เปิดเรื่องเล่าจากอดีต ผอ.โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 วัย 84 ปี ที่เคยมีโอกาสเฝ้ารับเสด็จในหลวง รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาเยี่ยมประชาชนที่ จ.เชียงราย เผย 'พระองค์ทรงห่วงใยราษฎร' พระราชทานความช่วยเหลือไม่เคยขาด
เมื่อวันที่ 26 ต.ค.59 นายบัญชา ชัยศิลบุญ อดีต ผอ.โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) ในพระบรมราชูปถัมภ์ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ช่วงปี พ.ศ.2501 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมราษฎรที่ อ.เชียงแสน และเสด็จมาที่ว่าการอำเภอเชียงแสน ตอนนั้นตนอายุ 23 ปี เป็นครูใหญ่ โรงเรียนเวียงเก่า (แสนภูวิทยาประสาท) และตนได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ส่วนครั้งนั้นทั้งสองพระองค์ยังได้เสด็จประทับค้างคืนที่เรือนรับรอง ของสำนักงานไร่ยาสูบเชียงแสน ในปี 2512 พระองค์เสด็จบ้านดอยสะโง๊ะ ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน ตนก็มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จ และปี 2536 พระองค์เสด็จวัดพระธาตุผาเงา ตนก็ร่วมแถวเฝ้าเสด็จด้วย ถือเป็นมงคลกับชีวิตอย่างที่สุด และได้ติดตามพระอาการประชวรของพระองค์ตลอด พอทราบว่าพระองค์ท่านเสด็จสวรรคต ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะพระองค์ท่านมีพระมหากรุณาธิคุณต่อโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 อย่างหาที่สุดมิได้
...
นายบัญชา กล่าวอีกว่า เมื่อปี 2501 เชียงแสน ซึ่งยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อปี 2500 ขณะนั้นเชียงแสนทุรกันดาร ถนนเข้ามาสู่อำเภอเชียงแสนเป็นไปด้วยความยากลำบาก ตนย้ายมาเป็นครูที่ อ.เชียงแสน เมื่อปี พ.ศ.2498 และในปี พ.ศ.2499 ขึ้นเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนเวียงเก่า (แสนภูวิทยาประสาท) ต่อมาปี 2509 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ แม่น้ำโขงได้ท่วม อ.เชียงแสน และโรงเรียนเวียงเก่าถูกน้ำท่วมเสียหาย
ทั้งนี้เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบ พระองค์ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 300,000 บาท มาสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ให้ จนถึงปี 2512 โรงเรียนเวียงเก่า (แสนภูวิทยาประสาท) ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) ในพระบรมราชูปถัมภ์ อ.เชียงแสน โดยตนได้เลื่อนเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ตนรับราชการเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้จนเกษียณในปี 2539
นายบัญชา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตนอายุ 84 ปี หลังจากที่โรงเรียนเวียงเก่าได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้เข้ามาเป็นโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์แล้ว ทางโรงเรียนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ นำสิ่งของพระราชทานมอบให้แก่เด็กนักเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 และผู้ยากไร้ทุกปี
นอกจากนี้ในปี 2536 ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ เป็นสิริมงคลแก่ตนและครอบครัวอย่างสูงสุด ทรงพระกรุณาให้ ตนในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียน นำตัวแทนนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ทั่วประเทศ เข้าเฝ้าที่ศาลาดุสิดาลัย เพื่อให้นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ขนบธรรมเนียม ประเพณีของแต่ละภาคซึ่งกันละกัน
ขณะที่นางสาวปานรพี รังษี อายุ 32 ปี กล่าวว่า เมื่อปี 2536 ว่าขณะนั้นตนอายุ 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 อ.เชียงแสน ได้เป็นตัวแทนนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 ซึ่ง ผอ.บัญชา ได้พาเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ทั้งตื่นเต้นที่จะได้เข้าวัง และปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านทุกวันนี้
“ดิฉันยังจำพระกระแสรับสั่งของพระองค์ท่านได้ดี พระองค์ท่านรับสั่งกับนักเรียนราชประชานุเคราะห์วันนั้นว่า นักเรียนราชประชานุเคราะห์ ต้องเป็นคนดี ขยัน มีความกตัญญู รู้คุณของแผ่นดิน”
นางสาวปานรพี กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่พระองค์เสด็จสวรรคต และจะทำตามกระแสรับสั่งของพระองค์ท่าน จะเป็นคนดี ให้สมกับที่ได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด แม้ตนจะเรียนจบปริญญาตรี และปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งรุ่นของตนไม่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระองค์ท่านแล้ว แต่ครั้งหนึ่งได้เข้าเฝ้าที่ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ ถือเป็นสิริมงคลแก่ตนอย่างสูงสุด.
...