ยาย103ปีใกล้ชิด-ถวายเนกไท เอื้อมพระหัตถ์รับตรัส ‘ขอบใจ’
ชาวบ้านเผยความทรงจำประทับใจเมื่อครั้งเคยมีโอกาสเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ คุณยายชาวโคราช วัย 103 ปี ได้ถวายเนกไท ผ้าไหมให้กับพระหัตถ์ เบื้องหลังภาพสุดซึ้งของ แม่เฒ่าชาวนครพนม วัย 102 ปี นั่งรอถวายดอกบัวเหี่ยว 3 ดอกอยู่ริมถนนจนเป็นที่มาของภาพประวัติศาสตร์ “ดอกไม้ แห่งหัวใจ ผู้เฒ่าแห่งอีสาน” ชาวสกลนครนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวยังได้เข้าเฝ้าฯ ชาวม้งแม่สอดเลิกผลิตยาเสพติดได้เพราะพระองค์ท่าน ชาวไทยมุสลิมเมืองคอนไม่มีวันลืมเงินส่วนพระองค์ซื้อที่ดินให้สร้างมัสยิด ผสานเสียงปฏิญาณตนเดินตามรอยพ่อขอเป็นคนดีของสังคม สถานที่ท่องเที่ยวงานเทศกาลหลายแห่งยกเลิก-เลื่อนไม่มีกำหนด แต่บั้งไฟพญานาคยังดูได้ ชาวบ้านแห่ซื้อเสื้อผ้าสีดำแน่นตลาดโบ๊เบ๊
ปวงประชาชาวไทยทั่วหล้ายังคงโศกเศร้าระทมทุกข์จากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ต่างร่วมถวายความ อาลัยด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อเหล่าพสกนิกร หลายต่อหลายคนที่เคยเข้าเฝ้ารับเสด็จต่างบอกเล่าเรื่องราวความทรงจำอันน่าประทับใจไม่รู้ลืมที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเคยได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท
...
ความทรงจำของยายวัย 103 ปี
ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านเลขที่ 301 ถนนกีฬากลาง ซอย 1 เขตเทศบาลนครนครราชสีมา เป็นบ้านของคุณยายบัวผัน ราชวงศ์ อายุ 103 ปี อดีตเป็นข้าราชการครูโรงเรียนบ้านพลกรัง ต.พลกรัง อ.เมืองนครราชสีมา มีภาพมงคลเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ขณะทรงรับเนกไทผ้าไหมที่คุณยายบัวผันพร้อมลูกชาย 2 คนนำไปทูลเกล้าฯถวายเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2498 หรือประมาณ 61 ปีที่แล้ว ระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเป็นทางการครั้งแรก ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ถึงแม้ว่าปัจจุบันคุณยายบัวผันมีอายุมากถึง 103 ปีแล้ว แต่ยังจดจำเรื่องราวความประทับใจในวันนั้นได้ไม่รู้ลืม
ถวายเนกไทให้กับพระหัตถ์
นายอดุลย์ ราชวงศ์ อายุ 65 ปี ลูกชายคุณยายบัวผันที่ไปรอรับเสด็จด้วยเล่าว่า ตอนนั้นอายุเกือบ 5 ขวบ คุณแม่อายุ 42 ปี รับราชการครู พาตนพร้อมกับพี่ชายอีกคนเดินเท้าจากบ้านพลกรัง ต.พลกรัง ตั้งใจแน่วแน่อยากเข้าเฝ้าพระองค์ท่าน ไปรอรับเสด็จที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา คุณแม่ได้ถวายเนกไท ผ้าไหมสีน้ำเงิน เป็นผ้าไหมปักธงชัย ห่ออยู่ในกล่องของขวัญผูกริบบิ้นอย่างสวยงามถวายให้กับพระหัตถ์ของในหลวง พระองค์ท่านเอื้อมพระหัตถ์รับกล่องเนกไท พร้อมกับตรัสว่า “ขอบใจนะ” สร้างความปลาบ ปลื้มปีติให้กับคุณแม่และครอบครัวเป็นอย่างมาก ครอบครัวเราถือว่ามีบุญมากที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าทั้งสองพระองค์ หลังทราบข่าวพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตรู้สึกสะอื้นตกใจ เสียใจมาก จากนี้ไปคนไทยจะฟุ้งเฟ้ออะไรมากไม่ได้แล้ว และต้องยึดถือความพอเพียงเราก็จะมีความสุข สิ่งที่จะทำถวายในหลวงขอให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตัวให้ดี เสียสละให้มาก ทำจิตอาสาให้มาก
ภาพซึ้งแม่เฒ่าถวายดอกบัว
คุณตาบรม จันทนิตย์ อายุ 76 ปี ชาวบ้านศรีบุญเรือง หมู่ 11 ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม หลานชายของแม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ คุณยายวัย 102 ปี บุคคลในภาพประวัติศาสตร์ที่นำดอกบัว 3 ดอกถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เผยเบื้องหลังภาพแห่งความทรงจำว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2498 ตนอายุประมาณ 16 ปี ทราบข่าวในหลวงพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถ เสด็จฯมายังวัดพระธาตุพนม เป็นเส้นทางผ่านหมู่บ้าน คุณย่าไปเฝ้ารอรับเสด็จนำดอกบัวไปรอถวายริมถนน ช่วงเสด็จกลับเวลา 13.00 น. พระองค์ท่านลงจากรถยนต์พระที่นั่งเดินเยี่ยมพสกนิกรที่มารอรับเสด็จตั้งแต่เช้า ทรงเดินมารับดอกบัวเหี่ยว 3 ดอกจากคุณย่าตุ้มที่นั่งอยู่ริมถนนสามแยกชยางกูร-เรณูนคร มีนายอาณัติ บุญนาค ช่างภาพส่วนพระองค์บันทึกภาพไว้ กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ “ดอกไม้แห่งหัวใจ ผู้เฒ่าแห่งอีสาน” เป็นสัญลักษณ์ที่ติดตา คนไทยทั้งชาติจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้แม่เฒ่าตุ้มจะถึง แก่กรรมไปตั้งแต่ปี 2501 ยังเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว รวมถึงชาว จ.นครพนม เป็นอย่างมาก จากนี้ไปสิ่งเดียวที่จะตอบแทนพระองค์ได้ในฐานะลูกของพ่อคือการทำความดีและสั่งสอนให้ลูกหลานเป็นคนดีของสังคม
นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวเข้าเฝ้าฯ
นายสอน ดวงปากดี อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 9 บ้านดงน้อย ต.ดงมะไฟ อ.เมืองสกลนคร บุคคลในภาพประวัติศาสตร์ได้เข้าเฝ้าฯในหลวงอย่างใกล้ชิดแบบไม่รู้ตัวล่วงหน้ามาก่อน เมื่อปี 2527 เผยว่า ขณะนั้นอายุ 35 ปี นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านกับเพื่อนบ้าน ได้ยินเสียงรถและคนจำนวนมาก คิดว่าคอมมิวนิสต์เข้าหมู่บ้าน เพราะเมื่อก่อนเป็นพื้นที่สีแดง หมู่บ้านตั้งใหม่มีแค่ 7 หลัง ขณะจะวิ่งหนีในหลวงทรงเรียกให้อยู่ก่อนแล้วพระองค์ตรัสถามเกี่ยวกับหมู่บ้านและสภาพพื้นที่เพื่อจะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ จากนั้นพระองค์ให้พาไปดู แต่ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตามไป เมื่อพระองค์เห็นก็ทรงทักว่าแต่งอย่างนี้หล่อจัง ดูดีขึ้นมาก จากนั้นพระองค์ก็สอบถามจนนำไปสู่การสร้างอ่างเก็บน้ำภูเรือถึงทุกวันนี้ ชาวบ้านได้รับประโยชน์จากอ่างเก็บน้ำทำการเกษตร เลี้ยงสัตว์ มีชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น ภายหลังไฟฟ้าและน้ำประปาก็ตามมา ทุกวันนี้ตนประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อกราบไหว้บูชา บริเวณบ้านมีเยาวชนจิตอาสามาก่อสร้างเป็นศาลาอ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน สร้างเป็นอนุสรณ์ตามรอยพ่อ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตดำเนินตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง เป็นชีวิตที่เรียบง่ายมีความสุขมาก
...
บุคคลในภาพปลื้มสุดชีวิต
นายเสถียร มีบุญ อายุ 69 ปี สมาชิกสภา อบจ.หนองคาย เป็นบุคคลในภาพที่เคยเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชกรณียกิจในพื้นที่ จ.หนองคาย เผยว่า มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จถึง 3 ครั้ง พร้อมถวายรายงานถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน จนกระทั่งปี 2558 มีการประกาศตามหาบุคคลในภาพ ตนเป็นหนึ่งในนั้น สร้างความปลาบปลื้มตื้นตันใจในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์เป็นล้นพ้น ขณะที่ น.ส.เกวลี พิลาคง อายุ 68 ปี นำรูปจากหนังสือพิมพ์ที่อัดกรอบมาให้ผู้สื่อข่าวดูเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ขณะทักทายประชาชนและใช้พระหัตถ์ลูบศีรษะผู้หญิงคนหนึ่ง น.ส.เกวลีเผยว่า ตนคือผู้หญิงคนในภาพ พระองค์ท่านเสด็จมาที่ อ.สังคม จ.หนองคาย เพื่อปลอบขวัญประชาชนหลังเกิดน้ำท่วมไหลหลาก หลังพระองค์เสด็จสวรรคตตนเศร้าเสียใจเกินกว่าที่จะรับได้ หลังจากนี้จะยึดมั่นคำสั่งสอนของพระองค์มาเป็นเครื่องเตือนใจและทำตามให้ดีที่สุด
คุณยายสะสมปฏิทินในหลวง
นางไพบูลย์ ดอกไม้ อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 234/1 บ้านป่าไม้พัฒนา หมู่ 14 ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชาฝั่งเขาพระวิหาร ผู้เก็บสะสมปฏิทินพระบรมฉายา– ลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมาตั้งแต่ปี 2543 ถึงปัจจุบันจนมีจำนวนมาก กำลังเช็ดถูทำความสะอาดปฏิทินที่ห่อด้วยพลาสติกติดไว้ที่หัวเตียงนอน ข้างฝาบ้าน และนำดอกไม้ ธูป เทียน กราบไหว้ นางไพบูลย์กล่าวว่า รู้สึกรักเคารพ นับถือในหลวงของเรามานานแล้ว เมื่อก่อนเคยเก็บปฏิทินรูปในหลวงมานานแต่ได้ย้ายบ้านจนสูญหาย และมาเริ่มเก็บอีกทีก็ในปี 2543 จนถึงปัจจุบันนี้ กราบไหว้ทุกคืนก่อนนอน เสียใจที่สูญเสียพระเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นพ่อของประชาชนทั้งประเทศ เนื่องจากพระองค์ท่านมีพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ถึงวันนี้ยังรู้สึกเสียใจร้องไห้หลายครั้งแล้ว ภาพที่มีอยู่นี้จะเก็บรักษาไว้ตลอดไป ขออธิษฐานพระองค์ท่านสู่สวรรคาลัย
...
พระองค์จะอยู่ในใจตลอดไป
ที่โรงเรียนบ้านปราสาทเยอ ต.ปราสาทเยอ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ นางสมพร อินทร์วัน อายุ 57 ปี ข้าราชการครู เผยว่า เมื่อปี 14 รอเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงทอดพระกฐินที่วัดปราสาทเยอ ตนเป็นเด็กบ้านนอกไม่เคยเห็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน รู้สึกปลื้มใจมากที่ได้เฝ้ารับเสด็จ ยามใดมีเรื่องเดือดร้อนทุกข์ใจก็จะคิดถึงในหลวง ขอให้ท่านดลบันดาลให้เรื่องที่เดือดร้อนหายและผ่านพ้นไปด้วยดี แต่มาถึงวันนี้ ในหลวงสวรรคต อากาศก็อึมครึม ท้องฟ้ามืดมัว ทำให้ความรู้สึกในใจหดหู่ ในหลวงจะอยู่ในหัวใจตลอดไป
ชาวม้งแม่สอดเลิกยาเสพติด
นายนู๋เย๊ะ แซ่ม้า อายุ 64 ปี ชาวบ้าน บ้านเจดีย์โคะ ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก เผยความประทับใจเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมสมาชิกศูนย์ช่วยเหลือชาวเขาบ้านเจดีย์โคะ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2521 ว่า ขณะนั้นอายุ 26 ปี พระองค์เสด็จทอดพระเนตรการตีมีดที่บ้านนายจังผง แซ่ม้า ลูกหลานมาต้อนรับท่านพูดว่าตอนนี้ทุกคนกลับตัวเป็นคนดี ทำมาหากินอย่างสุจริตไม่ต้องไปวุ่นวายในป่าในดง ไม่ต้องไปทำยาเสพติดก็รู้สึกดีใจ เลยปฏิบัติตามรับสั่งในหลวงที่มาแนะนำการทำมาหากิน เมื่อพระองค์ท่านสวรรคต เสียใจมาก ไม่มีพ่อแล้วใครจะมาดูแลพวกเรา อนาคตจะอยู่อย่างไร ด้านนายเต็ง แซ่ม้า ขณะนั้นอายุ 26 ปี เล่าว่า ตอนที่ในหลวงมาเยี่ยมรู้สึกภาคภูมิใจที่สุด ได้เล่าทุกข์สุขให้ในหลวงฟัง พระองค์ท่านบอกว่ายังไงๆ จะไม่ทอดทิ้งชาวเขาที่อยู่ในแผ่นดินไทยก็เป็นคนไทยหมด ให้กลับมาช่วยพัฒนาชาติไทยร่วมกัน รู้สึกว่าในหลวงรักชาวเขาเผ่าม้งมากที่สุด
ถวายผ้าทอนำไปเป็นแม่แบบ
...
นางแสงลอย ยาวิเลิง อายุ 65 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่เคยเฝ้ารับเสด็จเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เดินทางไปเยี่ยมกำลังพล ตชด.506 และราษฎรที่บ้านท่า–ข้าม ต.ปอ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ขณะนั้นตนมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านท่าข้าม หมู่ 1 ต.ปอ อ.เชียงของ กำลังทอผ้าถวายให้ชม ทั้งสองพระองค์สนใจการทอผ้าสอบถามรายละเอียดหลายอย่าง ตนถวายผ้าทอพระองค์ทรงตรัสว่าสวยงามมากและจะนำไปเป็นแม่แบบให้ศูนย์ศิลปาชีพได้ศึกษาเรียนรู้และกล่าวขอบใจ สร้างความปลาบปลื้มกับครอบครัวและตนเป็นอย่างยิ่ง หลังทราบว่าในหลวงสวรรคตครอบครัวต่างโศกเศร้า และจะปฏิญาณตนว่าจะทำแต่ความดีถวายแด่พ่อหลวงต่อไป
แม่เฒ่าสตูลสะสมภาพในหลวง
นางกระบวน แสงอาภา หรือยายแดง อายุ 85 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ถนนยาตราสวัสดิ์ อ.เมืองสตูล กับสามีชื่อ ร.ต.ต.คล้าย แสงอาภา อายุ 93 ปี เป็นครอบครัวหนึ่งที่มีความจงรักภักดีมาช้านาน และสะสมพระบรมฉายาลักษณ์ และพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศมาเป็นเวลานานหลายสิบปี ตอนนี้นับพันรูป ยายแดงเล่าด้วยน้ำตาว่า สะสมพระบรมฉายาลักษณ์และพระ บรมสาทิสลักษณ์มาตั้งแต่พระองค์ท่านขึ้นครองราชย์เพื่อเก็บไว้บูชา หลังทราบข่าวเสด็จสวรรคตทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน พระองค์ท่านมีแต่ให้ประชาชน ต่อไปนี้คนไทยขาดร่มโพธิ์ร่มไทรอนาคตข้างหน้าไม่รู้จะเป็นเช่นไร ตนจะไว้ทุกข์เป็นเวลา 1 ปี และจะทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลให้พระองค์ท่านทุกเช้า ขอเชิญชวนประชาชนคนไทยกระทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านตลอดไป
เงินส่วนพระองค์ซื้อที่ดินให้มัสยิด
นายลือชา เปี่ยมสุวรรณ กรรมการสภาทนายความ ภาค 8 เผยว่า เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศที่เคยเสด็จมายัง จ.นคร– ศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 15 มี.ค.02 พระองค์ทรงเข้าไปประทับบนแท่นมิมบัร ในมัสยิดซอลาฮุดดีน หรือมัสยิดท่าช้าง ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช มีพสกนิกรชาวไทยมุสลิมจำนวนมากเฝ้ารับเสด็จ ที่สำคัญไม่มีวันลืมเลือนคือเรื่องที่พระองค์ท่านใช้เงินส่วนพระองค์จำนวน 42,800 บาท ชำระค่าผาติกรรมให้กรมศาสนา เพื่อซื้อที่ดินเนื้อที่ 1 ไร่ของวัดท่า– ช้างร้าง สำหรับก่อสร้างมัสยิดซอลาฮุดดีน เป็นที่ตั้งของมัสยิดมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านต่อพสกนิกรชาวไทยมุสลิมนครศรี– ธรรมราชอย่างล้นพ้น ตนและนายซอแหละ บุญมาเลิศ อิหม่ามมัสยิดซอลาฮุดดีน พร้อมคณะกรรมการมัสยิดจะร่วมทำพิธีละหมาดขออุอาฮฺให้พระองค์ท่านในวันที่ 17 ต.ค. และร่วมทำบุญ 3 วัน 7 วันเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านด้วย
คนจน-ผู้พิการได้มีบ้านอยู่
ที่หมู่บ้านใต้ร่มพระบารมี ร.9 ในเขตเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เป็นหมู่บ้านที่เทศบาลเมืองกระทุ่มแบนสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพล อดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา เจ้าหน้าที่ได้จัดสร้างบ้าน 6 หลังมอบให้กับครอบครัวผู้พิการและยากจน นางประกอบ เกตุแก้ว อายุ 58 ปี หนึ่งในชาวบ้านเผยว่า ครอบครัวฐานะยากจนไม่มีที่อยู่อาศัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทางเทศบาลเมืองกระทุ่มแบนคัดเลือกให้ตนมีบ้านอยู่อาศัย ประกอบอาชีพสุจริตสร้างรายได้มาจนทุกวันนี้ หลังสิ้นในหลวงชาวบ้านทุกคนต่างเสียใจ ขอปฏิญาณตนว่าจะประพฤติตัวเป็นคนดีต่อสังคม
มงคลชีวิตได้ทำอาหารถวาย
นางผ่องศรี มีมั่งคั่ง อายุ 83 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/6 ถนนเทศบาล 1 ต.บางแก้ว อ.เมืองอ่างทอง อดีต ผช.ผอ.วิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง เผยว่า อดีตที่ผ่านมาสมัยยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเทคนิคกรุงเทพ เคยมีโอกาสเข้าไปร่วมกับครูในโรงเรียนทำอาหารถวายในหลวงถึงภายในพระราชวัง ถือว่าเป็นมงคลที่สุดในชีวิต หลังเกษียณอายุราชการแล้วจะทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลทุกวัน ตอนทราบข่าวพระองค์ท่านสวรรคตเสียใจมากจนทำอะไรไม่ถูก จะทำบุญถวายท่านตลอดไป ขณะที่นายขัน พุ่มสวย อายุ 83 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 ต.สามโก้ อ.สามโก้ จ.อ่างทอง สะสมพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมานานกว่า 10 ปี มีทั้งปฏิทิน หนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่างๆ ใส่กรอบประดิษฐานไว้ในบ้านกว่า 200 ภาพ บางภาพหาดูได้ยาก เผยว่า เคยเป็นทหารเกณฑ์ มีความเคารพเทิดทูนพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเป็นล้นพ้น ที่พระองค์ท่านยอมเสียสละความสุขส่วนพระองค์และมีพระปรีชาสามารถในการปกครองประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าในทุกๆด้าน หลังทราบว่าเสด็จสวรรคตรู้สึกเสียใจมากและจะเก็บพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ท่านไว้บูชาจนชั่วชีวิต
ยกเลิก-เลื่อนงานเทศกาล
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวและงานเทศกาลประเพณีที่แจ้งปิด ยกเลิก และเลื่อนกำหนดการออกไป อาทิ พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว ปิดให้เข้าเยี่ยมชมตั้งแต่วันที่ 14-20 ต.ค.59 ประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดนครพนม วันที่ 9-17 ต.ค.59 ยกเลิกงานเทศกาลออกพรรษา จ.มุกดาหาร วันที่ 14-16 ต.ค.59 ณ ตลาดอินโดจีน เลื่อนการจัดงานออกไปไม่มีกำหนด งาน Bangkok Street Show 2016 วันที่ 10-12 ธ.ค.59 ณ สวนลุมพินี เลื่อนการจัดงานออกไปไม่มีกำหนด ประเพณีวิ่งควาย ครั้งที่ 145 วันที่ 9-15 ต.ค.59 ณ เทศบาลเมืองชลบุรี ยกเลิกงานเทศกาลส้มสีทอง ของดีทุ่งช้าง แอ่วงานเกี๋ยงเป็ง วันที่ 9-15 พ.ย.59 ณ ที่ว่าการอำเภอทุ่งช้าง จ.น่าน ยกเลิกงานประเพณีรับบัว สมุทรปราการ
วันที่ 12-15 ต.ค.59 ณ ที่ว่าการอำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ จัดตามปกติ แต่งดการแสดงรื่นเริง งานประเพณีปอยเหลินสิบเอ็ด วันที่ 14-16 ต.ค.59 จัดงานตามปกติ ยกเว้นแค่การจองพารา
“บั้งไฟพญานาค” ยังดูได้
งานประเพณีออกพรรษาอุบลราชธานี ไหลเรือไฟ ลอยกระทง และการแข่งขันเรือยาว วันที่ 16-17 และ 22-23 ต.ค.59 ยกเลิกงาน เหลือแต่งานตักบาตรเทโวโรหณะในวันที่ 17 ต.ค.59 เวลา 06.00 น.ยังจัดตามปกติ งานมหกรรมหนังสือ ณ ศูนย์สิริกิติ์ จัดแสดงต่อถึงวันที่ 24 ต.ค.59 สถานบันเทิงซอยคาวบอย ปิดทั้งหมด งานประเพณียี่เป็ง จ.เชียงใหม่ วันที่ 13-15 พ.ย.59 ยกเลิกงาน หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ปิดตั้งแต่วันที่ 14-16 ต.ค.59 งานประเพณีไหลเรือไฟ บั้งไฟพญานาคโลก และประเพณีออกพรรษา หนองคาย วันที่ 15-24 ต.ค.59 ยกเลิกกิจกรรมรื่นเริง แต่คงเหลือการไหลเรือไฟแบบดั้งเดิม การบวงสรวงบูชาเจ้าแม่สองนาง บูชาพญานาคที่ปากน้ำสวย และดูบั้งไฟพญานาคได้บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.โพนพิสัย กับ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย และที่ จ.บึงกาฬ ในวันที่ 16 ต.ค.59 ส่วนพิธีตักบาตรเทโว ณ วัดสังกัสรัตนคีรี จ.อุทัยธานี วันที่ 17 ต.ค.59 ยกเลิกในส่วนของการแสดงต่างๆ เหลือแค่การตักบาตร และงานเทศกาลเที่ยวพิมาย นครราชสีมา เลื่อนการจัดงานออกไปไม่มีกำหนด เป็นต้น
ม.ศิลปากรวาด 9 ภาพอัครศิลปิน
บริเวณหน้าคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร (ท่าพระจันทร์) กลุ่มนักศึกษากว่า 50 คน รวมตัวกันวาดภาพพระบรมสาทิศลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมถวายความอาลัย 10 ภาพ เพื่อนำไปติดด้านหน้ามหาวิทยาลัย นายธานี บุญรอดเจริญ อายุ 22 ปี ประธาน นศ.ปี 2 รุ่น 72 คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ เผยว่า หลังการเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ได้ประชุมคณะนักศึกษาทั้งรุ่นปัจจุบันและที่จบไปแล้วกว่า 100 คนว่าจะวาดภาพของพระองค์ รวมตัวกันด้วยความสมัครใจและแบ่งการทำงาน ใช้สีน้ำพลาสติกที่ทนทานต่อแสงและน้ำ เน้นสีโทนขาวดำลงบนแผ่นไม้อัด สูงประมาณ 2 เมตร กว้างกว่า 4 เมตร ทั้ง 9 ภาพ มีแนวคิด “อัครศิลปิน” เพราะพระอัจฉริยภาพด้านกีฬา ดนตรี ภาพแรกขณะทรงปั่นจักรยานครั้งพระเยาว์ ภาพทรงโมเดลเรือภาพทรงถ่ายภาพ ภาพทรงแต่งเพลง ภาพทรงเปียโน ภาพทรงฝีพระหัตถ์ ภาพทรงเป่าแซกโซโฟน ภาพทรงเรือใบ และภาพทรงต่อเรือใบมด นอกจากนี้ยังมีอีก 1 ภาพที่ นศ.ปี 1 จัดทำเป็นภาพทรงแย้มพระสรวล มีกรอบสีทอง ตนและคนในคณะทุกคนต่างปลาบปลื้มที่ได้ทำ ภาพทั้งหมดจะนำออกไปติดที่นอกกำแพงรั้วมหาวิทยาลัย ด้านถนนหน้าพระลาน ในช่วงเย็นวันที่ 16 ต.ค.
ภาพสีน้ำมันฝาผนัง ม.ขอนแก่น
เช่นเดียวกับคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น มีนักศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก พร้อมใจกันวาดภาพพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศในพระอิริยาบถต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครั้งทรงพระเยาว์ ทรงพระผนวช รวมถึงทรงประกอบพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆทั่วทั้งประเทศ บนฝาผนังอาคารเรียนของคณะทั้ง 4 ชั้นด้วยสีน้ำมันขาว-ดำ เพื่อถวายความอาลัยและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มข.กล่าวว่า พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่างเศร้าโศกและร่ำไห้ถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ คณาจารย์ ผู้บริหาร และนักศึกษา ของคณะศิลปกรรมศาสตร์ทุกชั้นปี จึงร่วมแสดงออกเพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เริ่มวาดมาตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. ถึงขณะนี้แล้วเสร็จบริเวณเวทีกลางของคณะ ที่เหลือคาดเสร็จภายใน 30 วัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์บริเวณหน้าคณะในช่วงเย็นทุกวันศุกร์อีกด้วย
ชาวบ้านแห่ซื้อเสื้อผ้าสีดำ
ส่วนบรรยากาศขายเสื้อผ้าชุดสีดำที่ตลาดวังหลัง กรุงเทพฯ ยังมีประชาชนมาเลือกซื้อจำนวนมาก น.ส.บัวทอง อร่ามศรี อายุ 46 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้ากล่าวว่า ขายเสื้อที่ตลาดนี้มากว่า 10 ปี ส่วนใหญ่เป็นเสื้อชุดทำงานมีทั้งแบบหญิงและชายสีดำ ไม่ได้เอาเปรียบผู้ซื้อหรือมีกำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 150-300 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและเนื้อผ้า บางชุดขายแทบไม่มีกำไร เพราะต้องการให้ประชาชนรำลึกถึงในหลวง เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนชีวิตสูญเสียคนสำคัญที่สุดไป เช่นเดียวกับ น.ส.นาง สวนทิราด อายุ 20 ปี แม่ค้าเสื้อผ้าอีกรายกล่าวว่า ขายเสื้อสีดำเท่านั้น ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 150-250 บาท ตามแบบและขนาดเสื้อ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 จนถึงเช้านี้ ขายไปกว่า 100 ตัวแล้ว มีรายงานด้วยว่าบางร้านนำภาพสัญลักษณ์กรีนลงบนเสื้อทั้งที่ทางการสั่งห้ามแล้ว
โบ๊เบ๊คนแน่นเสื้อโปโลขายดี
เช่นเดียวกับที่ โบ๊เบ๊ทาวเวอร์ ถนนดำรงรักษ์ แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. มีประชาชนมาเลือกซื้อเสื้อดำกันอย่างคับคั่ง ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าจะนำเสื้อสีดำแบบโปโล แขวนโชว์ที่หน้าร้าน ราคาส่ง 5 ตัว ราคาตัวละ 160-180 บาท หากซื้อแยกส่วนใหญ่ตัวละ 230-270 บาท เป็นที่นิยมของลูกค้า ส่วนเสื้อยืดคอกลมและคอวีราคาส่ง 5 ตัว ราคาตัวละ 50-70 บาท หากซื้อแยกตัวละ 100-120 บาท ทั้งนี้ลายสกรีนที่นิยมที่สุดคือ “ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป” “เกิดในรัชกาลที่ 9” และหมายเลข 9 นางสมเอี่ยม สุกิจ อายุ 51 ปี อาชีพขายเสื้อผ้าเผยว่า ขายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่นที่โบ๊เบ๊มา 3 ปี หากมีกระแสเสื้อผ้าตามเทศกาลจะเอามาขาย หากขายไม่หมดต้องเก็บไว้รอเทศกาลต่อไป อย่างครั้งนี้ จะคัดเสื้อสีดำกับสีขาวมาวางขาย มีทั้งเสื้อโปโลเสื้อยืด เสื้อแขนยาว แขนสั้น กระแสตอบรับออกมาดีแต่ก็คงไม่นาน คาดว่าไม่เกิน 1 อาทิตย์ ต้องหันไปขายเสื้อแฟชั่นเหมือนเดิม
แห่ซื้อ นสพ.ฉบับประวัติศาสตร์
ส่วนบรรยากาศประชาชนแห่ซื้อหนังสือพิมพ์รายวันเพื่ออ่านข่าวและเก็บหนังสือพิมพ์ฉบับประวัติศาสตร์ไว้เป็นที่ระลึก นายประสาน ตั้งประสิทธิ์ เอเย่นต์จำหน่ายหนังสือพิมพ์ประจำ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เผยว่า ยอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงหน้าแผงที่ขายตลาดสดเช้า จากเดิมขายได้วันละ 100 กว่าฉบับ ตั้งแต่เช้าวันที่ 14 ต.ค.เป็นต้นมา ขายเฉพาะหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้วันละ 400 กว่าฉบับ ยังไม่รวมฉบับอื่น และหน้าแผงอื่นๆ ที่ทางร้านตั้งขายกระจายทั่ว อ.นางรอง และ อำเภอใกล้เคียง สอบถามผู้ซื้อบอกว่า ญาติพี่น้อง ลูกหลาน ที่อยู่ต่างประเทศ และที่อยู่ในกรุงเทพฯฝากซื้อให้ทางร้านจัดให้ชุดละ 5-6 สำนักพิมพ์ รายละ 10 ชุด เพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานอ่านต่อไป นายปรีดา ตั้งตระการพงษ์ อายุ 36 ปี เผยว่า ตั้งใจซื้อหนังสือพิมพ์ไว้อ่านและเก็บภาพประวัติศาสตร์ไว้เป็นที่ระลึก มีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อประชาชน เห็นพระองค์ทรงงานตั้งแต่จำความได้ คิดว่าหนังสือพิมพ์จะเป็นสื่อให้ประชาชน ลูกหลาน ได้รับทราบในคุณความดีที่ท่านทำให้กับประชาชน