปภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 589 ภาพ ติดไว้ภายในบ้านและหน้าร้านขายของ โดยนางลำบอบเผยว่า ภาพมหามงคลทั้งหมดได้สะสมมาตั้งแต่ปี 2500 ทั้งจากปฏิทิน นิตยสาร และหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับนำมาใส่กรอบ ส่วนใหญ่จะแขวนไว้หน้าร้านขายของชำ ตลอดชีวิตได้กราบสักการะพระองค์ท่านทุกวัน และพร่ำสอนสั่งลูกๆ ทุกคนให้ขยัน อดทน น้อมนำพระราชดำริของพระองค์ มาเป็นแบบอย่าง

อดีตทหารรำลึกถวายอารักขา

ด้านนายสิงหา จันทร์ลาวงษ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 5 บ้านภูดิน ต.โคกก่อ อ.เมืองมหาสารคาม ได้เดินออกจากบ้านเพื่อไปส่งเสด็จพ่อหลวงสู่สวรรคาลัย ที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร โดยนายสิงหาเผยว่า เคยเป็นทหารเกณฑ์ สังกัดกรมทหารราบที่ 3 กองพันที่ 1 ค่ายกฤษณ์สีวะรา จ.สกลนคร เมื่อปี 2531 ขณะนั้นมีโอกาสถวายความปลอดภัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งพระองค์เสด็จแปรพระราชฐานประทับแรมที่พระตำหนักภูพานราช-นิเวศน์ เพื่อทรงงานในพื้นที่ภาคอีสาน เลยตั้งใจเดินทางด้วยเท้าจากบ้านมาน้อมส่งเสด็จพระองค์สู่สวรรคาลัยที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ระยะทาง กว่า 170 กม. ใช้เวลาทั้งหมด 6 วัน

แห่ฝากเงินรับกระปุกออมสิน ร.๙

ขณะที่ธนาคารออมสินทั่วประเทศเปิดให้ประชาชนฝากเงินและรับกระปุกออมสินเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ ครองราชย์ 70 ปีเป็นที่ระลึก เนื่องในวันออมสินแห่งชาติ โดยที่ธนาคารออมสิน สาขา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ มีประชาชนและผู้ปกครองพาบุตรหลานมาฝากเงินจำนวนมาก โดยนางจินตนา อิทธิอมรกุล ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขา อ.นางรอง เผยว่า ธนาคารออมสินสาขานางรองได้รับกระปุกออมสิน 500 ใบ ใครฝากเงินตั้งแต่ 200 บาท ก็จะได้กระปุกออกสินเป็นที่ระลึกและกระปุกออมสินหมดไปตั้งแต่ก่อนเที่ยง ด้าน ด.ญ.ณัฐนันท์ วิเจดีย์ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนสิงหวิทยา อ.นางรอง เผยว่า นำเงิน มาฝาก 600 บาท ที่เก็บสะสมจากค่าขนมของเทอมที่แล้ว แต่ไม่ทราบว่ามีการแจกกระปุกออมสิน ดีใจมากที่ได้กระปุกออมสินที่ระลึกในหลวง ร.๙ จะได้เก็บเงินหยอดกระปุก และเอาไว้เตือนตัวเองไม่ให้ฟุ่มเฟือย

รอแลกเหรียญที่ระลึกรุ่นปี 49

ที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่สตูล นายสาธิต บุญแล ธนารักษ์ จ.สตูล เปิดให้ประชาชนมาแลกเหรียญที่ระลึกรุ่นความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ ปี 2549 เป็นรางวัลที่สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) จัดทำขึ้นเพื่อมอบแก่บุคคลดีเด่นที่อุทิศตนตลอดชีวิต เมื่อปี พ.ศ.2549 UNDP ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลดังกล่าวเป็นครั้งแรกแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยสำนักงานธนารักษ์พื้นที่สตูล ได้รับจัดสรรมา 300 เหรียญ เปิดให้แลกในราคาเหรียญละ 1,800 บาท ส่วนเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี ชุดละ 50 บาท ทางสำนักงานธนารักษ์สตูลได้เปิดให้แลกและหมดในเวลาอันรวดเร็ว

เฒ่าวิ่งรำลึกแชมป์มาราธอน

ส่วนที่ถนนแสงชูโต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เช้าวันเดียวกัน นายประสาน ระงับ อายุ 78 ปี อดีตนักวิ่งมาราธอน ออกวิ่งจากบ้านใน จ.กาญจนบุรี มาตามถนนสายดังกล่าวมุ่งหน้าไปกราบพระบรมศพที่พระบรมมหาราชวัง กทม. โดยนายประสานเปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 30 ปีก่อนเคยเข้าร่วมวิ่งมาราธอนและ ชนะเลิศรายการกรุงเทพมาราธอนรับถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากนั้นยังร่วมแข่งวิ่งมาราธอนเรื่อยมาจนอายุ 70 ปี ได้เลิกวิ่งเพราะอายุมากแล้ว หลังทราบข่าวการสวรรคตของพระองค์ท่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก จึงมุ่งมั่นเริ่มออกวิ่งจาก จ.กาญจนบุรี ไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยนำภาพพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่วาดขึ้นเองติดตัวไปด้วย

หมอลำรวมพลังจัดเวทีอาลัย

ที่ห้องประชุมเป็งจาล เทศบาลนครขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ประชุมร่วมกับหัวหน้าคณะหมอลำชื่อดังในหลายจังหวัดของภาคอีสาน รวมถึงผู้แทนกลุ่มศิลปินหมอลำและศิลปินแห่งชาติเพิ่ม เตรียมจัดงาน “หมอลำรวมใจ ถวายอาลัยพ่อหลวง” วันที่ 4 พ.ย.2559 ณ เวทีสวน สาธารณะ 200 ปี ริมบึงแก่นนคร โดยนายธีระศักดิ์กล่าวว่า “หมอลำรวมใจ ถวายอาลัยพ่อหลวง” เป็นการแสดงออกของเหล่าศิลปินพื้นบ้าน เพื่อเทิดพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช โดยศิลปินหมอลำอีสานจะมารวมตัวกันที่ขอนแก่น และจัดแสดงออกถึงความจงรัก ภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในสิ่งที่กลุ่มศิลปินถนัดผ่านบทเพลง และบทกลอนในทำนองของคนอีสาน

คนไทยต่างแดนร่วมไว้อาลัย

ขณะที่คนไทยในต่างประเทศร่วมพิธีแสดงความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยที่ลานประตูประวัติศาสตร์ บรันเดนเบิร์ก กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เวลา 15.00 น. วันที่ 30 ต.ค.ตามเวลาท้องถิ่น นางอรพิน ลิลิตธรรม อัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน เป็นประธานในพิธีแสดงความอาลัย โดยมีเป็นนายคณิน บุญญ-โสภิต ผู้ประสานงานชาวไทยนำคนไทยกว่า 2,000 คน และชาวต่างชาติอีกประมาณ 1,000 คนเข้าร่วมพิธี และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี กระทั่งค่ำได้จุดเทียนแสดงความอาลัย และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

ยอดรวมสามวัน 8.28 หมื่นคน

กระทั่งเมื่อเวลา 21.30 น. สำนักพระราชวัง สรุปยอดประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท วันที่ 31 ต.ค.59 มี 23,877 คน รวม 3 วัน มี 82,877 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 1,331,501.25 บาท รวม 3 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 4,429,863.75 บาท