เป็นอีก 1 เรื่องราวที่ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ อยากจะนำเสนอสู่ประชาชน ถึงเรื่องราวของ บุตรและบุพการี เนื่องจาก เมื่อเร็วๆ นี้ มีหลายคดีที่เกิดขึ้น ทำให้หลายคนฉงนว่า "มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!?" ซึ่งคดีต่างๆ เหล่านี้ "อาสาม ไทม์แมชชีน" ได้รวบรวมไว้หลายเรื่อง หากได้อ่านแล้วคงเป็นอุทาหรณ์ได้ ไม่มากก็น้อย...!?
ไม่ให้บวช หนุ่ม 21 ประชดบุพการี พกขวาน สับเคาน์เตอร์ตู้ทอง
คดีแรกที่หยิบยกมา เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 ช่วงเดือนเมษายน ในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ พ.ต.ต.โกวิท กิ่งนอก สารวัตรเวรสอบสวน สน.เพชรเกษม ได้รับแจ้งเหตุชิงทอง ที่ร้านทองแห่งหนึ่งย่าน ถนนเพชรเกษม แขวงและเขตบางแค จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ
เมื่อไปถึงก็พบ "ไทยมุง" กำลังยืนมุงดูที่ร้านทองที่เกิดเหตุ โดยมีชายอายุ 21 ปี มีอาการคล้ายเมาสุรา หน้าแดงก่ำ นั่งอยู่หน้าร้าน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวน

เจ้าของร้านและพนักงานร้านทองเล่านาทีระทึกให้ฟังว่า "ขณะที่กำลังขายทองอยู่นั้น จู่ๆ คนร้ายก็บุกเข้ามาในร้านแล้วคว้าขวานที่เหน็บอยู่ด้านหลังออกมาทุบ เปรี้ยง! ที่เคาน์เตอร์ตู้โชว์ทอง ด้วยความตกใจจึงวิ่งไปหลบอยู่หลังร้าน โดยมองไปที่ภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นว่า คนร้ายไม่ได้หยิบฉวยสิ่งใด จากนั้นได้วิ่งออกไปขึ้นรถแท็กซี่ จากนั้นก็ย้อนกลับมานั่งที่ม้านั่งหน้าร้าน จึงได้กดสัญญาณให้เจ้าหน้าที่มาจับกุมโดยละม่อม....?
...
ถึงตรงนี้ใครหลายคนก็คงจะงง ว่าเขาทำเพื่ออะไร...และคำตอบที่ได้ก็ชวนให้ มึนมากยิ่งขึ้น เพื่อเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้ก่อเหตุกลับยอมรับว่า "เนื่องจากรอดพ้นจากการเกณฑ์ทหารและต้องการจะบวชพระ พ่อแม่บอกว่าไม่มีเงินให้ "รอไปก่อน" แต่เมื่อมีคนใจบุญจะอาสาเป็นเจ้าภาพให้ ผู้เป็นบิดาก็กลับปฏิเสธบอกว่าถ้าอยากบวชก็ให้หาเงินมาเอง ทำให้รู้สึกโมโหจึงไปดื่มเบียร์ 2 ขวด จากนั้นหยิบขวานจะไปทุบตู้ ATM แต่กลัวตำรวจไม่จับ จึงหันไปทุบตู้ร้านทองดีกว่า...!?"
หลังเกิดเหตุ มารดาของผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมาโอบกอดลูกชาย และมีชาวบ้านบางส่วนตามปลอบประโลม ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำประวัติ ตั้ง 3 ข้อหา พยายามชิงทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ และพกอาวุธ อย่างไรก็ดี นายธนา เบญจาธิกุล เลขาธิการสภาทนายความ (ขณะนั้น) กล่าวว่า คนร้ายรายนี้ขาดเจตนาชิงทรัพย์เพราะไม่คิดฉกฉวยเคลื่อนย้ายทรัพย์ออกไปแต่แรก จึงอาจไม่ครบองค์ประกอบความผิดลักทรัพย์ แต่อาจทำผิดทำให้เสียทรัพย์ และพกพาอาวุธ อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจะให้ความเป็นธรรมต่อไป
การประชดพ่อแม่ด้วยวิธีแบบนี้ นอกจากจะทำให้พ่อแม่เดือดร้อนแล้ว ยังอาจจะยังไม่ได้บุญด้วยการบวชไปพักใหญ่เลย..
ถูกด่า "คนไม่เอาถ่าน" โมโหประชด ควงระเบิดปลอม ชิงเงิน "แบงก์" ได้เกือบแสน
อีกคดี ที่มีเหตุการณ์คล้ายกับคดีแรก ที่แตกต่างคือ ลงมือจริง แถมเป็นเหตุการณ์ใหญ่เสียด้วย เมื่อวันที่ 20 ส.ค.56 เกิดเหตุระทึกขวัญภายในห้างดัง อ.เมืองร้อยเอ็ด จู่ๆ ก็มีคนร้ายบุกเดี่ยวเข้าจี้ชิงเงินธนาคารกรุงไทย โดยเข้ามาถึงก็หยิบใบถอนเงินและเขียนข้อความว่า..."เอาเงินใส่ถุงให้หมด ผมพกระเบิดมาด้วย" และ "พร้อมกด" ด้วยความกลัวของพนักงานสาวจึงยอมกวาดเงินในเคาน์เตอร์ทั้งหมด 92,000 บาท ส่งให้คนร้าย ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายธนภัทร ทิพยทัศน์ อายุ 37 ปี ได้วิ่งข้ามถนนไปนั่งสามล้อเครื่องจากนั้นได้ไปขึ้นรถปิกอัพที่จอดติดเครื่องรออยู่หน้าโชว์รูมรถยนต์แห่งหนึ่งเผ่นหนี...

ต่อมาเจ้าของรถปิกอัพได้เข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าที่จอดรับส่งผู้ร้ายนั้นเพราะไม่ทราบว่ามาก่อเหตุ แต่เคยรับเงินรับจ้างจากนายธนภัทร มาแล้ว 2 ครั้ง จึงไม่คิดว่าจะมาใช้ลงมือทำเช่นนี้ เมื่อได้เบาะแสขนาดนี้มีหรือจะรอด เงื้อมมือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาแค่ 3 วันก็ตามรวบโจรเหิมรายนี้ไว้ได้ ขณะกำลังเดินเลือกซื้อรถจักรยานยนต์ ที่บริเวณ กม.8 ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว กทม.
"ก่อเหตุชิงทรัพย์เพราะต้องการ "ประชดพ่อแม่" ที่ชอบดุด่าว่า "ไม่เอาถ่าน" ผมเป็นลูกคนเดียว มีพ่อแม่ฐานะดีมีอาชีพทำราชการที่ จ.ชลบุรี เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต แต่ไม่จบ เนื่องจากมีพฤติกรรมเกเร ทำให้พ่อแม่ผิดหวังมาก จากนั้นก็เคยไปทำงานขับรถขนเงินได้ 3 ปี ก็มีปัญหาสุขภาพจึงได้ลาออก และได้ไปบวชได้ 1 พรรษา เมื่อสึกออกมาก็ได้มารู้จักแฟนสาว เป็นนักศึกษาแห่งหนึ่ง ใน จ.ร้อยเอ็ด แต่ไม่มีเงินทำ ส่งผลให้ไม่มีเงินใช้จ่าย เมื่อไปขอเงินพ่อแม่กลับถูกดุด่าว่า "ไม่เอาถ่าน" จึงประชดพ่อแม่ด้วยการใช้ร่มพับพันด้วยเทปสีดำ สอดใส่เสื้อแขนยาว ทำทีว่าเป็นระเบิดแล้วข่มขู่ชิงเงินธนาคาร เมื่อได้เงินก็ใช้เที่ยวเตร่จนเหลือเงิน 33,000 บาท กระทั่งถูกจับ"
...
คดีนี้มีโทษหนัก หวังว่าพ้นจากเรือนจำมาแล้ว จะกลับเนื้อกลับตัวลบคำสบประมาทพ่อแม่ สร้างเนื้อสร้างตัวให้ได้ต่อไป...

ฉายา "ลูกเทพ" ไล่ทุบรถ 9 คัน แม่ชีช้ำต้องตามจ่าย สุดท้ายศาลสั่งจำคุก 3 เดือน
เรื่องนี้คาดว่าใครๆ หลายคนน่าจะเคยติดตามอ่านกันมาบ้าง สำหรับหนุ่มศรีสะเกษ ฉายา "ลูกเทพ" ที่ไล่ก่อเหตุทุบ ทำลายรถเก๋งชาวบ้านหลายคัน กระทั่งมาเป็นข่าวอย่างครึกโครมที่ใครๆ ก็ต่างโจษขาน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 ซึ่งก็คือรายที่ 8 โดยเหตุการณ์นี้ ระบุว่า นายกิตติศักดิ์ วงศ์เลิศ อายุ 20 ปี ลูกชายของเจ้าหน้าที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.)ศรีสะเกษ ได้ใช้ก้อนอิฐทุบกระจกรถ ที่จอดบริเวณโรงจอดรถ สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 ซึ่งรวมที่ก่อเหตุก่อนหน้านี้ คือ ทุบรถเก๋ง 6 คัน และได้ก่อเหตุเผารถ 1 คัน ก่อเป็นคันที่ 8 ซึ่งครั้งนี้ภาพวงจรปิดสามารถจับภาพได้ โดยเป็นชายขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์สวมหมวกกันน็อกสีแดง และใช้ก้อนอิฐขว้างใส่กระจกรถและขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว
นางนุชนาถ สอนศรี พนักงานพัสดุชำนาญงาน เจ้าของรถเก๋งที่ถูกเผาเป็นคันแรกกล่าวว่า "ยังหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครั้งนั้นไม่ได้ไปแจ้งความ เพราะเห็นว่าแม่ของนายกิตติศักดิ์ ทำงานด้วยกัน และยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย จึงไม่เอาเรื่อง"
...

ส่วนสาเหตุที่ลงมือนั้น มีรายงานว่าลูกโทนรายนี้ ได้ขอเงินแม่ 8 แสนบาท เพื่อซื้อจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ แต่ไม่ได้ จึงประกาศว่าจะไล่ทุบทำลายรถครบ 10 คัน อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นแม่เคยได้ร้องขอต่อศาลเยาวชนและครอบครัวให้คุ้มครอง ไม่ให้ลูกชายเข้ามาทุบทำลายรถใน สพป.ศรีสะเกษ แต่ก็ไม่ได้ผล กระทั่งมาก่อเหตุซ้ำ กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่บุกรวบที่หอพักแห่งหนึ่ง ก่อนจะได้ประกันตัวออกมา
จากเดือนกุมภาพันธ์ เข้าสู่ปลายเดือนเมษายน นางวัทรา แท่นสละ นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการ สพป.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเหยื่อถูกทุบทำลายรถคันที่ 9 หลังได้เข้าแจ้งความว่าถูกหนุ่มวัย 20 รายเดิม ได้ทุบกระจกหลังรถ โตโยต้า อินโนวา สีดำ หมายเลขทะเบียน กข 7126 ศรีสะเกษ
เหยื่อถูกทุบรถรายที่ 9 กล่าวว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ปรึกษากับสามีแล้วว่าจะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ถึงแม้แม่ของผู้ก่อเหตุจะทำงานด้วยกัน และขอมาพบตนเพื่อเจรจาค่าเสียหาย แต่ตนไม่คุยด้วยและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
วันต่อมา เจ้าหน้าที่ก็จับกุมได้หลังจากหลบมาพักอยู่ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง นายกิตติศักดิ์ ให้การว่า สาเหตุที่ก่อเหตุเพราะได้ขอเงิน 5 แสน บาทเพื่อไปซื้อรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์แล้วไม่ได้ ส่วนที่เลือกที่ทำงานแม่ เพราะอยากให้แม่รู้สึกถึงสิ่งที่ลูกได้กระทำ ขณะที่กระทำก็มือไม้สั่น จิตใจเกิดอาการสับสนไม่อยากทำแต่ก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงลงมือทำ หลังเหตุการณ์นี้ได้พบกับแม่ และแม่ได้บอกตนว่าจะให้ไปอยู่ที่จังหวัดอื่น นอกจากนี้ ยังได้รับปากว่าจะไม่กระทำอีก
...

พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ถูกออกหมายจับข้อหาละเมิดคำสั่งศาล ที่สั่งห้ามเข้าพื้นที่ สพป.ศรีสะเกษ นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์
ต่อมา ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ได้อ่านคำพิพากษา ให้จำคุก นายกิตติศักดิ์ 6 เดือน แต่ให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือ 3 เดือน และเนื่องจากไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้กักขังแทน ส่วนค่าเสียหายที่ถูกทุบรถนั้น ญาติผู้เสียหายได้ชดใช้เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท โดยได้ส่งตัวให้เยาวชนและข้อครอบครัว ศรีสะเกษ เนื่องจากถูกออกหมายจับในข้อหาละเมิดคำสั่งศาล
นายธีระ รักษาประเสริฐกุล ผบ.เรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า หลังจากนำตัวนายกิตติศักดิ์ เข้ามาคุมขังในสถานกักขังจังหวัดศรีสะเกษ เบื้องต้น ได้ประสานจิตแพทย์มาประเมินสภาพจิตใจ เนื่องจากมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจที่แปลก เชื่อว่าหากได้เข้ามาอยู่ในระบบกักขังแล้ว อาจสำนึกผิดไม่กล้าก่อเหตุอีก ที่ผ่านมาได้รับอิสระมากเกินไปที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี จึงควรได้รับการอบรมสั่งสอนให้อยู่ในระเบียบวินัย ระหว่างถูกควบคุมตัว 3 เดือน จะทำให้มีสำนึกมากขึ้น
และนี่คือบทเรียนที่ หนุ่มเจ้าของฉายาลูกเทพคนนี้ได้รับ และหวังว่าเมื่อออกจากสถานกักกันแล้ว จะทำตัวดีขึ้นและเป็นคนใหม่ให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ หากวันหนึ่งไม่มีท่านแล้ว นายจะทำอย่างไร...

ลูกใจป๋า ฉกเงินแม่ 1.2 ล้าน เปให้วีเจสาว
เรื่องนี้คงไม่ต้องสาธยายเยอะ เพราะเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว เรื่องของเรื่องคือ หนุ่มวัย 28 ปี ใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจของแม่ ให้ไปกดเงินในบัญชี แต่กลับเอาไปเล่นแอพ แจกสาวๆ บนแอพไอโชว์ จนสูญเงินทั้งหมด สุดท้ายก็มีเป็นข่าว มีการแจ้งความกัน แต่ก็ลงเอยด้วยการ "กราบเท้า" ขอขมา แม่ ไม่มีแม่คนใดอยากจะเอาผิดลูกได้ สุดท้ายก็จบลงแบบช้ำๆ เงินที่สูญไปถ้าไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่ขอให้ลูกชายคนนี้กลับตัวกลับใจได้ก็เป็นพอ
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือคดี ที่ลูกๆ บังเกิดเกล้า สร้างปัญหาปวดหัวให้กับบุพการี เป็นตัวอย่างที่ผิดพลาด ส่วนใครที่ได้อ่านแล้วคิดจะทำผิดก็จงตระหนักไว้ ลูกดื้อ พ่อแม่อภัย แต่ถ้าทำผิดกฎหมาย ต้องถูกลงโทษสถานเดียว!

- สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่ reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ