ผบ.พล.ร.4 ฝืนบิน เพราะห่วงชาวบ้าน

ครอบครัวร่ำไห้ระงมรับศพ ผบ.พล.ร.4 พร้อม นักบินและช่างเครื่องพลีชีพ 5 นาย จากอุบัติ-เหตุ ฮ.ตกกลางป่าในหุบเขาดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ลำเลียงร่างไร้วิญญาณของเหล่าทหารกล้าออก มาจากจุดเกิดเหตุทุลักทุเล ใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมง ผบ.ทบ.เป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ รับปากกองทัพบกจะดูแลครอบครัวให้เป็นอย่างดี ชี้นักบินมีความสามารถและรู้เรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ แต่อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเรื่องสุดวิสัย ด้านนายอำเภอปาย เผยก่อนเกิดเหตุมีโอกาสร่วมงานกับ ผบ.พล.ร.4 ที่มาช่วยชาวบ้านถูกน้ำท่วม เห็นใบหน้าหมองคล้ำไม่กล้าทัก ผวจ.แม่ฮ่องสอน แจ้งเตือนสภาพอากาศปิด แต่เจ้าตัวยืนยัน “ทหารของพระราชาไม่กลัวตาย กลัวแต่ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่า”

จากอุบัติเหตุสลดคร่าชีวิตทหารกล้า 5 นายที่โดยสารมากับเฮลิคอปเตอร์ รุ่น UH-72 หรือลาโกต้า หลังเสร็จภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน มุ่งหน้ากลับค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.พิษณุโลก แล้วขาดการติดต่อไปในช่วงสายวันที่ 14 ส.ค. เจ้าหน้าที่ระดมกำลังออกปูพรมค้นหาอยู่นานกว่า 1 วัน จนกระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 15 ส.ค. พบซากเฮลิคอปเตอร์ตกอยู่กลางป่า บริเวณเนิน 2445 ห่างจากสถานีเรดาร์ดอยอินทนนท์ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1 กม. พื้นที่ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ สภาพแหลกเป็นจุณ ทหาร 5 นายที่นั่งมาในเครื่องเสียชีวิตทั้งหมดประกอบด้วย พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 ร.อ.สุทัน อ่องเมือง นักบินที่ 1 ร.ท.นวพัฒน์ มณีโชติ นักบินที่ 2 จ.ส.อ.ชัยศักดา ทาโส และ จ.ส.ต.มงคลชัย รู้งานช่างเครื่อง เบื้องต้นคาดสาเหตุเกิดจากสภาพอากาศปิด ทำให้ ฮ.เสียการทรงตัวและร่วงตกกระแทกพื้นอย่างแรง

ความคืบหน้าการลำเลียงศพทหารกล้าทั้ง 5 นายออกมาจากจุดเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบซากเฮลิคอปเตอร์ที่ตกอยู่กลางป่า พล.ต.โกศล ประทุมชาติ ผบ.มทบ.ที่ 33 พร้อมครอบครัวและญาติพี่น้องของทหารทั้ง 5 นายเดินทางไปบริเวณยอดดอยอินทนนท์ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เพื่อรอรับศพ พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 พร้อมนักบิน และช่างเครื่อง แต่เนื่องจากสภาพอากาศบนยอดดอยอินทนนท์มีฝนตกลมแรงและหมอกหนาทึบ ทำให้ทีมทหารที่เข้าไปกู้ศพทหารทั้ง 5 นายทำงานด้วยความยากลำบาก อีกทั้งสภาพภูมิประเทศเป็นเขาสูงชันและขึ้นลงตลอดเส้นทางร่วม 2 กม.ต้องใช้เวลาเดินเท้านานร่วม 8 ชั่วโมง

...

จนกระทั่งเวลา 02.00 น. วันที่ 16 ส.ค. เจ้าหน้าที่ลำเลียงศพทหารทั้ง 5 นายขึ้นมาถึงอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ได้สำเร็จ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัวผู้สูญเสียพากันร่ำไห้ระงมทันทีที่เห็นร่างไร้วิญญาณของบุคคลอันเป็นที่รัก โดยเฉพาะนางกรรณิกา เรือนจันทร์ ภรรยาของ พล.ต.นพพร ถึงกับเดินไปเอื้อมมือแตะห่อศพผู้เป็นสามีด้วยความอาลัย ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกสลด จากนั้นนิมนต์พระสงฆ์ทำพิธีเชิญศพขึ้นรถเคลื่อนขบวนลงจากดอยอินทนนท์ไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลภายในมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ อ.เมืองเชียงใหม่

พล.ต.โกศล ประทุมชาติ ผบ.มทบ.ที่ 33 เผยว่า หลังจากนำศพ พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 พร้อมทหารอีก 4 นายมาที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ เพื่อจัดแต่งร่างผู้เสียชีวิตให้สมเกียรติ จากนั้นเคลื่อนย้ายทั้งหมดไปทำพิธีรดน้ำศพที่วัดลัฏฐิวัน หรือวัดพระนอนขอนตาล อ.แม่ริม ที่ พล.ต.นพพร ให้ความศรัทธาและทำบุญที่วัดแห่งนี้มาตลอด หลังเสร็จพิธีรดน้ำศพ ตอนแรกจะนำร่าง พล.ต.นพพร ไปยังกองทัพภาคที่ 3 จ.พิษณุโลก ที่ พล.ต.นพพร มีความรักและผูกพัน แต่ทางญาติมีความประสงค์ให้นำศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดพระนอนขอนตาลต่อไป สำหรับการกู้ซากเฮลิคอปเตอร์จะให้ฝ่ายทหารดำเนินการพร้อมตรวจสอบหาสาเหตุการขัดข้องของเครื่องยนต์จนทำให้ร่วงตกลงในป่าเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียนายทหารไปถึง 5 ชีวิตในครั้งนี้

พล.ต.ธนา จารุวัต รองแม่ทัพภาคที่ 3 เผยว่า หลังเสร็จพิธีรดน้ำศพทหารทั้ง 5 นายจะตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดพระนอนขอนตาล 1 คืน จากนั้นจะเคลื่อนย้ายศพไปตามภูมิลำเนาของผู้เสียชีวิต โดย ร.อ.สุทัน ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดคูหาสวรรค์ อ.เมืองพิษณุโลก ร.ท.นวพัฒน์ ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดดอนตูม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จ.ส.อ.ชัยศักดา ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดมะขามเตี้ย ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก และ จ.ส.ต.มงคลชัย ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดวังทองวราราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ส่วนศพ พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ บำเพ็ญกุศลที่วัดพระนอนขอนตาลตามเดิม

สำหรับพิธีเชิญร่างทหารกล้าทั้ง 5 นาย เมื่อเวลา 11.00 น. บริเวณหน้ากองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ อ.เมืองเชียงใหม่ พล.ต.โกศล ประทุมชาติ ผบ.มทบ.33 เป็นประธานในพิธี เริ่มจากขบวนรถจีเอ็มซี 5 คัน ลำเลียงโลงศพทหารทั้ง 5 นายจากโรงพยาบาลค่ายกาวิละ มายังลานพิธี มีขบวนกองเกียรติยศให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ พระสงฆ์ 5 รูปรับผ้าไตรบังสุกุล กำลังพล 55 นายเข้าเชิญโลงศพลงประกอบที่แท่นพิธี รับความเคารพจากหัวหน้าส่วนราชการชั้นนายพลทั้งทหารและตำรวจ จากนั้นเวลา 12.00 น. ขบวนศพทหารทั้ง 5 นายเดินทางไปถึงวัดลัฏฐิวัน หรือวัดพระนอนขอนตาล อ.แม่ริม มีทหารกองเกียรติยศ พร้อมข้าราชการและประชาชน รอรับขบวนศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เมื่อมาถึงวัดได้จัดพิธีทางศาสนา พล.ต.อุทัย ชัยชนะ ผบ.พล.ร.7 ประธานในพิธีเป็นผู้นำวางผ้าบังสุกุล จากนั้นนำศพไปตั้งไว้ที่ศาลาของวัดเพื่อรอประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ

ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เมื่อเวลา 14.30 น. พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเป็นประธานพิธีพระ ราชทานน้ำหลวงอาบศพนายทหารทั้ง 5 นาย ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของกองทัพบกทั้งบุคลากรระดับผู้บัญชาการกองพล นักบิน และช่างเครื่อง กองทัพบกจะดูแลครอบครัวของกำลังพลผู้เสียชีวิตทั้ง 5 นายเป็นอย่างดี เพราะถือว่าทุกคนเป็นครอบครัวของกองทัพบก ทั้งเรื่องการดูแลบุตรธิดา หากต้องการเข้ารับราชการรวมถึงสวัสดิการต่างๆ ทางนี้ยืนยันว่ากำลังพลทุกนายยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องทบทวน เพราะเรื่องการใช้อากาศยานมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว

ผบ.ทบ.กล่าวต่อไปว่า การเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเหตุสุดวิสัยจากเรื่องสภาพอากาศที่อยู่ในช่วงมรสุม พล.ต.นพพร และคณะมีความตั้งใจที่จะดูแลประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม จ.แม่ฮ่องสอน ทุกคนทราบดีเรื่องสภาพอากาศ แต่เฮลิคอปเตอร์เป็นเครื่องใหม่ที่มีขนาดเล็กเมื่อเจอสภาพอากาศที่แปรปรวนก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ อย่างไรก็ตามนักบินของเรามีความเข้มแข็งและพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนทุกพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน นักบินจะทราบดีว่าสภาพอากาศแบบไหนจะทำการบินได้หรือไม่ได้ ยืนยันว่านักบินมีความสามารถแต่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย

...

ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. เดินทางไปที่ศาลาวัดลัฏฐิวัน หรือวัดพระนอนขอนตาล อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพทหารทั้ง 5 นายที่เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่ดอยอินทนนท์ มี พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 นำคณะนายทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พร้อมทั้งญาติผู้เสียชีวิตร่วมพิธี พร้อมมอบหรีดเคารพศพนายทหารทั้ง 5 บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความโศกสลด มีผู้มาร่วมพิธีกว่า 500 คน และมีพวงหรีดจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมแสดงความไว้อาลัยจำนวนมาก

ด้านนายกฤต ฉันทะจำรัสศิลป์ นายอำเภอปาย เผยความในใจกับการจากไปของ พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 ว่า เคยได้ร่วมประชุมและสนทนากับ พล.ต.นพพร หลายครั้ง ท่าทางท่านดูเข้มแข็ง มีลักษณะเป็นผู้นำอย่างชายชาติทหารพูดจาเด็ดเดี่ยวเอาจริงเอาจังกับการทำงาน เป็นสุภาพบุรุษ สมาร์ท ใบหน้าผ่องใส แต่เมื่อวันที่ 13 ส.ค. พล.ต.นพพร มาตรวจตราให้ความช่วยเหลือชาวอำเภอปายที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ขณะที่ตนกำลังให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยอยู่อีกแห่ง พล.ต.นพพร โทรศัพท์มาตามให้ไปพบ พอเห็นหน้าท่านเหมือนตรากตรำทำงานหนักพักผ่อนไม่เพียงพอ หน้าตาสีเข้มคล้ำ แลดูไม่สดชื่น ดวงตาคล้ำคล้ายกับขาดน้ำตาหล่อเลี้ยง ริมฝีปากแห้งมาก ตนเกือบจะทักแล้วว่าท่านไม่สดชื่น แต่เนื่องจาก พล.ต.นพพรเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เลยไม่กล้านำเรียนโดยตรงเกรงจะเป็นการไม่เหมาะสม

นอภ.ปาย เผยต่อไปว่า ระหว่างนั้น นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน โทรศัพท์เข้าเครื่องตน พูดเปรยว่าช่วงนี้อากาศปิด พล.ต.นพพร ไม่ต้องไปอำเภอปางมะผ้าก็ได้ ตนจึงนำโทรศัพท์ไปให้ พล.ต.นพพร พร้อมบอกว่า “ท่านผู้ว่าฯขอเรียนสายกับท่านเพราะเป็นห่วงเนื่องจากอากาศปิด” จากนั้น พล.ต.นพพร พูดสายกับท่านผู้ว่าฯ ยืนยันจะไปอำเภอปางมะผ้า และนัดพบกับท่านผู้ว่าฯที่กำลังปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอยู่ที่อำเภอปางมะผ้า เมื่อ พล.ต.นพพรคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วยื่นคืนมาให้ตน พร้อมพูดขึ้นว่า “ทหารของพระราชาไม่กลัวตาย กลัวแต่ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่า”

...

นายสวัสดิ์ นฤวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้ประสานผ่านกรมสวัสดิการทหารบก เพื่อดำเนินการจ่ายสินไหมทดแทนเร่งด่วนให้แก่ครอบครัวทหารทั้ง 5 นายที่เสียชีวิต ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยหมู่แบบ “ภัยสงคราม” รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5.52 ล้านบาท ทั้งนี้ไทยประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกและแห่งเดียวที่รับประกันชีวิตทหารมาตลอด 30 ปี ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมที่อยู่ในกระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัทสะท้อนถึงการเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างและดูแลกันตลอดไป