จ่อฟันอีก 111 แห่ง ไม่สนนายทุนโวย

พ่อเมืองเพชรบูรณ์ระดมกำลัง 650 นาย เปิดปฏิบัติการรื้อ 17 รีสอร์ตภูทับเบิกตามคำพิพากษาศาล หลังเกินกำหนดขีดเส้นตาย ไม่ยอมรื้อถอนออกนอกพื้นที่ ประเดิมรื้อรีสอร์ต “โรงเตี๊ยม” ผู้ประกอบการโวยงัดเอกสารโต้ อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม ทรัพย์สินมากรื้อไม่ทันตามกำหนดเวลา จ่อฟ้องเจ้าหน้าที่ทำเสียหาย อธิบดีกรมป่าไม้ เล็งดำเนินคดีอีก 111 แห่ง ยันไม่เลือกปฏิบัติ พม.เผยจัดทำแผนแม่บทบริหารภูทับเบิกเสร็จแล้ว

พ่อเมืองเพชรบูรณ์เปิดปฏิบัติการรื้อถอน 17 รีสอร์ต เปิดเผยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 19 ส.ค. ที่ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนภูทับเบิก หน้าที่ว่าการอำเภอหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผวจ.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ นายพุฒิ–พัฒน์ เลิศชวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ พล.ต.ต.สัณห์ โพธิรักษา ผบก.ภ.จ.เพชรบูรณ์ ร่วมทำพิธีปล่อยกำลัง ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และอาสาสมัครรวม 650 นาย เพื่อปฏิบัติการรื้อถอนรีสอร์ตบนภูทับเบิก 19 แห่ง ตามคำสั่ง คสช.ที่ 35/2559 และเป็นการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาล

นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผวจ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ติดประกาศให้เจ้าของรีสอร์ต 19 แห่ง รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน 30 วัน แต่มีเพียง 2 รีสอร์ต ที่ยอมรื้อถอน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศแจ้งเตือนครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา กำหนดเส้นตายให้รีสอร์ตที่เหลือรื้อถอน และขนย้ายทรัพย์สินออกก่อนวันที่ 19 ส.ค.นี้ แต่รีสอร์ต 17 แห่ง ยังไม่รื้อถอน เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปดำเนินการรื้อถอน พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการด้วยความสุภาพและรอบคอบ

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เดินทางไปเป้าหมายแรกคือรีสอร์ตและภัตตาคารชื่อ “โรงเตี๊ยม” หมู่ 14 บ้านทับเบิก ต.วังบาล พบคนงานของรีสอร์ตอยู่ระหว่างรื้อถอน นายประจักษ์ มิยา หัวหน้าหน่วยปฏิบัติพิเศษที่ 38 นำคำสั่งรื้อถอนแจ้งต่อนาย
กุญช์ภัสส์ พัฒนฉัตรรุ่งรุจ เจ้าของรีสอร์ต พยายามนำเอกสารมาโต้แย้งอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากให้เวลาน้อย ทรัพย์สินมีจำนวนมาก สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ไม่สามารถรื้อถอนได้ในระยะเวลาที่กำหนด และจะฟ้องร้องหากเจ้าหน้าที่ทำทรัพย์สินเสียหาย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เข้าตัดกระแสไฟฟ้ารีสอร์ตทุกแห่ง รวมถึงสำรวจทรัพย์สิน บันทึกภาพถ่าย และจัดทำบัญชี จากนั้นเริ่มเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไปไว้ที่ค่ายพ่อขุนบางกลางหาว กองพันทหารม้าที่ 28 อ.หล่มสัก และเริ่มรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โดยมี นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผวจ.เพชรบูรณ์ พร้อมคณะร่วมเดินทางมาอำนวยการปฏิบัติการ ขณะเดียวกัน เจ้าของรีสอร์ตอีกหลายแห่ง นำหลักฐานเข้าโต้แย้งอ้างว่าถูกเลือกปฏิบัติ นายบัณฑิตย์ชี้แจงว่า ทุกอย่างทำไปตามระเบียบและข้อกฎหมาย ส่วนกรณีรีสอร์ตเอนกาย หมู่ 8 ปรับเปลี่ยนเป็น หมู่ 6 ไม่อยู่ในคำสั่งรื้อถอน จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเขตแดน โดยยึดระเบียบราชการเป็นหลัก

ด้านนายชลทิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า การดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ต มีคณะกรรมการบันทึกและตรวจรับทรัพย์สินก่อนรื้อถอน สำหรับการรื้อถอนรีสอร์ตทั้ง 19 แห่ง ได้แก่ 1.โรงเตี๊ยม 2.สานฝัน 3.คานาอัน-ร้านค้า 4.คานาอัน-บ้านพัก 5.ทับเบิกภูฏาน 6.ไร่ตายาย 7.บ้านสายหมอก 8.ภูทองคำ 9.อิงฟ้าภูทับเบิก 10.ทับเบิกวิลเลจ 11.เคียงดาว 12.มอนเตรีโอ 13.บ้านชมวิว 14.ประชารีสอร์ต 15.ทับเบิกอินดี้ (รื้อ 1 หลัง) 16.ทับเบิกอีโคแคมป์ 17.ลุงท้ายโฮมสเตย์ (2 หลังรื้อเองแล้ว) 18.สกายวิว (รื้อเองแล้ว) และ 19.รีสอร์ตไม่มีชื่อ (รื้อเองแล้ว) จะทยอยดำเนินการให้แล้วเสร็จจนครบ ทั้งนี้ กรมป่าไม้ยังมีรีสอร์ตในพื้นที่ภูทับเบิกที่ต้องดำเนินคดีทางกฎหมายอีก 111 แห่ง โดยจะคัดกรองและดำเนินคดีให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ย. ยืนยันว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติแน่นอน

ขณะที่นายพุฒิพัฒน์ เลิศชวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า พม.จัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการพื้นที่ภูทับเบิกเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนี้จะนำแผนดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) พิจารณาก่อนเสนอ ครม.ต่อไป เพื่อนำแผนมาสู่การปฏิบัติ ยืนยันว่าพื้นที่ที่มีการบุกรุกสร้างรีสอร์ตในปัจจุบัน จะไม่อนุญาตให้มีการก่อสร้างใหม่ และรีสอร์ตที่เหลือจะต้องถูกเคลียร์ออกให้หมด เพราะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในโซนเกษตรกรรมใช้ในการเพาะปลูกเท่านั้น นอกจากนี้ ในแผนแม่บทจะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนเกษตรกรรม ที่อยู่อาศัย พื้นที่ปลูกป่า และพื้นที่ผ่อนปรน ในพื้นที่ผ่อนปรนนี้จะมีการพิจารณาว่าจะดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวในลักษณะเป็นจุดกางเต็นท์ หรือโฮมสเตย์ได้หรือไม่