DSI ลงพื้นที่พิษณุโลกขยายผลติดตามคดีบริษัทอีซี่แคช จำกัด ที่เข้าข่าย ผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงิน ฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 โดยหลอกเหยื่อในเขตภาคเหนือตอนล่างลงหุ้น สูญเงินไปกว่า 200 ล้านบาท...
เมื่อวันที่ 2 ส.ค. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในฐานะที่กำกับดูแลสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ได้มอบหมายให้ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการส่วนคดีอาญาพิเศษ 2 และเจ้าหน้าที่สำนักอาญาพิเศษ 1 ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก และภาคเหนือตอนล่าง เพื่อเร่งรัดการสอบสวนในคดีพิเศษที่ 61/2557 กรณีที่บริษัทอีซี่แคช จำกัด ที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 โดยมีผู้เสียหายกว่า 200 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะเป็นข้าราชการระดับซี 6 - 8 ขึ้นไป
โดยการลงพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างครั้งนี้ กรมสอบสวนพิเศษได้เปิดจุดให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายถูกหลอกลวงให้ลงทุนตามคดีพิเศษข้างต้น ได้มาร้องทุกข์ และให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก อาคาร 1 ชั้น 2 ห้องสุพรรณกัลยา ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้เสียหายมาให้ปากคำร้องทุกข์แล้วกว่า 10 ราย
นายปิยะศิริ เผยว่า เมื่อประมาณกลางปี 2555 ได้มีกลุ่มบุคคลนำโดยชาวต่างประเทศ และหัวหน้าทีมชาวไทย กล่าวอ้างว่าบริษัทอีซี่แคช จำกัด หรือ บริษัทอีซี่แคช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย มีพฤติการณ์ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปนำเงินมาลงทุนเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและตลาดหุ้นน้ำมัน (Forex oil) ตามแพ็กเกจการลงทุน และบริษัทฯ จะแบ่งผลกำไรให้กับผู้ลงทุน โดยเสนอผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินจะจ่ายได้ (ประมาณร้อยละ 630-1,095 ต่อปี หรือ ร้อยละ 2 - 3 ต่อวัน) โดยการโอนเหรียญอีแคช เข้ามาในระบบทุกวัน เป็นเวลา 90 วันทำการ นับจากวันที่ลงทุน จากนั้นผู้ลงทุนสามารถสั่งถอนเหรียญอีแคชจากระบบและจะมีกลุ่มคนโอนเงินเข้ามาในบัญชีของผู้ลงทุนตามจำนวนที่สั่งถอน แต่มาประมาณต้นปี พ.ศ.2556 บริษัทฯ ไม่จ่ายผลตอบแทนตามที่ตกลงไว้ จึงทำให้ผู้ลงทุนได้รับความเสีย จึงได้มีการแจ้งความและทางกรมสอบสวนพิเศษ ได้เข้ามาดำเนินการ
...
เบื้องต้นขณะนี้ได้มีการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เสียหายมาให้ปากคำร้องทุกข์แล้วกว่า 100 รายแล้ว โดยจังหวัดพิษณุโลก ที่ตกเป็นเหยื่อกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการมากกว่าพ่อค้าประชาชน เสียเงินตั้งแต่ 1 หมื่นบาทไปจนถึงหลักล้านบาท จะอยู่ในพื้นที่ อ.นครไทย เป็นส่วนใหญ่ และคาดว่าภายใน 3 เดือนจะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องร้องได้ต่อไป โดยผู้เสียหาย สามารถมาร้องทุกข์กับ DSI ในพื้นที่พิษณุโลกอีก 1 วันคือ วันที่ 3 ส.ค. ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก หรือสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-1996-4851 เพราะทีมงานอาจเลื่อนวันออกไปอีกจนถึงวันที่ 4 ส.ค.ก็เป็นได้ หากมีผู้เสียหายติดต่อมาเพิ่มเติมอีก.