เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า จากการที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับนํ้าในเขื่อนนเรศวร อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งระดับน้ำในแม่น้ำแควน้อยก็สูงขึ้นเช่นกัน โดยปริมาตรน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำที่เขื่อนแควน้อยอยู่ที่ 23.94 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีน้ำกักเก็บ อยู่ในอ่าง จำนวน 379 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำใช้การ ได้จริง 336 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ชาวนาในหลาย พื้นที่ของ จ.พิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียงเริ่มไถนา เพื่อหว่านข้าวดำกล้ากันแล้ว ส่วนแปลงนาที่ข้าวเริ่ม ออกรวงตั้งท้องต่างใจชื้นรอคอยเก็บเกี่ยวผลผลิตกัน ด้วยใจจดใจจ่อ แต่ก็มีนาข้าวในที่ลุ่มหลายแห่งโดยเฉพาะที่ อ.นครไทย อ.บางกระทุ่ม ต้องได้รับ ผลกระทบจากน้ำที่ไหลหลากเข้าท่วมขังจนทำให้ต้นข้าวได้รับความเสียหายเกือบ 2 พันไร่
ขณะที่ชาวไร่ผักในเขต ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นแหล่งปลูกผักที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด ได้รับผลกระทบจากการที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เต็มๆ โดยนายสมศักดิ์ โตกำแพง อายุ 58 ปี ชาวไร่ผัก หมู่ 8 ต.บึงพระ เปิดเผยว่า ตนลงทุนปลูกผักคะน้าไว้ 5 ไร่ ลงทุนไปกว่า 4 หมื่นบาท จนสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว แต่ต้องมาเจอฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาหลายวัน ทำให้ผักคะน้าเสียหายทั้งหมด ไม่สามารถตัดขายได้ คงต้องทิ้งผลผลิตรอบนี้ไป เตรียมไถที่ปลูกใหม่ หนี้ ธ.ก.ส.ก็คงจะส่งได้แค่ดอกเบี้ย เพราะขาดทุนไปแล้ว อีกทั้งช่วงนี้ราคาผักไม่ว่าจะเป็น คะน้า กวางตุ้ง ถูกกดราคาลงต่ำมาก แม้ผักจะไม่ เสียหายจากฝนตัดขายไปก็ไม่คุ้มทุน เพื่อนบ้านบางราย ซื้อปุ๋ยซื้อยาเป็นเงินเชื่อ ก็คงไม่มีเงินไปใช้หนี้ให้กับ ร้านค้า การลงทุนรอบใหม่ก็คงต้องอาศัยกู้เงินนอกระบบมาลงทุนกันต่อไป และอยากให้ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดหรืออำเภอส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจความ เสียหายให้กับชาวไร่ผัก ต.บึงพระ ด้วย เผื่อภาครัฐ จะเยียวยา หรือหาหนทางช่วยเหลือกันได้.
...