ชาวเขาเผ่าเย้าที่ จ.พะเยา ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9 หลังพระราชทานความช่วยเหลือในช่วงที่มีสงครามคอมมิวนิสต์ พระราชทานที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย ทรงมอบอาชีพให้จนถึงทุกวันนี้

เมื่อวันที่ 26 ต.ค.59 นายแคะเว่น ศรีสมบัติ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านใหม่ปางค่า ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา และในฐานะประธานชาวเย้าในประเทศไทยและคณะกรรมการชาวไทยภูเขาในประเทศไทย กล่าวว่า พวกตนรู้สึกเสียใจต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้เมื่อปี พ.ศ.2512-2522 จังหวัดพะเยายังมีความขัดแย้งทางความคิด (สงครามคอมมิวนิสต์) ซึ่งพระองค์ทรงห่วงใยชาวไทยภูเขา โดยเกรงว่าจะถูกปลุกระดมให้หลงผิด ซึ่งในช่วงนั้นได้เกิดการสู้รบขึ้นในพื้นที่อำเภอเชียงคำ ทำให้พระองค์ทรงห่วงใยเป็นอย่างมาก ขณะนั้นพระองค์ทรงจัดหาหมู่บ้านให้กับพี่น้องชาวม้งและชาวเย้าได้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งพวกเราอยู่ในช่วงเสียขวัญและกำลังใจเป็นอย่างมาก พระองค์ก็ได้เสด็จฯ มาที่บ้านใหม่ร่มเย็น อำเภอเชียงคำ ในขณะนั้น ทำให้ชาวเขาได้รับกำลังใจเป็นอย่างดี และมีกำลังในการต่อสู้ชีวิตต่อไป

...

นายแคะเว่น ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อปี พ.ศ.2518 เหตุการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้น ซึ่งตนในฐานะที่ได้รับการศึกษาและเป็นครูในหมู่บ้านแห่งนี้ รู้สึกเป็นห่วงชาวเขา และพระองค์ที่เสด็จฯ ลงมายังพื้นที่ เกรงว่าจะเป็นอันตราย ตนจึงไปพบกับผู้นำและชาวบ้านในพื้นที่กว่าสิบหมู่บ้าน เพื่อแสดงความจงรักภักดี ด้วยการนำผ้าขาว แดง น้ำเงิน ไปแจกให้กับพี่น้องชนเผ่า และเย็บเป็นธงชาติไทยผืนใหญ่ เพื่อนำไปถวายพระองค์ท่าน และได้นำชาวเขากว่า 200 คน กราบทูลพระองค์ พร้อมแสดงตนว่าจะไม่เป็นคอมมิวนิสต์ จะขอจงรักภักดีต่อพระองค์และจะร่วมกันดูแลพื้นที่ต่อไป

ด้าน นางเฟย ศรีสมบัติ อดีตประธานสตรีชนเผ่าเย้า กล่าวว่า ตนรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นอย่างยิ่ง เพราะพระองค์พระราชทานโครงการต่างๆ และทรงช่วยเหลือชาวเขาทุกชนเผ่า

เมื่อครั้งที่ตนทราบข่าวพระองค์ทรงพระประชวร ตนและพวกได้ร่วมกันอธิษฐานสวดมนต์ตามประเพณีของชนเผ่า เพื่อให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ต่อมาเมื่อตนได้ทราบข่าวว่าพระองค์สวรรคตแล้ว ตนรู้สึกเหมือนหัวใจจะสลาย แม้จะไม่ได้มีโอกาสได้เดินทางไปรับเสด็จพระองค์ท่านเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่สิ่งที่ตนรู้สึกภาคภูมิใจที่สุด คือคำสอนที่พระองค์ทรงสั่งสอนว่า ให้มีความรัก ความสามัคคี และจะทำให้ประเทศชาติของเราอยู่รอดปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ตนได้ใส่ใจไว้ตลอด และพร้อมที่จะน้อมนำคำสอนของพระองค์มาสอนลูกหลาน และให้ลูกหลานของตนทำดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน

“ดิฉันได้นำภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ติดตัวไว้ตลอดเวลา แม้จะไม่เคยรับเสด็จก็ตาม ซึ่งสิ่งนี้คือกำลังใจที่ทำให้ดิฉันได้มีชีวิตยืนหยัดได้มาจนถึงทุกวันนี้ จะขอเป็นข้ารองพระบาทอยู่รับใช้โครงการหลวงของพระองค์ต่อไป”