ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย เร่งช่วยเด็กหญิงชาวอาข่า คาดอายุแค่ 15 ปี หลังตรวจอายุกระดูก ออกจากสถานพินิจฯ เพื่อกันตัวในฐานะผู้เสียหาย หลังถูกขบวนการค้ามนุษย์เอาไปค้าประเวณี ก่อนจะนำไปฝึกอาชีพ และส่งตัวกลับเมียนมา 

ด้วยองค์กรพัฒนาเอกชนด้านต่อต้านการค้ามนุษย์ เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ขอให้ช่วยเหลือเด็กหญิงชาวอาข่า ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากสถานค้าประเวณีเมื่อกลางปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา หลังจากชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เข้าจับกุมร้านชมดาวคาราโอเกะ ใน อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี ที่แอบแฝงเป็นสถานค้าประเวณีและลักลอบนำเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี มาค้าประเวณี ซึ่งเข้าข่ายเป็นการค้ามนุษย์ และพบบัญชีการจ่ายส่วยให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ พม. ได้นำเด็กหญิงชาวอาข่า ไปตรวจอายุกระดูกพบว่า มีอายุเพียง 15 ปี จึงได้รับการคุ้มครองและนำตัวไปฟื้นฟูจิตใจอยู่ที่สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เพื่อเตรียมขึ้นเป็นพยานในการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการในฐานค้ามนุษย์ และฝึกอาชีพให้ก่อนนำตัวส่งกลับบ้านที่ประเทศเมียนมา ซึ่งหลังการจับกุมมีคำสั่งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจออกจากในพื้นที่ด้วย

...

แต่ต่อมา พนักงานสอบสวนได้นำตัวออกมาจากสถานคุ้มครองฯ และนำต้วไปฟ้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีในฐานะจำเลย ในข้อหามั่วสุมในสถานค้าประเวณีและทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน โดยอ้างว่า ได้ตรวจอายุกระดูกเด็กหญิงชาวอาข่าครั้งที่ 2 แพทย์ลงความเห็นว่าอายุ ระหว่าง 15-19 ปี และได้สอบสวนพ่อแม่ของเด็กหญิงชาวอาข่า แล้ว ยืนยันว่า อายุเกินกว่า 18 ปี แต่ก่อนมีคำตัดสินผู้พิพากษาศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้สอบถามอายุอีกครั้ง เด็กหญิงชาวอาข่าให้การยืนยันว่า ตนอายุ 15 ปี ศาลจังหวัดกาญจนบุรี จึงมีคำสั่งให้โอนคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัว แต่คดีก็ยังมีการอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ ภาค 7 ด้วย ซึ่งขณะนี้เด็กหญิงชาวอาข่าอยู่ระหว่างการถูกควบคุมตัวในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในฐานะจำเลย แม้ว่า ขณะนี้จะมีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน และมีการเริ่มสอบสวนคดีใหม่ โดยได้สอบสวนเด็กหญิงชาวอาข่าเป็นพยานในฐานะผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์แล้วก็ตาม

ศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากสำนักการสอบสวนและนิติการ นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยส่วนกำกับและตรวจสอบ ลงพื้นที่สอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐาน ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนฯ โดยได้เข้าสอบถามข้อมูลกับเด็กหญิงชาวอาข่า ที่สถานพินิจฯ ซึ่งเด็กยังคงยืนยันว่า ตนอายุ 15 ปี เนื่องจากเกิดในปี ค.ศ. 2001 และทางองค์กรพัฒนาเอกชน (NVADER) ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังพ่อของเด็กหญิงชาวอาข่า ก็ทราบว่า เคยมีเจ้าหน้าที่รัฐของไทยนัดให้ไปพบที่จังหวัดท่าขี้เหล็กในประเทศเมียนมา และได้สอบถามอายุของลูกสาวตน ซึ่งตนแจ้งไปว่า ลูกสาวคนดังกล่าวของตน มีอายุ 15 ปี โดยเจ้าหน้าที่ดังกล่าวแจ้งแก่ตนว่า ให้เซ็นเอกสารและลูกจะได้กลับบ้าน ตนจึงเซ็นเอกสารภาษาไทยซึ่งตนอ่านไม่ออกไป และหลังจากที่เด็กหญิงชาวอาข่าเข้ามาอยู่ในความควบคุมของสถานพินิจฯ ได้มีการตรวจอายุกระดูกครั้งที่ 3 ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่า อายุตั้งแต่ 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของนักจิตวิทยาที่เชื่อว่า เด็กหญิงชาวอาข่ามีอายุไม่ถึง 18 ปี และจากการสอบถามแพทย์ที่ลงความเห็นผลการตรวจอายุกระดูกครั้งที่ 2 ว่า เด็กหญิงชาวอาข่า มีอายุระหว่าง 15-19 ปี นั้น แพทย์แจ้งว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐมาขอให้แพทย์ผู้วินิจฉัยลงความเห็นไปว่า อาจมีอายุ 19 ปีได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานไม่ให้เป็นคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จะเร่งรวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่างๆ เพื่อส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือเด็กหญิงชาวอาข่าให้กลับสู่สถานะผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และออกจากสถานพินิจฯ โดยเร็วที่สุดต่อไป.